"อยากกราบเท้าแม่" เปิดใจ “แพท พาวเวอร์แพท” 16 ปีที่อยู่ในคุก


โดย PPTV Online

เผยแพร่




“แพท - วรยศ บุญทองนุ่ม” หรือ “แพท พาวเวอร์แพท” อดีตนักร้องขวัญใจวัยรุ่น เปิดใจ16 ปี กับการชดใช้ความผิดที่ตนเองได้กระทำลงไป รอโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่ อยากกราบเท้าแม่ รู้สึกบาปหนักทำผู้มีพระคุณเสียน้ำตา

เชื่อว่าหลายคนยังคงจำกันได้ดีกับชื่อ แพท วรยศ บุญทองนุ่ม หรือ แพท พาวเวอร์แพท อดีตนักร้องที่มีเพลงฮิตติดหูจนขึ้นแท่นกลายเป็นขวัญใจวัยรุ่นในยุคนั้น แต่ทว่าโชคชะตาที่เขากำหนดตัวเองกับการไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จากเสพลุกลามไปถึงค้ายา ทำให้ชีวิตเขาพลิกผันเมื่อถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เมื่อ 16 ปีก่อน แต่เขาก็ยอมรับในสิ่งที่ตนเองทำและรับโทษ เพื่อรอโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่

ณ วันนี้ แพท พาวเวอร์แพท ถูกขังในเรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรี รอเวลาอีก 7 ปี เพื่อจะออกมาสู่โลกใบใหม่และการเป็นคนใหม่ ทาง ทีมข่าวบันเทิง “ผู้จัดการออนไลน์” ได้ขออนุญาตเข้าไปสัมภาษณ์แพทแบบ exclusive ในเรือนจำกลางบางขวาง ถึงบทเรียนราคาแพงที่เจ้าตัวเคยคิดว่าชีวิตนี้คงต้องตายในคุก หรือไม่กว่าจะพ้นโทษออกมา พ่อแม่ก็คงไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว กลายเป็นความรู้สึกผิดที่ติดค้างอยู่ในใจแพทมาตลอด ที่ทำให้แม่ร้องไห้เสียน้ำตา ทีมงาน พีพีทีวี ขอแชร์เรื่องราวนี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้แก่คนรุ่นใหม่ รวมถึงได้รับรู้ถึงการปรับตัว ปรับใจของ แพท พาวเวอร์แพท ในโลกอีกใบที่หลายคนอาจจะมองว่าเป็นโลกแห่งความมืดมน แต่เขาคนนี้กลับเพิ่มแสงสว่างให้ตัวเอง เพื่อความอยู่รอด

“ผมอยู่ในนี้เข้าปีที่ 16 ผมยังจำความรู้สึกแรกที่โดนจับได้ดี มันคาดไม่ถึงเพราะผมไม่ได้คิดอะไรเลย ตอนนั้นอ่อนประสบการณ์ชีวิต อายุ 20 ต้นๆ หลักๆ เลยต้องโทษตัวเอง และประจวบกับคบคนไม่ดีแล้วเขาชักจูง โน้มน้าวด้วยจิตวิทยา ด้วยคำพูด ด้วยการกระทำ จนเราทำเพราะคิดว่าไม่เป็นอะไรหรอก (ทำไมจิตอ่อนไปเชื่อ ทั้งที่ก็น่าจะรู้ว่ามันเป็นสิ่งไม่ดี) ไม่เชิงเป็นนักร้องเป็นดาราแล้วจมไม่ลง แต่เป็นคนเชื่อใจคนง่ายเกินไป เพื่อนอยากทำอะไรก็โอเคทำๆ ขาดการยับยั้งชั่งใจ เป็นคนตามใจตัวเองมากเลย เริ่มแรกผมเสพก่อน แล้วถึงมาขาย"

