5 หนุ่มคลื่นลูกใหม่ “ต้าห์อู๋ - ออฟโรด - ไดร์ม่อน - เจลเลอร์ - เป็นต่อ” สานฝันก้าวสู่บอยแบนด์ T-POP


โดย PPTV Online

เผยแพร่




“พีพีทีวี นิวมีเดีย” พาไปคุยกับ 5 หนุ่ม LAZiCON กับเส้นทางความฝัน วันนี้ได้เป็นศิลปิน “บอยแบนด์” หน้าใหม่ เตรียมเขย่าวงการ “ที - ป็อป”

“มนต์แคน แก่นคูน” เผยความรู้สึก หลังคว้าศิลปินยอดรับชมยูทูบสูงสุด 2 ปีซ้อน

ส่องภาพซุปตาร์ย้อนวันวาน ต้อนรับ “วันเด็ก 2565”

ฝ่าฟันจากเด็กฝึก จนในที่สุดก็เป็นศิลปินตามฝัน สำหรับ ต้าห์อู๋ - พิทยา แซ่ฉั่ว , ออฟโรด - กันตภณ จินดาทวีผล , ไดร์ม่อน - ณรกร ณิชกุลธนโชติสุข, เจลเลอร์ - กฤติมุก จันทร์ชื่น และ เป็นต่อ - จีรภัทร พิมานพรหม

5 หนุ่ม “LAZiCON ไอคอนป๊อป ตัวท็อปเดบิวต์” ที่กวาดคะแนนโหวตจากแฟนคลับทั่วประเทศอย่างถล่มทลาย ได้เดบิวต์เป็นบอยแบนด์เบอร์ล่าสุด ที่เตรียมจะมาปลุกกระแสวงการ T – POP ให้ลุกโชนอีกครั้ง แต่เส้นทางที่กว่าพวกเขาจะมาถึงวันนี้ได้ ต้องต่อสู้กับอุปสรรคมากมาย 

ซึ่งพวกเขาทั้ง 5 เล่าถึงความรู้สึกที่ได้ยินเสียงประกาศชื่อของตัวเอง มันเหมือนฝันที่ไม่กล้าฝัน แต่วันนี้มันเป็นจริงแล้ว!!   

ต้าห์อู๋ : “ผมรู้สึกมีความสุขมากๆ ยังนึกถึงโมเมนต์ที่เขาประกาศชื่อออกมาว่าอันดับหนึ่ง “ต้าห์อู๋ พิทยา” มันมีความสุขที่นึกถึงทีไรมันสำเร็จแล้วนะ ก็ต้องยอมรับว่าจริงๆแอบหวังลึกๆ เพราะวันนั้นผมไม่ได้ไปสเตจ เนื่องด้วยสุขภาพที่ยังไม่เต็มร้อย ที่ผมหวังว่าจะได้เดบิวต์ เพราะว่าถ้าได้เดบิวต์ก็ยังมีโอกาสได้ขึ้นสเตจให้แฟนคลับได้ดูต่อ เหมือนเป็นการทดแทน เพื่ออนาคตเราจะได้ขึ้นสเตจใหม่ครับ สำหรับผมได้ที่หนึ่งก็เกินคาดครับ เพราะว่าผมเองเข้ามาในรายการนี้ไม่เคยตั้งใจว่าจะต้องเดบิวต์ จะต้องเป็นที่หนึ่ง แต่เข้ามาด้วยความตั้งใจว่ามีสเตจ มีพื้นที่ให้เราได้ขึ้นโชว์ แต่พอมาอยู่ตรงนี้แล้วก็เป็นเหมือนแรงผลักดันว่าต่อไปเราจะเคลื่อนที่ จะมูฟไปทางไหน เราจะไปกับวง เราจะเป็นศิลปินในทางไหน จะต้องดีขึ้นมากกว่านี้แค่ไหน ทำยังไงให้รักษามาตรฐานแบบนี้ต่อไปให้คนยังชื่นชอบผลงานเราต่อไป”

ด่วน! ฉีดวัคซีนเข็ม 3 นนท์พร้อมเปิดจอง "โมเดอร์นา" เช็กเงื่อนไข เริ่ม 14-16 ม.ค.

