ความสุขเรียบง่ายของ “เวียร์ ศุกลวัฒน์” ในวัย 37 ปี กับทิศทางในวงการบันเทิง


โดย PPTV Online

เผยแพร่




พระเอกชื่อดัง “เวียร์ – ศุกลวัฒน์ คณารศ” เปิดใจการทำงานในวงการ พร้อมเผยถึงความสุขที่โฟกัสในวัย 37 ปี

“รอน ฮาเวิร์ด” ผู้กำกับฮอลลีวูด ชม “เวียร์” เจ๋ง หลังร่วมงานใน Thirteen Lives

“เวียร์” โพสต์ขอบคุณ “รอน ฮาเวิร์ด” ทำให้ฝันเป็นจริง จะเก็บความทรงจำไว้ตลอดไป

เป็นพระเอกเบอร์ต้นๆของเมืองไทยที่แฟนละครชื่มชมฝีมือการแสดง สำหรับ เวียร์ – ศุกลวัฒน์ คณารศ เจ้าตัวโลดแล่นในวงการมานานกว่า 16 ปี ปัจจุบันกลายเป็นรุ่นพี่ของน้องๆรุ่นใหม่ จนได้ฉายาว่าเป็น “ป๋าดัน” แจ้งเกิดนางเอกหลายคน

ซึ่งในวัย 37 ปีหมาดๆ “เวียร์” เปิดใจว่าเริ่มโฟกัสความสุขของชีวิต แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังคงเดินหน้ากับงานที่รักในฐานะนักแสดงมืออาชีพต่อไป!!

“จริงๆละครทุกเรื่อง งานทุกงานที่ได้ทำ มันเหมือนใหม่เสมอ ก็ตื่นเต้น กับ “กรงน้ำผึ้ง” เป็นอีกคาแร็กเตอร์ที่ก็ยากอยู่ ผมก็พยายาม มีผู้ช่วยหลายคน ทั้งทีมนักแสดง ทีมงาน ก็ช่วยๆกันไป ถ่ายมา 2 ปี เป็นการร่วมงานกับ “น้องพระพาย” (รมิดา ธีรพัฒน์) ครั้งแรก ดีมากๆ น้องมีความตั้งใจมากเป็นนักแสดงที่มีความสามารถ เป็นคนที่คล้ายๆผมด้วย มีความเป็นตัวของตัวเองสูง พอมาคุยกันก็ทำให้การทำงานค่อนข้างง่าย (คนแซวเป็นป๋าดัน?) ใช่ครับ เป็นประโยคเด็ดอยู่แล้ว (หัวเราะ) จริงๆผมว่ามันก็ช่วยกันแหละครับ ส่งเสริมกัน ผมก็ไม่รู้จะไปดันอะไรได้ขนาดไหน มันเหมือนกับว่าต่างคนต่างช่วยกัน ใครคิดถึงผมมาดู หายคิดถึงแน่นอน”

ยุคที่คนดูละครเปลี่ยนไป ในฐานะนักแสดงต้องเปิดโลกของตัวเองไหมหรือว่าเตรียมความพร้อมยังไงบ้าง?

“ผมก็พัฒนา พยายามเรียนรู้ ทั้งนี้ทั้งนั้นปัจจุบันทางเลือกค่อนข้างเยอะ และแพลตฟอร์มต่างๆก็เยอะขึ้น การเข้าถึงก็ง่ายขึ้น ซึ่งเราก็ปรับมันอยู่ตลอดเวลา ผมเองหาอะไรใหม่ๆทำไปเรื่อยๆ เล่นในบ้านบ้าง เล่นนอกบ้านบ้าง เล่นหนัง เล่นซีรี่ส์ อาจทำรายการของตัวเอง ลงในแพลตฟอร์มต่างๆบ้าง เพื่อให้คนดูได้เห็นเราในทุกแพลตฟอร์ม เขาจะได้อ๋อ! โอเค หายคิดถึง (ยิ้ม)”

กระแสของรายการท่องเที่ยวที่ทำอยู่ ตอนนี้แฟนๆเริ่มรู้จักและติดตามมากขึ้น?

“จริงๆมันเริ่มต้นจากสนุก ปัจจุบันก็ยังสนุกอยู่นะ เราไม่รู้หรอกว่าคนดูจะชอบรายการของเรามากแค่ไหน แต่เราชอบ(ยิ้ม) เราชอบไปเที่ยว เราก็แค่เก็บบรรยากาศที่เราไปเที่ยวมา กลับมาฝากทุกคนที่เหมือนชอบไลฟ์สไตล์เหมือนกับเราบางคนอาจทำงาน ไม่ค่อยได้ไปไหน ก็เปิดดู Weircation ก็เหมือนได้ไปเที่ยวด้วยกัน ก็เรียลๆเลย ผมรู้สึกว่ามันมีช่องทางไม่มากเท่าไหร่ที่แฟนๆจะได้เห็นความเป็นตัวของเรา นี่ก็น่าจะเป็นอีกช่องทางนึงที่เขาได้สัมผัสความเป็นผมผ่านไลฟ์สไตล์ ถามว่ามองตัวเองเป็นยูทูเบอร์รึยัง ผมเป็นน้องใหม่มาก (ยิ้ม)”

ล่าสุดมีภาพทำบุญบ้านที่เขาใหญ่?

