“กองทัพ พีค” ขอบคุณ “พ่อปราบ” ซัพพอร์ตทุกการเดินทาง ยกเป็นต้นแบบการทำงาน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




เปิดใจพระเอกหน้าใส “กองทัพ พีค” ลูกชาย “ปราบ ยุทธพิชัย” กับเส้นทางในวงการบันเทิง ที่พ่อคอยสนับสนุนและให้คำแนะนำ จำขึ้นใจ “ตัวใครตัวมัน” คำที่พ่อเคยบอกไว้

ลูกคนดัง ความสามารถล้น ตามรอย “คุณพ่อ” เข้าวงการ

เป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งมาแรง สำหรับ กองทัพ พีค ลูกชายของ ปราบ ยุทธพิชัย นักแสดงมากฝีมือ ที่กว่าจะมาถึงวันนี้ต้องพิสูจน์ตัวเอง จนขึ้นแท่นพระเอกหน้าใหม่ที่น่าจับตามองของวงการบันเทิง

ต้องบอกว่าหนุ่มคนนี้ดีกรีไม่ธรรมดา นอกจากการแสดงแล้ว ยังมีความสามารถด้านดนตรี กีฬา และการร้องเพลงอีกด้วย และเขาก็ทำให้เห็นแล้วว่ามาถึงจุดนี้ด้วยความทุ่มเท โดยมีคุณพ่อเป็นต้นแบบและคอยสนับสนุน “พีค” เปิดใจเล่าถึงการก้าวเข้าทำงานตรงนี้และความผูกพันกับวงการบันเทิงเพราะคุณพ่อ

ทำความรู้จัก “พีค กองทัพ” หนุ่มไทยหนึ่งเดียวในรายการ PRODUCE X 101

โดยเขาเริ่มเล่าถึงความปลื้มใจของครอบครัว กับผลงานละครเรื่องล่าสุดที่เปรี้ยงและทำให้เขาขึ้นแท่นหนุ่มฮอต “ดีมากเลยครับ ทุกคนแฮปปี้ เอาคนใกล้ตัวพีคก่อนคุณพ่อคุณแม่ก็แฮปปี้มากคุณย่าคุณยายที่อยากเห็นพีคอยู่ในละครก็ดีใจที่ได้เห็นครับผม ถามว่าฟีดแบคจากคุณพ่อเป็นยังไงบ้างเหรอครับคือพ่อก็ได้ดูทุกตอนเลยตั้งแต่วันแรก ทีเซอร์ตัวแรกเขาก็แฮปปี้ครับ เขาก็ดีใจที่ผลงานลูกได้ออกมาแล้ว

ถามว่าพ่อคอมเมนต์ยังไงเหรอครับ ส่วนมากเวลาที่พีคทำเพลงหรืออะไร เขาก็จะอยู่กับพีคด้วย แล้วพีคก็จะเป็นคนเรียกเขาให้มาฟังเพลงอะไรอย่างนี้ แล้วพอเพลงได้ออกมาอยู่ในทีวีเขาก็ตบมือแล้วเขาก็บอกว่าในที่สุดมันก็ได้ออกมาแล้ว นี่แหละครับ เขาก็บอกว่า “ตัวใครตัวมันนะลูก” นี่คือสิ่งที่เขาพูดมาตลอด ละครจบแล้วเขาก็ยังพูดเหมือนเดิมว่าตัวใครตัวมันลูก (หัวเราะ) คืออยากให้พีคไปหาประสบการณ์ด้วยตัวเอง แล้วในอนาคตก็อยากจะให้พีคสามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเองครับ”

พ่อไว้วางใจเขาปล่อยให้เราเดินเส้นทางของตัวเอง?

“ใช่ครับ ตั้งแต่วันแรกที่พีคกลับมาจากอังกฤษ เขาก็กอดพีคและกระซิบว่า "ตัวใครตัวมันนะลูก" ผ่านมาจะ 5 ปีแล้วเขาก็ยังบอกคำนั้นอยู่ครับ ทุกการเดินทางของพีคก็คือตัดสินใจเองร่วมกับทีมร่วมกับผู้จัดการ ส่วนคุณพ่อคุณแม่ก็ซัพพอร์ต”

รู้สึกยังไงบ้างที่คุณพ่อคอยซัพพอร์ตคอยอยู่ข้างหลังเราตลอด?