หตุผลหลักที่ค้ายาเพราะอะไร หรือเพราะเห็นว่ามันรวยเร็ว

"ตอนนั้นผมไม่ได้คิดค้ายา เสพอย่างเดียว แค่มีให้เสพก็พอแล้ว ตอนนั้นก็ติดยาหนักเลยแหละ เล่นทุกอย่างยกเว้นเฮโรอีน ผมเอายามาจากกลุ่มเพื่อนที่คบ มันเสี่ยงตั้งแต่ผมเข้าไปยุ่งกับยาเสพติดแล้วล่ะ ถ้าเข้าไปวงจรนั้นมันจะค่อยๆ ซึมไปเรื่อยๆ ที่เลิกไม่ได้ ที่ถลำลึกอยู่ที่ใจตัวเองมากกว่า ช่วงนั้นงานในวงการผมไม่ค่อยดีแล้วครับ และมีปัญหาธุรกิจด้วยโดนโกงจนเจ๊ง แล้วผมก็เป็นคนใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ตอนวัยรุ่นวันนี้หามาก็ใช้ไป ไม่ได้คิดถึงอนาคต นี่คือเหตุผลหลักๆ เลย ไม่รู้ไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหน เหตุผลที่ผมไปเสพยา เพราะรู้สึกว่าคนอื่นไม่เข้าใจ คุยกับใครไม่รู้เรื่อง ส่วนที่บ้านผมก็ไม่รู้จะไปคุยกับใคร เหมือนรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจเรา ไม่ใช่เสพยาเพราะประชดชีวิต แต่ผมเสพยาเหมือนเป็นเพื่อน ผมเป็นคนที่ไม่ชอบไปห้าง ไม่ชอบที่คนเยอะๆ ไม่ชอบชีวิตในมหาวิทยาลัย จะบอกว่าติสต์จัดก็ได้ ผมรู้ว่ายาเสพติดมันไม่ดี แต่ตอนนั้นผมมองว่ายาเสพติดมันเป็นเพื่อน มันเป็นการผ่อนคลายจากการที่เราเหนื่อยกับสิ่งที่เจอ เบื่อกับปัญหา ก็เลยไปยุ่งกับยาเสพติด ตอนนั้นเราคิดน้อยไป ไม่ได้คิดแม้กระทั่งว่าถ้าติดยาขึ้นมาจะทำยังไง หรือโดนจับจะเป็นยังไง รู้แค่คดียาเสพติดโดนจับ 2-3 ปีก็ปล่อยออกมาแล้ว คิดแค่นี้จริงๆครับ สมัยก่อนมันไม่เหมือนปัจจุบัน ผมเป็นวัยรุ่นที่ไม่เสพสื่อ และไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย ผมไม่รู้ว่าคดีเสพติดกี่ปี มียาเสพติดครอบครองเพื่อจำหน่ายติดกี่ปี ถ้าจำหน่ายแล้วตำรวจล่อซื้อมีเบอร์แบงค์ก็จะหนักขึ้นไปอีกทวีคูณ หรือถ้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจำหน่ายจ่ายแจกบรรจุภัณฑ์ก็จะถูกตีความเป็นการผลิต ซึ่งมันจะมีข้อกฎหมายยิบย่อยพวกนี้ที่ผมไม่รู้ มันก็เลยขาดความยั้งคิด”

ยอมรับผิด ไม่เคยคิดถึงพ่อแม่ ไม่ผูกพัน ออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 16 มีนักร้องติดยาเป็นไอดอล

ตอนนั้นไม่นึกถึงพ่อแม่เลยครับ ไม่ผูกพันกับครอบครัวเลย ความรู้สึกเฉยๆ มาก ผมเป็นลูกคนเดียว ตอนนั้นผมไม่สนิทกับคุณพ่อคุณแม่เท่าไหร่ เพิ่งมาสนิทตอนที่เข้ามาอยู่ในนี้(เรือนจำ) ผมออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 16-17 ปี ออกมาอยู่เอง เล่นดนตรี ใช้ชีวิตเองตลอด ทำให้ไม่ค่อยผูกพันกัน แต่ผมจะไปเจอแม่บ่อย ปีนึงก็หลายครั้ง แต่เจอพ่อปีละครั้ง ล่าสุดก่อนเข้ามาในนี้ผมเจอพ่อ 2 ปีครั้ง แล้วตอนนี้พ่อกับแม่เหมือนสบายใจมากที่ผมมาอยู่ในนี้ คือยังไงก็รู้ว่าผมอยู่ไหน(หัวเราะ) แม่มาเมื่อไหร่ก็เจอ แต่อยู่ข้างนอกตามตัวผมยากมาก ผมเสพดนตรีร็อกของอเมริกัน และฝังหัวมาตั้งแต่วัยรุ่นตั้งแต่เริ่มเล่นดนตรี ผมจะรู้ว่าวิถีชีวิตของร็อกสตาร์เขาใช้กันยังไง เสพยา เจ้าอารมณ์ คลั่งเลย เหมือนลัทธิเลย เหมือนศาสนาของเรา พระก็ไม่ไหว้ ผมนับถือพุทธแต่ไม่เคยไหว้พระ ไม่มีความเชื่อศรัทธาใดๆ ทั้งสิ้น แต่ผมไม่รู้นักร้องคนอื่นเป็นหรือเปล่านะ แต่ในตอนนั้นผมเป็นแบบนี้ มันเป็นวัฒนธรรม แต่ลองไปดูผลลัพธ์จุดจบสิ คนที่ผมชอบ ที่เคยยึดเขาเป็นไอดอล ขอไม่เอ่ยชื่อละกันนะครับ(ศิลปินต่างประเทศ) ตอนดังๆ เขาเล่นยา ทุกวันนี้ผลงานไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง บางคนก็ตายไปตั้งนานแล้ว บางคนยังไม่ตายแต่ชีวิตพังหมดแล้ว ผมอยากจะฝากวัยรุ่นเลยให้ดูคนเหล่านี้เป็นตัวอย่างว่ามีจุดจบยังไง ตอนนั้นผมแยกแยะไม่ได้ รู้สึกแค่ว่ามันเท่ มันคือศาสดาของเรา คนที่เชื่ออะไรแบบนี้อาจจะเป็นเพราะความเชื่อ ความเป็นกบฏทางความคิดทางสังคมของเขา ตอนนี้ผมรู้แล้วเพราะโตแล้ว ไอดอลมีเยอะแต่ต้องเลือก ไม่ใช่จะเอามาเป็นไอดอลเราได้ทุกคน ไม่ใช่เขาเล่นยาแล้วเราจะเล่นบ้าง เขานักเลงแล้วเราจะนักเลงบ้าง มันไม่ใช่”