ออฟโรด : “ผมเองก็รู้สึกไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะมาได้ไกลขนาดนี้ จากวันแรกที่เข้ามาผมไม่ได้คาดคิดว่าจะได้เดบิวต์ คือผมมีแพชชั่นก็คือว่าอยากทำสเตจออกมาให้ดี อยากมีผลงานในยูทูบอยากทำวงฟอร์มทีมกับเพื่อน แล้วสุดท้ายเลยคือความตั้งใจของผมมันแสดงให้ทุกคนได้เห็น ขอบคุณทุกคนมากเลยครับ แต่ผมก็จะมาอยู่จุดนี้ไม่ได้เลยถ้าไม่ได้กำลังใจจากทุกคน เหมือนเรามาสานต่อความฝันให้เพื่อนๆทั้ง 35 คน มันก็เป็นอะไรที่ดีมากๆเลยครับ”

ไดร์ม่อน : “รู้สึกแบลงค์แบบงงๆ จากผมเป็นคนที่อยู่อันดับท้ายๆ แล้วก็พุ่งขึ้นมาอยู่อันดับ 3 มันเกินคาดฝันจริงๆ อยากขอบคุณทุกคนจริงๆที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่ม่อนไม่มีแฟนคลับเลย จนมีถึงตอนนี้ ถ้าม่อนไม่มีทุกคนก็คงไม่มีม่อนเป็นแบบนี้ ทุกคนให้ม่อนเป็นแบบนี้แล้ว ม่อนก็จะทำให้ทุกคนไม่ผิดหวังแน่นอนครับ”

เจลเลอร์ : “ตอนนั้นดีใจและก็ตื่นเต้นมาก จนไม่รู้จะพูดอะไรออกมาเลย อยากพูดหลายอย่าง อยากขอบคุณทุกอย่างที่ทำให้เรามาอยู่จุดนี้ได้ ก็ขอบคุณทุกคนที่โหวตให้และเป็นกำลังใจให้เจลมาตลอด ตื้นตันมากๆ ปลดล็อค 8 ปี ทำได้แล้ว”

เป็นต่อ : “ก็รู้สึกว่าตื้อไปหมดเลย ได้ยินผิดหรือเปล่า แต่ภาพที่เห็นคือทุกคนกรูเข้ามาเลย (หัวเราะ) ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ก็เดินขึ้นไปก็รู้สึกว่ามันเป็นที่ของเราจริงๆ ในโมเมนต์ตรงนั้นเหมือนฝันอยู่ อยากจะขอบคุณทุกคน ผมดีใจมากๆที่เห็นว่าทุกคนคอยซัพพอร์ตและมีคนรักมากขนาดนี้”

“ต้าห์อู๋” วันที่เรารู้ว่าไม่ได้ขึ้นโชว์ไฟนอลสเตจ ความรู้สึกตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง?

ต้าห์อู๋ : “ผมรู้สึกแค่เสียใจแค่แป๊ปเดียวจริงๆ ทุกอย่างต้องมูฟ ต้องเดินต่อไป ผมก็มีมูสกับมันแป๊ปนึง แต่ว่าในเมื่อเราขึ้นไม่ได้แล้ว เราเสียใจไปก็เท่านั้น เพราะฉะนั้นเรามาทำสิ่งต่อไปให้มันดีที่สุด ปรึกษาทีมงานว่าเราทำอะไรได้อีก เราทำตรงไหนได้และตรงไหนมันยังมีเราเข้าไปได้อีก อย่างน้อยเราจะไม่เสียโมเมนต์อย่างน้อยขึ้นไปอยู่บนหน้าจอ มันก็ยังดีกว่าไม่ได้ไปเลยหรือว่าเราไปมูสตอบมันเยอะๆ จริงๆผมค่อนข้างเป็นคนมูฟออนไวด้วย เวลาผิดหวังอะไรผมค่อนข้างจะไปได้ไว ก็ต้องขอบคุณทุกคนมากๆครับ แฟนคลับน่ารักมาก ผมก็บอกพวกเขาว่าไม่เป็นไร เขาจะบอกว่าสิ่งที่ผ่านมาผมทำให้พวกเขาเห็นศักยภาพของผมแล้ว (ยิ้ม)”

วันนี้ได้มีชื่อว่าเป็น “ศิลปิน” เป็น “บอยแบนด์” ภูมิใจในตัวเองกันขนาดไหน?

ต้าห์อู๋ : “ภูมิใจครับ ที่ผ่านมาผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีดวง มีโชคชะตาอะไรดีๆมาก แต่ผมก็จะวิ่งหาโอกาส การมาออดิชั่นที่นี่เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก คิดว่าตัวเองเลือกไม่ผิดเลย ที่ยังวิ่งตามความฝัน ถามว่าได้ที่หนึ่งคนคาดหวังผมกดดันไหมเหรอครับ อย่างที่ผมบอกไปตอนประกาศผลว่าเอาความคาดหวังมาตั้งไว้ที่ผมได้เลย เพราะว่ามันไม่ใช่แค่สิ่งที่จะต้องรับผิดชอบ แต่มันเป็นสิ่งที่ผมอยากทำให้ มันไม่ใช่หน้าที่ที่ผมมายืนตรงนี้แล้วผมจะต้องทำในหน้าที่เพราะผมได้ที่หนึ่ง แต่มันคือสิ่งที่ในเมื่อเขาให้มาแล้ว ผมควรให้อะไรกลับไปเช่นกัน คอมเมนต์มาได้เลยอยากจะให้เปลี่ยนอะไร  ถ้าเปลี่ยนได้ก็จะเปลี่ยนให้ ผมรับฟัง จริงๆผมชอบเวลามีคนมาติหรือว่าสอน เพราะว่ามันทำให้โตขึ้นถ้าเป็นอะไรที่มันดี ผมรู้สึกส่วนใหญ่เขาจะติเพราะความรัก ผมก็เลยรู้สึกว่าโอเค เดี๋ยวทำให้”