“อันนี้เป็นบ้านสวน บ้านหลังเล็กๆ ก็นึกถึงวัยเด็กอยากมีบ้านแบบนี้ เผื่อว่าไปพักผ่อน เพราะเราไปปลูกป่าปลูกอะไรไว้เต็มเลย ก็รอดูมันโต ถูกๆครับไม่แพง ผมก็ไปดูแบบจากบ้านเพื่อน แล้วก็เอามาอะแดปนิดหน่อย เป็นบ้านรับแขก ส่วนต้นไม้ก็ปลูกเอง เป็นต้นไม้เศรษฐกิจ รวมๆกันกับพวกผลไม้ แล้วก็พวกไม้เนื้ออ่อน ไม้เนื้อแข็ง ที่ปลูกแล้วมันเป็นป่าในอนาคต แต่ผมก็คงไม่ตัดหรอก มันปลูกตั้งแต่ต้นเล็กๆเลย ตอนนี้พอเห็นมันเริ่มโตขึ้น ก็ดีใจ”

(ภาพ : เพจตาวีฟาร์มเขาใหญ่ Tawe farm Khaoyai)

จากวันแรกที่ไปดูเป็นที่เปล่าๆ แล้วไปเริ่มทำทั้งหมดเลยใช่ไหม?

“ใช่ จริงๆแล้วผมชอบ เป็นคนชอบดูที่มาก จะขับรถไปทั่วเลย เวลาไปถ่ายละครหรือเวลาไปไหน ก็จะขับรถวนเข้าซอยโน้น ซอยนี้ เพื่อไปดูว่าตรงนั้นตรงนี้สวยจังเลย อย่างเขาใหญ่ไปมาไม่รู้กี่ร้อยรอบแล้ว ก็ไปซื้อมาหลายรอบ บางทีซื้อปั๊บไม่ได้ไปอยู่ จู่ๆมีคนมาอยากได้ ก็ขายได้กำไรอีกนะ แล้ววันนึงเราดูไปเรื่อยๆ ชาวบ้านบอกคุณเวียร์มาช่วยซื้อหน่อย ผมก็ซื้อ เจอที่สวยๆก็ซื้อเก็บไว้ (เป็นเศรษฐีที่ดิน เรียกนายหัวได้ไหม?) เรียกนายหัวก็ได้ (หัวเราะ)”

มีที่ดินตรงพื้นที่อื่นที่ทำแบบนี้เหมือนกันไหม?

“มีแอบไปซื้อไว้เล็กๆ ไม่ได้เยอะ เวลาเจอที่ที่น่าสนใจหรือมีคนบอกว่าเนี่ย…ตรงนี้อยากขาย เราก็ซื้อเก็บไว้นิดๆหน่อยๆ แต่ว่าบางแปลงก็ยังไม่ได้ทำอะไรนะ ล่าสุดที่สุราษฎร์ธานี สวนทุเรียน จริงๆได้ผลผลิตมาหลายปีแล้ว แต่ว่าผมเพิ่งมาเป็นเจ้าของปีนี้ เพราะว่าเพื่อนผมเขามีหลายแปลง ดูแลไม่ไหวด้วย ก็เลยแบ่งให้สวนนึง มีอยู่ 8 ไร่ แต่ไม่ได้เป็นทุเรียนล้วนๆ มันก็แซมด้วยเงาะบ้าง ลองกอง มะม่วงเบา แล้วก็มีพวกไม้ตะเคียน ไม้พยูง ที่เขาปลูกแซมๆไปด้วย”

วันเกิดปีนี้ตั้งใจซื้ออะไรให้ตัวเองไหม?

“ก็มีเยอะครับ ทั้งรถ ทั้งบ้าน ซื้อให้ตัวเองไม่ต้องรอวันเกิด ทำตลอดเวลา ให้รางวัลตัวเองตลอด ด้วยความที่เราทำงานเเยอะ เก็บเงินมาก็ใช้ไปตลอด ทำอะไรที่เราชอบ มีความสุข ไลฟ์สไตล์ท่องเที่ยว ทำสวน ทำไร่ ซื้อรถ บ้าน ทำอะไรที่ตัวเองชอบไม่เดือดร้อนคนอื่นก็ทำไป”

(ภาพ : เพจตาวีฟาร์มเขาใหญ่ Tawe farm Khaoyai)

ปีนี้ 37 แล้ว อยากบอกอะไรตัวเองในวัยนี้บ้าง?