“พีคว่าพีคกับคุณพ่อเหมือนเพื่อนกันมากกว่าครับ เหมือนเราเป็นฟีลพ่อลูก แต่ก็เป็นฟีลพ่อลูกที่เป็นแบบเพื่อน เราพูดคุยแล้วแชร์กันตลอดเรื่องการทำงาน เราแชร์ด้วยกันเกือบทุกวัน เวลาพีคเจอปัญหาเขาก็จะคยให้คำแนะนำในสิ่งที่แนะนำได้ครับ (ยิ้ม)”

เรียกว่าพ่อเป็นแรงผักดันของเราในการเข้าวงการนี้?

“ใช่นะครับ ก็เหมือนกับการที่ซึมซับมาตั้งแต่เด็ก ลืมตามาก็เห็นเขาในทีวี จำได้ว่าเห็นเขาตลอดก็เลยรู้สึกว่าการที่เราอยู่ตรงนั้นก็เหมือนกับการสืบทอดกันมาเรื่อยๆครับ จากวันที่เห็นพ่อทำงานจนมาถึงวันที่ตัวเองได้ทำงาน พอได้เข้ามาในวงการจริงๆ ก็รู้สึกได้เลยว่ามันเหนื่อยมากในการทำงานกว่าจะผ่านอะไรมา บางอย่างกว่าละครเรื่องนึงจะถ่ายเสร็จ แต่คือมันไม่ใช่ 2-3 เดือนมันคือเป็นปี แล้วในการจำบทต่างๆ มันก็ไม่ได้ง่ายในการไปแสดง เป็นนักแสดงก็ไม่ได้ง่าย ในการเป็นไอดอลก็เช่นกันครับ ก็ไม่ได้ง่ายเลย”

“โตโน่” ชื่นชม “ปราบ ยุทธพิชัย” เดินขอคะแนนโหวตให้ลูกชาย “พีค กองทัพ” ที่เกาหลี

รู้สึกอย่างไรบ้างที่จากวันที่มีคนแค่ไปส่องอินสตาแกรมว่าเป็นลูกชายของ “พ่อปราบ” จนวันนี้ได้มาเป็นพระเอกละครแล้ว พิสูจน์ตัวเองได้แล้วว่าเข้าวงการมาด้วยความสามารถไม่ใช่เพราะพ่อดัน?

“พูดตามตรงก็ภูมิใจในตัวเองนะครับ ที่เราเลือกทางเดินเองมาตลอด ไม่มีอันไหนเลยที่ผมตัดสินใจแล้วคุณพ่อไม่ซัพพอร์ต รู้สึกขอบคุณและภูมิใจในตัวเอง ขอบคุณที่มีครอบครัวคอยซัพพอร์ตตลอด ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ 5 ปีแล้วมั้งครับ มันก็เร็ว เวลาผ่านไปเร็ว พอย้อนกลับมาดูก็รู้สึกว่ามันเป็นการเดินทางที่ตื่นเต้นและสนุก”

ในช่วงแรกที่คนมองว่าเราเส้นพ่อ มีแค่ความหล่อ น้อยใจไหม?

“จริงๆก็ห้ามใครคิดไม่ได้หรอกครับ พีคเข้าใจ แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะน้อยใจไปทำไมครับ (ยิ้ม) พีคว่าความจริงมันก็คือความจริงอยู่ดีครับ แต่ก็ทำให้ตัวพีคต้องผลักตัวเองมากขึ้น มันเป็นแรงกระตุ้นมากกว่าที่จะมานั่งน้อยใจครับ”

ก่อนเข้าวงการโดนเปิดวาร์ปเป็นลูกดาราหน้าตาดี?

“จริงๆตอนนั้นไม่ได้อยากเปิดครับ (หัวเราะ) เพราะว่าคุณพ่อบอกตลอดอยู่แล้วว่าอยากให้พีคเดินด้วยตัวเอง วันที่ถูกเปิดวาร์ปจำได้เลยว่า ตอนนั้นยืนทอดไข่เจียวอยู่ที่อังกฤษไอจีเด้งขึ้นมาจากหลักร้อย เป็นหลักพัน จนเป็นหักหมื่น ก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น คนรู้ว่าเป็นลูกคุณพ่อ ก็ตกใจแล้วจากนั้นแพลนเดิมที่วางไว้ก็ไม่เป็นไปตามแพลนเลยครับ ตอนแรกแพลนว่ากลับจากอังกฤษจะพักผ่อนสัก 4 เดือนก่อน แต่พอมาแลนด์ดิ้งเมืองไทยปุ๊ปก็เริ่มทำงานตั้งแต่วันนั้นเลยครับ (หัวเราะ)”

ตอนที่ถูกทาบเข้าวงการตอนนั้นเราตัดสินใจยังไง?