ออฟโรด : “มันเหมือนเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อนะครับ เหมือนเปลี่ยนจากเด็กชายมาเป็นนาย มันบ่งบอกว่าเราโตขึ้น มันบ่งบอกว่าสิ่งที่รอเราอยู่คือความรับผิดชอบมันสูงขึ้น ด้วยความที่เราเป็นศิลปินการที่เราจะได้มีผลงานออกไปแล้วทำให้มีคนได้ติดตาม นี่เป็นอีกหนึ่งความฝันขอผมเหมือนกันที่สักวันนึงเราจะมีซิงเกิ้ล มีผลงานเป็นของตัวเอง มีคนโคฟเวอร์ร้องตาม มันเป็นอะไรที่น่าภูมิใจ แล้วกว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ มันไม่ใช่เรื่อง่ายๆเลย ต้องใช้ความพยายาม ต้องใช้แรงกายแรงใจทุกอย่างในการก้าวมาสู่วันนี้ได้ หลังจากนี้เราเป็นศิลปินบอยแบนด์วงนึงเราจะทำออกมาให้เต็มที่ที่สุด แล้วก็เป็นบอยแบนด์ในรูปแบบของพวกเราเอง แล้วก็จะไม่ทิ้งว่าคาแร็กเตอร์หรือเสน่ห์ของเราคืออะไร และจะไม่ลืมว่าวันแรกที่เราก้าวมามันคืออะไรด้วย ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ผมว่ามันมีความฝันแบบเดียวกันหมดเลย เราก็จะทำคำว่าศิลปินของเราให้สมกับเป็นศิลปินจริงๆ ถึงเราจะหน้าใหม่แต่ก็ฝากเอ็นดูพวกเราด้วย อาจจะมีอะไรผิดพลาดก็สอนพวกเราด้วยนะครับ (ยิ้ม) เรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน”

เช็กที่นี่ สูตรฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็ม 1-4 ควรฉีดแบบไหน

ไดร์ม่อน : “ต้องบอกว่าม่อนใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กแล้วว่าอยากมีคำนำหน้าว่าศิลปิน แล้ววันนึงเราได้คำนี้มาจริงๆ จากสิ่งที่เราพยายามมา เรามองย้อนกลับไปถึงมันจะเหนื่อยแค่ไหนแต่ว่าก็คุ้มมากๆ ที่เราได้มีวันนี้ มันภูมิใจมากๆ”

เจลเลอร์ : “เจลรอคำนี้มานานแล้ว จริงๆเจลเคยใช้คำนี้มาแล้วแต่ว่าได้ใช้แค่แป๊บเดียว มันก็เป็นอะไรที่เสียใจและค่อนข้างผิดหวังพอสมควร ครั้งนี้พอได้มาใช้อีกครั้งก็จะรักษาไว้ให้นานที่สุด แล้วก็จะแต่งเติมสีสันให้คำว่าศิลปินมีออร่าที่สุด จะดูแลมันให้ดีที่สุดแน่นอนครับ”

เป็นต่อ : “ต่อคิดว่าการที่เราได้เรียกว่าเป็นศิลปินมันเป็นอีกหนึ่งก้าวเดินนึง อีกหนึ่งโอกาสที่เราสามารถนำตรงนี้มาเพื่อพัฒนาให้ก้าวเดินต่อไปได้ในอนาคต จากที่เราเดินมาเรื่อยๆกับคำว่าเด็กฝึก แล้ววันนึงเราเปลี่ยนมาอีกขั้นนึงด้วยคำว่าศิลปิน ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องทำยังไงให้มันเหมาะสมกับคำนี้ และก้าวเดินหรืออัพเกรดขึ้นไปได้ยังไง”

อยากให้เล่าตอน 35 คนอยู่รวมกัน?

