ดัชนีประชาธิปไตยไทยขยับสูงขึ้น 17 อันดับ
ตระกูล “คุณปลื้ม” กลับ “เพื่อไทย” ศึกบ้านใหญ่เมืองชล วัดใจใครจริง-ใครโกหก?
เมื่อ 6 ก.พ. 2566 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตสะพานสูง ประเวศ พรรคเพื่อไทย นางสาวสกาวใจ พูนสวัสดิ์ เปิดใจถึงการลงเล่นการเมืองครั้งแรกว่า ตนมีชื่อเสียงในนาม “อ๋อม สกาวใจ” มาได้ เพราะประชาชนให้การสนับสนุนมากกว่า 30 ปี ที่ผ่านมาส่วนตัวก็ออกมาคอลเอาท์ รัฐบาลตลอด แต่ดูเหมือนว่าไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ จึงตัดสินใจเข้ามาทำงานการเมืองโดยลงสมัคร ส.ส.เพื่อผลักดันนโยบายไปแก้ไขสภาฯ ซึ่งถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน และถือเป็นการตอบแทนบุญคุณประชาชน ที่ให้การสนับสนุนเขามาตลอด
โดยส่วนเหตุผลที่มาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย นางสาวสกาวใจ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่อยู่ฝั่งประชาธิปไตย และแก้ไขปัญหาแต่ละเรื่อง พรรคเพื่อไทยยึดโยงกับประชาชนเป็นหลัก เป็นองค์กรการเมืองที่เข้าถึงประชาชน ซึ่งตนได้ติดตามผลงานมาตั้งแต่ยุคไทยรักไทยจนถึงปัจจุบันเป็นพรรคเพื่อไทย และยังเป็นพรรคเดียวที่คิดนโยบายแล้วทำได้จริง
ทั้งนี้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาแปลกมาก เพราะว่าพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเป็นอันดับ 1 แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ส่วนตัวมองว่าหากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล ประเทศคงไม่เป็นเหมือนในปัจจุบัน ไม่ทำให้ประเทศย่ำอยู่ที่เดิมมา 8 ปี แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย เศรษฐกิจย่ำแย่ ค่าแรงเท่าเดิม นักศึกษาไม่มีอนาคต และผู้ใหญ่ไม่ฟังเด็ก
อ๋อม สกาวใจ ยังกล่าวถึงการตัดสินใจทำงานการเมือง หากจะกลับไปวงการบันเทิง จะเสียโอกาสหรือไม่ ว่า ตลอดชีวิตในวงการบันเทิง 30 ปี ไม่เคยทิ้งวงการบันเทิง หากงานไหนรับได้ก็จะรับ แต่วันนี้หากปล่อยให้ประเทศเป็นแบบนี้ต่อไป ตนมองว่าเสียโอกาสมากกว่า เราต้องให้คนอื่นมาเลือกนายกรัฐมนตรีให้ มันก็จะทำให้ประชาธิปไตยบ้านเราไม่เต็มใบสักที จึงเชื่อว่าหากตนเข้ามาผลักดันเปลี่ยนแปลงประเทศ ให้เป็นประชาธิปไตยแบบเต็มใบได้ มันจะคุ้มค่าที่ตัดสินใจเข้ามาทำงานการเมือง และอีกมุมหนึ่งการเข้ามาทำงานการเมือง ก็ถือว่าทำเพื่อตัวเองเหมือนกัน
"ตราบใดที่รถถังยังมาเพ่นพ่านอยู่แบบนี้ ไม่มีทางที่ประเทศ จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เชื่อว่าการตัดสินใจของตัวเองครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดและคุ้มที่จะทำแบบนี้ เพื่อประชาชน" อ๋อม สกาวใจ กล่าว
สำหรับการทำพื้นที่ในเขตสะพานสูง อ๋อม สกาวใจ ระบุว่า ใช้ชีวิตในพื้นที่นี้มาตั้งแต่เด็ก ครอบครัวก็อยู่ที่นี่ และการลงสนามการเมืองครั้งนี้ คำว่าแพ้ไม่มีอยู่ในหัว มาครั้งนี้มาเพื่อชนะ ตนมั่นใจในตัวเองและมั่นใจในพรรคเพื่อไทย
ขณะที่ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตสายไหม พรรคเพื่อไทย นายเอกภาพ หงสกุล กล่าวว่า ส่วนตัวก็มั่นใจในพื้นที่ เพราะได้ทำพื้นที่และช่วยเหลือประชาชน เคียงข้างนางปวีณา หงสกุล พี่สาวมาตลอด ประกอบกับคนในพื้นที่ส่วนใหญ่ก็เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย จึงเชื่อว่า จะสามารถชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ได้และยืนยันว่าจะทำเต็มที่
ด้านว่าที่ผู้สมัคร ส.ส เขตบางขุนเทียน นางสาวกมลพัฒน์ ปุงบางกระดี่ มั่นใจว่านโยบายของพรรคจะเป็นหมัดเด็ด ที่จะทำให้ชนะการเลือกตั้งได้