รู้สึกบาปที่ทำให้แม่ร้องไห้ ทำให้พ่อต้องโทษตัวเอง

“แม่ร้องไห้บ่อยครับ เห็นน้ำตาแม่แล้วสะเทือนใจครับ ตอนแรกที่เกิดเรื่องผมรับไม่ได้ที่ได้เห็นน้ำตาแม่ และเอาจริงๆ ก็คือรับในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ด้วย ตอนนั้นผมเสียใจมาก เสียใจที่ทำให้แม่เสียใจ รู้สึกตัวเองบาปมาก พ่อด้วย ถึงพ่อจะไม่ร้องไห้แต่ผมก็รู้ว่าพ่อเสียใจและเป็นห่วงผมมาก และรู้สึกว่าพ่อโทษตัวเองด้วย พ่อไม่ได้พูดแต่ผมรู้สึกได้ว่าเขาโทษตัวเองว่าดูแลผมไม่ดีพอ เขาปล่อยปะละเลยเราเกินไป จนทำให้เราเป็นแบบนี้ ถ้าเขาเข้มงวดกับผมมากกว่านี้อาจจะไม่เป็นแบบนี้ นี่คือสิ่งที่พ่อโทษตัวเอง แต่ผมก็ได้บอกพ่อไปแล้วว่าไม่ใช่ความผิดของพ่อหรอก มันเป็นสิ่งที่ผมเลือกเอง ที่ผ่านมาก็ได้ขอขมาพ่อกับแม่แล้วครับ แต่ยังไม่เคยกราบเท้าขอขมาท่านเลยครับ แค่ไหว้ขอขมาเฉยๆ ผมรู้ว่าพ่อกับแม่ได้ต้องการอะไรหรอก แต่ส่วนตัวผม ตั้งแต่คิดได้ก็ทำมาตลอด ก็คือทำตัวให้ดีขึ้น รู้หน้าที่ตัวเอง ต้องอยู่ให้รอดปลอดภัยจนวันที่ได้ออกไปข้างนอก และจะกลับไปดูแลเขาเพราะพ่อแม่ดูแลผมมานานแล้ว

16 ปีที่อยู่ในนี้ผมได้บทเรียนเยอะ ได้ชีวิตที่มันควรที่จะเป็น ทั้งความคิด ทั้งทุกอย่างในชีวิตเลยก็ว่าได้ ถ้าจะให้พูดให้ครบถ้วนยังไงก็ไม่หมด แต่ที่แน่ๆ เลยก็คือเรื่องครอบครัว ผมไม่เคยรู้เลยว่าพ่อแม่เขารักผมขนาดนี้ ไม่เคยรู้สึกได้เลย เราจะรู้สึกได้ตอนเราแย่ ตอนเราลำบาก ตอนเราไม่เหลือใคร และเป็นคนสุดท้ายที่ไม่เคยทิ้งเราเลย จนทุกวันนี้ก็ไม่เคยทิ้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่เคยทำตัวเป็นลูกที่ดีเลย ตอนเป็นนักร้องและเล่นละครหาเงินได้ให้เงินแม่บ้าง แต่ไม่เคยให้พ่อเลยครับเพราะไม่ได้สนิทขนาดนั้น ฟังดูแย่มากเนอะ ทั้งที่ตอนเด็กๆ เราก็รักและผูกพันเหมือนพ่อลูกทั่วไปนะ แต่อาจจะเป็นเพราะคิดว่าพ่อมีงานทำเป็นผู้ชายดูแลตัวเองได้ ก็เลยไม่ได้ให้เงินเขาเลย แล้วพ่อผมเป็นคนที่ไม่เคยเรียกร้อง พ่อเป็นคนที่ไม่พูด เขาจะไม่บอกเลยว่าผมจะต้องเป็นอะไรยังไง ให้เรียนรู้เอง