ต้าห์อู๋ : “ก็คือวุ่นวายครับ (หัวเราะ) ถ้าให้พูดตรงๆก็คือ 35 คนเราค่อนข้างสนิทกันมากๆ ถึงแม้ว่าบางคนเราไม่เคยร่วมสเตจกันเลย แต่เราเจอกันหน้าห้องซ้อมเราก็สนิทกัน เราเล่นเกมด้วยกัน ขี่คอกัน เล่นโน่นนี่กัน เล่นมุขกัน ด้วยความที่เราสนิทกัน 35 คนเรามีอะไรที่จะต้องซ้อมร่วมกันเยอะ เช่นเพลงธีม เพลงโชว์ต่างๆ เราใช้เวลาด้วยกันเยอะ บางคนวนครบ เราแทบจะรู้จักทุกคนเลย ถึงแม้ว่าบางคนเราไม่ได้คุยด้วยขนาดนั้น บางวันแบบเราเจอกันอีกแล้วเหรอ (หัวเราะ) ไหนจะซ้อมส่วนตัว ซ้อมเพลงรวม ซ้อมโชว์รวม บางทีเราเจอเพื่อนยันตีหนึ่ง นอนแป๊ปนึงเช้าเจอกันอีกแล้ว ก็เลยค่อนข้างผูกพัน อย่างหลายๆคนที่ตกรอบ ช่วงที่คัดคนออกรอบแรก ผมรู้เลยว่าหลายคนไม่ได้เสียใจที่ไม่ได้ไปต่อ แต่เสียใจที่มันไม่ได้ใช้โมเมนต์อยู่กับเพื่อนแล้ว”

ยื่นภาษีของปี 2564 ภ.ง.ด.90 ภ.ง.ด.91 และภาษีทุกประเภท ผ่าน E-FILING

พอรู้ว่าต้องมาเป็น 5 คนนี้ที่ต้องทำวง ทำงานด้วยกันเป็นอย่างไรกันบ้าง?

ต้าห์อู๋ : “การรวมตัวกันของ 5 คน ที่มีรสชาติแตกต่างกันมากๆ พอมารวมกันแล้วมันจะออกมาเป็นรสอะไร สุดท้ายแล้วพอผ่านการขัดเกลาต่างๆ ออกมาแล้วมันจะอร่อยขนาดไหน ผมเองก็ยังตื่นเต้นเหมือนกัน แล้วช่วงนี้พวกเราเองก็พยายามทำความรู้จักกันมากขึ้น สุดท้ายแล้วเราจะทำผลงานอะไรออกมาให้คนดูได้ดูคนฟังได้ฟัง พูดยาวๆก็คือมองภาพไว้ว่ามันคงเป็นผงชูรสแหละมั้งครับ (ยิ้ม) เป็น 5 คนที่ไปอยู่ตรงไหนก็อร่อย ผมยังไม่อยากให้เชื่อ แต่เดี๋ยวให้ชิมแน่นอนนะครับ อดใจรอสักครู่กำลังปรับปรุงสูตรอยู่ (หัวเราะ) เอาเป็นว่าถ้าทั้ง 5 คนไปอยู่ตรงไหนคนโน้นกินก็อร่อย คนนี้กินก็อร่อย อยากให้เป็นความรู้สึกแบบนั้น”

ออฟโรด : “ผมรู้สึกว่าต่อให้เป็นใครเราก็สนิทกันหมด เพราะเราเจอกันทุกวันจริงๆ แล้วไม่ใช่แค่ช่วงเวลาซ้อม วันนึงเราเจอกัน 12 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา เจอกันทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ ไปเที่ยวข้างนอก ใช้เวลาด้วยกันเยอะมาก มันก็สนิทกันทุกคนแล้ว รู้นิสัยกันระดับนึง จริงๆก็วนสเตจกันเกือบหมด มันเลยทำให้ปรับตัวไม่ยากเท่าไหร่ อย่างที่บอกว่ามันเป็นครอบครัว”

ไดร์ม่อน : “ผมว่าทุกคนมีสกิลที่ต่างกัน แล้วก็มีสิ่งที่ถนัดไม่เหมือนกัน ก็รู้สึกว่าวงเราค่อนข้างที่จะชัดเจนว่าแต่ละคนมีเอกลักษณ์เป็นยังไง”

เจลเลอร์ : “ผมเคยร่วมงานครบกับทุกคนเลย ก็เลยพอจะทราบลักษณะการทำงานของแต่ละครน ทราบสกิลของแต่ละคนมาอยู่แล้ว ก็โอเค รัก และลุยเต็มที่ครับ”

เป็นต่อ : “ตอนที่เราฝึกซ้อม ตอนที่เราเทรน อยู่ในรายการด้วยกันมา จริงๆเราค่อนข้างสนิทกันอยู่แล้ว ยิ่งพอพูดถึง 5 คนที่ได้เดบิวต์ด้วยกัน ถึงแม้ว่าอย่างต่อกับไดร์ม่อนจะไม่เคยได้ร่วมงานกันในรายการ แต่เราก็สนิทกันนะ”

ความกดดันเยอะขนาดไหนกว่าจะผ่านมาได้?