“จริงๆแล้วมันเป็นวัยที่ ไม่รู้สิมันก็ต้องเริ่มไหม ผมเคยบอกไว้ตอนอายุ 30 ว่ากำลังเริ่มโตเป็นหนุ่ม พอ 40 ก็เป็นหนุ่มเต็มตัว นี่ก็กำลังจะเข้าใกล้ 40 แล้วผมว่าเป็นช่วงเวลาที่ต้องชัดเจน ในเรื่องของไลฟ์สไตล์ต่างๆ ผมโชคดีอย่างนึงคือผมค่อนข้างประสบความสำเร็จในช่วงชีวิตแรกๆ ในวัยที่ยัง 20 ปลายๆ โชคดีที่พอเรามาถึงจุดที่ก็มีประมาณนึง ไม่ได้ลำบาก มีหน้าที่การงานที่มั่นคง ก็รู้สึกว่าเราได้ใช้ชีวิตเร็ว เที่ยวเร็ว ซื้อที่เร็ว สร้างบ้านเร็ว เริ่มมีความมั่นคงของเราประมาณนึง พอมันมาถึงจุดนึง มันก็ทำให้เรามองว่า เอ๊ะ! พอมีทุกอย่างแล้วเรามีความสุขไหม ผมรู้สึกว่าผมกำลังหาคำตอบให้ตัวเองอยู่ว่าพอผมมีทุกอย่างแล้วผมจะไปยังไงต่อ ซึ่งผมก็ไปต่อได้ ผมก็มีความสุขของผมไปต่อ มีอะไรให้ทำอีกเยอะเลย”

ความสุขของ “เวียร์” ตอนนี้ไปในทิศทางไหน?

“มันก็แบบพักผ่อน หางานที่เราอยากทำจริงๆ ถามว่าเลือกไหมก็ประมาณนึงเพราะโตแล้ว เล่นมาหมดแล้วเพราะฉะนั้นเราก็เลือกในสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ หรือบางทีบทหรือละครบางเรื่องเขาก็เลือกเราเอง อยู่ๆก็ต้องไปเล่นเรื่องนั้นมันมีหลายๆ อย่างที่เป็นเรื่องท้าทายและสนุกในชีวิตอยู่

ผมเพิ่งได้คำตอบว่าอายุ 37 มันเพิ่งเริ่มมากๆ เมื่อก่อนผมคิดว่า 30 เพิ่งเริ่ม จริงๆ 37 ก็เพิ่งเริ่ม เมื่อก่อนบางคนกลัวว่า 37 ต้องเล่นเป็นพ่อแล้วนะ แต่ไม่ใช่แล้วนะตอนนี้เหมือนทุกอย่างมันเปลี่ยนไป แพลตฟอร์มหรือช่องทางต่างๆ มันมีให้นักแสดงในวัยผมโลดแล่นมากกว่าเดิม มันไม่ใช่เมื่อก่อน ยังมีอะไรให้เราทำอีกเยอะ แล้วถ้าเรายังเป็นคนที่มีความสนุกในการทำงาน มีความสามารถ พัฒนาตัวเองแล้วก็เข้าใจตัวเองว่าทำอะไรอยู่ อยู่ในจุดไหน มันยังมีทางให้ไปอีกเยอะเลย มีทางให้สนุกอีกเยอะเลย”

พอเจอทางไปได้เยอะ ทำให้เส้นทางนี้ “เวียร์” ไปได้อีกไกล?

“ก็คิดว่าทุกคนไปได้หมด แต่เราก็ต้องมีวิธีการของแต่ละคนที่ต้องไป จะมาถามว่าให้ดูแบบพี่เวียร์บางทีก็ทำเหมือนกันไม่ได้ แต่ละคนก็มีวิธีของตัวเอง จริงๆผมพูดกับตัวเองว่าผมเกษียณไปตั้งนานแล้วนะ ผมทำงานสบายๆ ทำที่อยากทำ เงินก็อยากได้ (หัวเราะ) ถ้าพูดแบบเข้าใจง่ายก็คือไม่ได้ร้อนเงิน ไม่ได้มีภาระอะไร แต่ว่ายังเป็นอาชีพที่เราสนุก ละครก็อยากเล่น พักก็อยากพัก (หัวเราะ) พอพักนานๆก็คิดถึง พอเล่นเยอะๆก็เหนื่อยอยากพักเป็นปกติ”

ตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามา เคยคิดไหมว่าตัวเองจะทำงานในวงการมาได้นานขนาดนี้?