“คือพีคเรียนศิลปะการแสดงที่อังกฤษอยู่แล้ว จะเน้นการเต้น การร้องเป็นหลัก มีเรียนการแสดง และได้เจอกับ “ลุงปิ๊ก” (ปิ๊ก ชาญฉลาด (ผู้จัดการส่วนตัว)) ตอนอายุประมาณ 14 ปี และก็ได้ทำงานด้วยกัน”

มีช่วงเวลาที่ท้อและเหนื่อยไหม?

“มีครับ ช่วงที่อยู่เกาหลี (เข้าร่วมประกวดรายการ PRODUCE X 101) คือไปอยู่ประมาณครึ่งปี แต่มันเหมือน 6 เดือนที่เอา 6 ปีมารวมกันภายในระยะเวลานั้น เพราะเทรนด์หนักมาก เข้มข้นมาก จนบางทีนั่งๆอยู่ก็น้ำตาไหลคิดถึงบ้าน คำถามในหัวตอนนั้นก็คือเรามาทำอะไรที่นี่ โมเมนต์นี้มาบ่อยมาก แต่ก็บอกตัวเองว่าให้สู้ต่อไป เพราะเราเลือกเอง ทำใจแล้วไปต่อ ตอนนั้นอายุ 18 ปีครับ”

“พีค กองทัพ” คนไทยคนแรก ร่วมรายการดังเกาหลี PRODUCE X 101

เรื่องภาษาเป็นอุปสรรคไหม?

“พีคพูดได้แค่ทำทักทายเลยในตอนแรก ส่วนภาษาอังกฤษที่โน่นไม่ค่อยได้มากเท่าไหร่ครับ ในระหว่างที่อยู่ในการแข่งขันก็เหมือนเปิดเซ้นส์ภาษาที่สามของพีคเลยครับ แรกๆก็ใช้สังเกตุเอาว่าเขาทำอะไรกัน เขายืนพีคยืน เขานั่งพีคนั่ง เขาขำพีคก็ก็ขำบ้าง (ยิ้ม) ที่เห็นว่าหน้านิ่งๆคือฟังที่เขาพูดกันไม่ออกครับ แต่ก็จะมีผู้เข้าแข่งขันที่เป็นต่างชาติเหมือนกันก็จะคุยภาษาอังกฤษกัน ยอมรับว่าอาทิตย์แรกเป็นวีคที่หนักมากๆ ร้องไห้เยอะที่สุด ด้วยความคิดถึงครอบครัวด้วยครับ แต่หลังจากนั้นก็พยายามปรับตัวและผ่านมาได้ครับ

ก่อนที่จะไปร่วมแข่งขันรายการนี้ ทางเมเนเจอร์ที่เกาหลีก็บอกครับว่ารายการนี้ค่อนข้างหนัก เราตัดสินใจแล้ว ไหวใช่ไหม พีคก็คิดว่ามันก็แค่เหนื่อย มันขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ที่ต้องสู้กับตัวเอง ซึ่งมันเหมือนกับปลดล็อกอะไรบางอย่างในชีวิตพีค อย่างความอดทนในชีวิตว่าการทำงานมันต้องเหนื่อยนะ และก็ทำให้เข้าใจโลกมากขึ้นด้วย การอยู่คนเดียวทำให้พีคโตขึ้นเยอะมากๆ เหมือนอีกหนึ่งสเต็ปในชีวิต คุ้มครับ พีคยังดีใจและภูมิใจที่ตัดสินใจไปตรงนั้นครับ”

หลังจากนี้การเป็นศิลปินจะทำควบคู่ไปกับการแสดง?

“ควบคู่กันไปครับ เพราะอยากทำทั้งสองอย่าง ทุกอย่างมีเสน่ห์หมดเลย อยากจะลุยงานให้เต็มที่”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

TOP ข่าวบันเทิง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