ต้าห์อู๋ : “ความกดดันของผม จริงๆที่ผ่านมาอันนี้ผมยอมรับตรงๆเลย ผมไม่ค่อยกดดันเท่าไหร่ ผมเอ็นจอยกับมันมากๆ ผมใช้คำว่าลุ้นและสนุกไปกับมันดีกว่า ที่บอกว่าความกดดันไม่มีเลยเพราะว่าผมไม่ได้ตั้งความหวังไว้ว่าผมจะต้องชนะ เพราะผมบอกทุกคนไว้เลยว่าการมารายการนี้ ผมคอมพลีทไปตั้งแต่สเตจแรกเพลง fire แล้ว ต่อไปมันเลยทำด้วยความรักและความสนุกหมดเลย สเตจต่างๆองค์ประกอบดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นคอสตูม ช่างแต่งหน้าทำผม เวที แสงสีเสียง ผมเลยไม่ค่อยมีอะไรให้กดดันและกังวล มันสนุกมากกว่า”

เจลเลอร์ : “ของผมกดดันทุกครั้งที่ขึ้นสเตจ มันคือโชว์ใหม่ มิชชั่นใหม่ทุกรอบ สิ่งที่ทำก็คือชวนเพื่อนๆ มาเฮฮาด้วยกัน ลดความกดดันให้ทั้งตัวเองแล้วก็เพื่อน สิ่งที่ทำให้ได้บนเวทีก็คือทำให้เต็มที่ที่สุด ทำให้คนดูรู้สึกได้ถึงโชว์เราครับ”

เป็นต่อ : “ความกดดันมันมากขึ้นในทุกๆวีค ด้วยความที่ระยะเวลาที่เราอยู่ในรายการมันเพิ่มมากขึ้นโจทย์เพลงมันยากขึ้น ความท้าทายมันยากขึ้น เวลามันน้อยลงยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าเราจะทำยังไงให้โชว์ครั้งนี้มันดีกว่าโชว์ครั้งที่แล้ว ให้คนเห็นเราในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าเดิม มันก็ยิ่งกดดัน แต่ว่าสุดท้ายแล้วเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะจัดการกับความกดดันตรงนั้นอีก”

ออฟโรด : “ด้วยความที่เวลามันบีบ ผมต้องใช้เวลาในการจำท่า ใช้เวลาในการเรียนรู้ เพราะเรื่องสกิลเต้นผมอาจจะไม่เท่าคนอื่น ก็เลยยังไม่เข้าใจการจำท่าแบบเป็นพาร์ทๆ ที่คนเขาบอกกันว่าจำเป็นภาพหรืออะไรก็แล้วแต่ ผมนอนไม่หลับ ฝันว่าเต้นอยู่ ตื่นมาอีกที อ้าว!เช้าแล้วหรอ (หัวเราะ) มันก็เป็นความกดดันนึงที่ต้องจัดการกับความรู้สึกตัวเองครับ”

ไดร์ม่อน : “ก็กดดันเรื่องเวลากับกดดันตัวเองด้วย กลัวว่าเราจะทำให้คนดูกดโหวตให้เราได้ยังไง มันยากมากกับการที่จะให้ใครสักคนนึงมาชอบเรา แต่ว่าพอมีทุกคนผมก็อยากจะโชว์สิ่งที่เป็นตัวผมให้ทุกคนได้รู้ แล้วก็อาจจะชอบก็ได้”

กว่าจะมาถึงไฟนอลได้อุปสรรคมีมาเรื่อยๆเราฮีลตัวเองกันยังไง?

ต้าห์อู๋ : “มันมีหลายเรื่องมากในการปรับตัว ด้วยการซ้อมหรือโชว์ในช่วงสถาการณ์แบบนี้ หรืออย่างตอนผมเคาต์ดาวน์ผมก็ไม่ได้ขึ้นโชว์ ก็นั่นแหละทำอะไรไม่ได้  ก็ไม่เป็นไร ผมก็มูฟออน นั่งเคาต์ดาวน์อยู่บ้าน หรืออย่างไฟนอลสเตจก็เหมือนกัน แต่ทุกๆอย่างๆมันทำให้เรามีแนวคิดอะไรใหม่ๆออกมา ผมจะคิดในแง่ดี ไม่เป็นไรไม่ได้ขึ้นสเตจนี้ แฟนคลับต้องรอดูแน่เลย ถ้าในซีรีส์ก็คือ To be continued ให้ดูเลยว่าต้องติดตามตอนต่อไป (หัวเราะ) ซึ่งก็ต้องขอบคุณคนดูที่ให้โอกาสผม To be continue ถ้าไม่ได้ขึ้นแล้วแฟนคลับบอกไม่คอนทีนิวแล้วก็คงไม่ได้มานั่งตรงนี้”