ตอนนี้ผมได้รู้ความสำคัญของครอบครัวว่าสำคัญต่อจิตใจ สำคัญต่อทุกอย่างในชีวิต ครอบครัวนี่คือที่สุดแล้ว ทุกวันนี้ถ้ามีโอกาสได้เจอพ่อกับแม่ในวันพบญาติใกล้ชิด ผมจะกอดจะหอมแก้มทั้งพ่อแม่ หรือกับพี่สาวที่ต่างพ่อ ทำแบบไม่มีอาย ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยทำ (ยิ้ม) พี่สาวผม ถึงจะต่างพ่อแต่เขารักผมมาก รักเหมือนพี่น้องคลานตามกันมา พ่อผมก็รักเขาเหมือนลูกแท้ๆ”

ต้องติดคุก 50 ปี แต่ไม่เคยสิ้นหวังเพราะไม่อยากตายในคุก

“ผมเข้าใจดีว่าผมต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป นี่คือสิ่งที่เราต้องชดใช้ และผมก็มองไปข้างหน้าด้วยว่าอยากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ รับโทษเสร็จแล้วก็อยากออกไปทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ก็คือดนตรี ศิลปะ และทำสิ่งที่ผมเคยมองข้ามไป อย่างเรื่องครอบครัว ผมอยากออกไปดูแลครอบครัว”

ตอนที่รู้ว่าตัวเองต้องติด 50 ปี เคยหมดหวังไหมว่าต้องตายในนี้ หรือถ้าได้ออกไปก็คงแก่มากแล้ว

ไม่เคยหมดหวังครับ แต่ยอมรับว่าตอนตัดสินใหม่ๆ ก็งงกับตัวเองเหมือนกันว่าจะอยู่ได้ยังไงวะ ก็เป๋เหมือนกัน ความคิดก็แกว่งเลยล่ะ แต่ก็พยายามตั้งสติว่ามันจะมีหนทางไหนบ้างที่จะทำให้เราอยู่ในนี้น้อยกว่านั้น ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องตายในคุก ผมไม่อยากตายในนี้ (ยิ้ม) ผมมีหลายอย่างที่อยากจะทำ ก็เลยเป็นแรงผลักดันที่ดีให้อยากออกไป มันก็เลยไม่เคยท้อแท้สิ้นหวังเลย การทำให้พ่อแม่เสียใจมันรู้สึกแย่มากนะครับ ผมได้รู้ซึ้งแล้วว่าอย่าทำเลย การเป็นพ่อแม่คนจริงๆ เขาไม่ได้ต้องการอะไรจากลูกมากหรอก แค่ลูกเป็นคนดี ไม่สร้างปัญหาให้กับสังคม ไม่สร้างปัญหาให้กับคนอื่น แค่นี้พ่อแม่ก็พอใจแล้ว เมื่อก่อนผมอาจจะคิดว่าต้องประสบความสำเร็จ ต้องมีเงินเยอะๆ ค่อยกลับไปดูแลพ่อแม่ ความจริงไม่จำเป็นหรอก ถึงไม่มีเงินก็เป็นลูกกตัญญูได้ กตัญญูทำได้ตั้งหลายอย่างไม่ต้องใช้เงินก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรออะไร ทำเลยก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำ เพราะเวลามันย้อนกลับไปไม่ได้ มีเงินก็ซื้อเวลากลับไปไม่ได้ เขาไม่ต้องการอะไรไปมากกว่าให้ลูกคอยเป็นห่วงและดูแลเขาหรอก ไปหาพ่อแม่บ้าง โทร.หาบ้าง ไปกินข้าวด้วยกันบ้าง แค่นี้เขาก็มีความสุขแล้ว”

“แพท พาวเวอร์แพท” อีก 7 ปีพ้นโทษ วันนี้จบนักธรรมเอก

หมายเหตุ: ด้วยกฎระเบียบของเรือนจำที่ห้ามไม่ให้เผยแพร่ใบหน้าผู้ต้องขังสู่สายตาประชาชน

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก manager Online

 

 

 

TOP ข่าวบันเทิง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