ออฟโรด : “ถ้าเจออุปสรรคหรือปัญหาที่มันแก้ยากก็จะดูก่อนว่า ณ ตอนนั้นเราสามารถแก้ไขมันได้ไหม มันเครียดหรือเปล่า คือถ้าเราพยายามคิดหรือพยายามที่จะแก้อ่ะ แล้วมันไม่ได้ทำให้ดีขึ้นเลิกคิดเลิกทำ แล้วไปทำให้ตัวเองแฮปปี้ก่อนดีกว่า เหมือนเราอยู่มุมกำแพงไม่เห็นทางไปข้างหน้าละ ก็กลับไปพักผ่อนแล้วเปลี่ยนมุม อาจจะเห็นมุมมองที่มากขึ้น ปัญหาที่วันนั้นเราแก้ไม่ได้ วันหลังเราอาจจะแก้ได้ก็ได้”

ไดร์ม่อน : “ผมพยายามที่จะบอกกับตัวเองว่าถ้าหยุดตอนนี้เราจะไม่ได้อะไรเลยนะ เรามาเพื่ออะไร เรามาเพื่อท้อหรอมันก็ไม่ใช่ เราก็ต้องพยายามต่อไป”

เจลเลอร์ : “เวลาที่เจออุปสรรคเยอะๆ เจลจะปล่อยหัวโล่ง พยายามไม่คิดอะไรถึงแม้ว่ามันจะคิดอยู่ก็ตาม แล้วก็ออกไปกิน แล้วกลับปุ๊บก็ยังไม่ดุอะไรเกี่ยวกับเรื่องซ้อม เรื่องที่เครียด ฟังเพลง ดูหนัง แล้วพอกลับมาแล้วจะรู้สึกมีแรงมากขึ้น แล้วอีกอย่างที่ทำคือจะดูตัวเองตอนที่ตัวเองแฮปปี้มากที่สุด”

เป็นต่อ : “ของต่ออย่างแรกที่จะถ้าเรารู้สึกไม่สบายใจก็คือนอนครับ มันเหมือนกันกับว่าเวลานอนไปแล้วตื่นขึ้นมามันรีเฟรซมากๆ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นใหม่ สมองมันจะโล่งและหาวิธีรับมือกับปัญหาได้ดีขึ้น แต่ว่าถ้าสมมติว่ามันหนักมากจนนอนไม่หลับก็จะหาคนที่ไว้รับฟังเรา มีหลายคนก็เลือกใช้คนให้เหมาะกับปัญหา เองนี้เหมาะกับปรึกษาคนนี้ๆ อะไรแบบนี้ ถ้าเรามีเพื่อนสนิทที่รับฟังปัญหานี้เรามาตลอดแล้วเราเกิดปัญหานี้อีกแล้ว เราก็ไปหาคนนี้เล่าให้เขาฟัง อย่างน้อยถึงจะไม่ได้มีวิธีแก้ปัญหาให้เราได้ แต่การได้พูดออกไปหรือมีใครรับฟัง เราก็จะรู้สึกว่าสบายใจขึ้น อีกอย่างนึงถ้ารู้สึกว่าไม่ไหวแล้วก็ร้องไห้ไปเลย”

หลังจากนี้ตั้งเป้าหมายกันยังไง?

ต้าห์อู๋ : “ผมเดบิวต์ผมมีเป้าหมายเลย เพราะว่าผมอยากเป็นศิลปินคนนึงที่ทำผลงานเพลงออกมาให้คนฟัง ไม่ใช่แค่แฟนคลับเรา ให้คนทั่วไปยอมรับว่านี่ “บอยแบนด์” ก็คือศิลปินคนนึงไม่ใช่แบบว่ามันจะมีภาพความเป็นบอยแบนด์ว่าแบบต้องอะไรแบบนี้นะ อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าบอยแบนด์ไม่ว่าจะกี่คนก็ตาม ทุกคนคือศิลปินที่มารวมตัวกันแล้วทำโชว์ออกมาเป็นกรุ๊ป เขาเลยเรียกว่าบอยแบนด์ มันคือสิ่งที่ผมตั้งใจก็คืออยากทำผลงานเพลงออกมาให้เป็นที่ยอมรับ ด้วยความที่หลายองค์ประกอบมันเพิ่มไฟให้ผมมากเลย ไม่ว่าจะเป็นที่เราได้ยินมา คนทำเพลงให้ ทำโปรดักชั่นให้ แล้วอีกอย่างนึงแนวคิดในวงเราค่อนข้างคุยกันง่าย และความสามารถของทุกคนก็มีไม่ได้น้อยเลย เราก็เลยตั้งเป้าหมายไว้ว่าอย่างน้อยในระยะเวลาหนึ่งปีที่เราเดบิวต์ เราต้องสร้างอะไรให้มันเป็นหนึ่งความทรงจำดีๆในชีวิตเรา ไม่ใช่แค่ปล่อยเพลงออกมาว่าเรามีเพลงแล้วนะ แล้วก็หายไป”

ออฟโรด : “เราต้องโตขึ้นใช้ชีวิตด้วยสติ มีสติมากขึ้น เราก็ต้องใช้เวลาปรับตัวในการที่มาอยู่จุดนี้ มีสายตามามองเราเยอะขึ้น การวางตัวเป็นตัวอย่างที่ดีก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ควรมี เป็นสิ่งที่ทำให้แฟนคลับอยู่กับเราได้นาน และเป็นแฟนคลับที่รอยัลตี้จริงๆ”

ไดร์ม่อน : “ผมอยากก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง”

เจลเลอร์ : “พัฒนาทั้งตัวเองแล้วก็ทีมให้ดีที่สุดในทุกๆ ด้าน ร้อง เต้น มายด์เช็ต ทุกอย่างให้มันดี ให้ทุกคนได้เห็น อย่างที่บอกว่าจะไม่ให้ทุกคนผิดหวังที่โหวตให้พวกเรา ทุกคนจะไม่เหนื่อยฟรีแน่นอน บอกเลยครับ”

เป็นต่อ : “นอกจากการที่เราจะเพอฟอร์แมนบนเวที การที่เราได้เป็นศิลปินมันส่งผลต่อคนส่วนรวมมากขึ้น เพราะฉะนั้นการวางตัวการเป็นแบบอย่างก็ต้องจัดการตรงนี้ด้วย”

คนละครึ่งเฟส 4 มาแน่! คลังคอนเฟิร์มได้ใช้แน่ก่อน มี.ค.นี้

มองว่าอะไรคือจุดแข็งของพวกเรา?

ต้าห์อู๋ : “ผมเชื่อว่าคนที่ดูรายการนี้ เขาต้องเห็นแล้วว่าทุกคนมีศักยภาพระดับนึง ถึงแม้ว่าวันนี้อาจจะยังไม่ถึงสแตนดาร์ดระดับของคนที่เคยคาดหวังไว้ว่านี่คือบอยแบนด์ หมายถึงโคตรเก่งถ้าเทียบกับวงที่มีมาก่อน ถ้าพวกเรามีศักยภาพและพวกเราเชื่อในตัวเองมากว่าสักวันนึงเราจะต้องไปถึงจุดนั้น ซึ่งพวกเราก็มีแผนว่ายังไงก็จะต้องฝึกเพิ่ม จะต้องเทรนด์เพิ่ม ยังไงก็จะต้องไปได้อีก แม้ทุกคนจะผ่านการเทรนมาแล้วอย่างน้อยระยะเวลาสั้นๆ 3-4 เดือนอย่างที่ได้เห็น แต่เราก็จะเทรนและทำมันออกมาให้ดีมากกว่านี้”

ออฟโรด : “ด้วยความที่พวกเราผ่านมาทุกโจทย์เพลงแล้ว หลายๆอารมณ์ หลายๆความรู้สึก ได้ทำในสิ่งที่หลุดจากเซฟโซนของตัวเอง ทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำ มันเป็นอะไรที่ท้าทาย เราผ่านจุดนั้นมาแล้ว เราก็พร้อมที่จะรับสิ่งใหม่ๆอยู่เสมอครับ”

เจลเลอร์ : “เจลคิดว่าวงเรามีความสุดในด้านสกิล มันเป็นความพอดีที่สามารถไปอยู่ในแนวไหนก็ได้ พวกเรามีครบเพราะพวกเรากล่อมกล่อม (หัวเราะ)”

อยากบอกอะไรตัวในวันนี้ที่ประสบความสำเร็จอีกก้าวนึง?

ต้าห์อู๋ : “ก่อนอื่นอยากจะบอกตัวเองว่าขอบคุณที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ถ้าพูดจริงๆโชคชะตาผมไม่ค่อยดีเลย แต่ว่าขอบคุณที่เชื่อในความสามารถของตัวเอง เชื่อในความพยายามของตัวเองจนมาถึงจุดนี้ และอยากบอกตัวเองว่ามันเป็นแค่จุดเริ่มต้น อย่าพึ่งหยุด มันไม่เคยมีคำว่าจุดสูงสุด จงเดินต่อไปเรื่อยๆและเทคแคร์คนรอบข้าง อย่าลืมว่าใครเป็นคนที่ทำให้มาถึงจุดๆนี้ อย่าลืมว่าตัวเองเป็นใคร รักตัวเองเยอะๆ และอย่าลืมรักคนอื่นและมีความสุขมากๆ นี่แหละคือสิ่งที่ผมอยากบอกตัวเอง”

ออฟโรด : “อยากจะขอบคุณตัวเองที่กล้าที่จะเปลี่ยนสิ่งใหม่ กล้าที่จะลองทำในสิ่งที่ไม่เคยลอง  กล้าที่จะอยากรู้ว่าขีดจำกัดตัวเองไปได้ไกลแค่ไหนถ้าได้ทำมันจริงๆ อันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่มาประกวดรายการใหญ่แล้วก็ใส่มันเต็มที่ ทำให้เราเห็นผลลัพธ์แล้วว่ามันมาถึงจุดนี้ได้ 3 เดือนที่ผ่านมาอยากจะขอบคุณตัวเองที่ทน ถึงมันจะเหนื่อยและหนักมาก จริงๆในการพิสูจน์ตัวให้หลายคนยอมรับและถึงจุดนี้ได้ รางวัลข้างหน้ารออยู่ แต่เรายังเป็นคนที่เก่งกว่านี้ได้ ก็ต้องสู้ต่อไป คีพแพชชั่นแบบนี้ต่อไป อย่างที่เป็นต่อบอกว่าอย่าลืมว่าเราเป็นใคร”

ไดร์ม่อน : “อยากบอกตัวเองทั้งในตอนนี้และอนาคตว่าอย่าท้อ คือนายเจ๋ง มาได้ยังไง ดังนั้นอย่ายอมแพ้ อย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว บอกแค่นี้เลย ความรู้มันไม่มีจุดสิ้นสุดพยายามต่อไป เชื่อว่าทำได้ เมื่อไหร่ที่ท้อ ไม่มีไฟ เปิดคลิปนี้ดู จะมีพลังเป็นอย่างมาก”

เจลเลอร์ : “ขอบคุณตัวเองที่ไม่หยุดไปก่อน ก็พยายามเดินต่อไป พยายามกลับมามีไฟอีกครั้ง ขอบคุณตัวเองที่สามารถจุดไฟได้ทุกครั้ง ขอบคุณตัวเองที่ไม่เคยหยุด ขอบคุณที่พยายามมาถึงตอนนี้”

เป็นต่อ : “อยากจะบอกตัวเองว่าเก่งมากๆ ขอบคุณตัวเองเหมือนกันที่ไม่ตัดสินใจถอยไปก่อนในวันที่รู้สึกท้อ เพราะในระยะทางที่เราเดินมามันผ่านอะไรมาเยอะมาก ทั้งการเรียน ทั้งการทำงานตรงนี้ด้วย มันยิ่งทำให้เรารู้สึกกดดันและมีภาวะความเครียดเยอะมาก เพราะฉะนั้นผ่านตรงนั้นมาได้แล้ว มาเจอความสำเร็จตรงนี้ มันยิ่งทำให้รู้สึกว่าความสำเร็จตรงนี้มันคุ้มค่ามากๆ แต่ว่าตรงนี้มันเป็นแค่จุดๆนึงที่เราเดินมาและจะก้าวขึ้นไปได้อีก เพราะฉะนั้นอย่าลืมว่าใครทำให้เรามาถึงตรงนี้ได้ ก็อย่าลืมว่าเราเคยเป็นใครมาจากที่ไหน”

300 บาทถูกหรือแพง? เทียบ “ค่าเหยียบแผ่นดิน” แต่ละประเทศทั่วโลก

มีชื่อวงหรือยัง?

ต้าห์อู๋ : “จริงๆพวกเรามีแพลนที่จะออกมา ยังไม่บอกตอนนี้ รับรองว่าจะต้องเซอร์ไพรส์แน่นอน มันจะมีเหตุผลของมัน เอาเป็นว่ารอติดตามกันนะครับ (ยิ้มอ้อน)”

ออฟโรด : “ก็ฝากติดตามผลงานของพวกเราเร็วๆนี้นะครับ พวกเราเพิ่งมาเป็นศิลปินก็ต้องใช้เวลานิดนึง แต่ว่าก็มีออเดิร์ฟไปแล้วกับ “Laz Love” ก็รอดูการเปลี่ยนแปลงของพวกเราทั้ง 5 คนด้วยนะครับ”

เจลเลอร์ : “สุดท้ายนี้พวกเราขอขอบคุณทุกคะแนนโหวตที่ทำให้พวกเรามานั่งอยู่ตรงนี้ ขอบคุณมากจริงๆครับ แล้วเจอกันนะครับ”

    (เป็นต่อ จีรภัทร)

    (เจลเลอร์ กฤติมุก)

    (ไดร์ม่อน ณรกร)

    (ออฟโรด กันตภณ)

    (ต้าห์อู๋ พิทยา)

 

 

 

 

 

 

TOP ข่าวบันเทิง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