“เอาจริงๆเมื่อก่อนคิดไว้สองแบบ คือคิดว่าระยะเวลาในการทำงานของนักแสดงสั้น คิดว่า 5 ปี 7 ปี ด้วยความที่เมื่อก่อนเราเห็นไงว่าบางคนก็รีไทร์เร็ว เออรี่เร็ว แต่เราก็มีความคิดอีกครึ่งหนึ่งว่า ถ้าเรามองว่ามันคืออาชีพๆนึงมันต้องยาวสิ มันจะสั้นได้ยังไง ในเมื่อเราเลือกทำอาชีพนี้แล้ว เราจบวิศวะถ้าเป็นวิศวะก็ทำถึงอายุ 60 ใช่ไหม เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นนักแสดงทำไมไม่ถึง 60 จะเป็นทำไม ชีวิตมาอยู่ตรงนี้เราทิ้งหน้าที่การงานตัวเองมา มาอยู่ตรงนี้แล้ว 7 ปีหรอ แล้วไปทำอะไรต่อ มันกลับไปทำอาชีพเดิมไม่ได้แล้วไง เลยมองว่าก็ต้องอยู่ให้ได้ยาวที่สุด แล้วประจวบเหมาะกับทุกอย่างเหมือนพัฒนา มันเปลี่ยน ถ้ายังเป็นเหมือนเดิมก็คงแย่เหมือนกันนะ ตอนนี้ก็อาจจะไม่ได้ทำแล้วก็ได้”

อย่างหลายคนไม่ได้ตั้งเป้าความสำเร็จของชีวิตไว้ที่งานหรือชื่อเสียง แต่เป็นเรื่องของชีวิตที่มีครอบครัวดี การสร้างครอบครัวที่ดี “เวียร์” เองมองความสำเร็จตัวเองไว้ที่ตรงไหน?

“ชื่อเสียงก็ดีนะ ก็เป็นอะไรที่ต่อเนื่อง อย่างผมเองเรื่องเป้าหมายมันคงพูดลำบาก ถามว่าเราชอบจะทำอะไรมากกว่า ในวัยที่โตแล้วผมก็แค่อยากจะมีความสุข อยากจะทำในสิ่งที่ตัวเองทำแล้วมีความสุข อยากจะให้คนรอบข้างอยู่กับผมแล้วมีความสุข มันเหมือนกับว่าเราอยู่ในวงจรของความสุข ความสนุกให้ได้ตลอดเวลา อย่างมีความสุขที่ได้เป็นตัวของตัวเอง

เหมือนกับพอโตขึ้นมันคัดทุกอย่างเลย เหลือแค่ไม่กี่อย่างที่จะทำ เหลือเพื่อนแค่ไม่กี่คนที่เราคบ หรืออะไรแค่ไม่กี่อย่าง แต่มันก็มีความสุขตลอดเลยไม่รู้เพราะอะไร อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นคนมองแง่บวกด้วยมั้ง สบายๆ ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ชื่อเสียงมันก็คงได้มาเป็นรางวัลจากการที่ตั้งใจทำงาน พัฒนาตัวเอง คืออยากให้งานมีคุณภาพมันเลยมีชื่อเสียง เงินทองก็ตามมา แต่เป้าหมายหลักๆก็คืออยากมีความสุข”

“เวียร์ ศุกลวัฒน์” หัวใจสีชมพู อุบตอบสถานะสาวผมสั้น ไม่ฟ้องถูกแอบถ่ายภาพ

ตั้งเป้าไว้เรื่องการสร้างชีวิตครอบครัวไว้บ้างไหม?

“ผมอยากจะมีชีวิตครอบครัวที่เรียบง่าย มีความสุขเหมือนกัน พูดง่ายแต่ว่ามันก็ยากอยู่นะ ครอบครัว ชีวิตคู่มันก็เป็นเรื่องปกติ มันก็ชีวิต ผมก็เลยไม่ค่อยได้มองตรงนั้นแบบตั้งใจจริงจังกับมัน ให้มันไปตามธรรมชาติ แต่เราก็ต้องปรับนะเพราะบางทีด้วยความที่ตัวเราเองก็เป็นวันแมนโชว์มาตั้งแต่เด็ก อยู่คนเดียว โตมาคนเดียว เราก็ต้องเรียนรู้การที่จะอยู่แบบครอบครัว”

มองนิยามความรักในวัย 37 ยังไง?

“ผมว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เราต้องให้ เราก็ได้รับพอดีๆ มันเหมือนโตขึ้นแสดงว่าเราต้องใจเย็นขึ้น จะมองภาพที่มันใหญ่ได้มากกว่าเดิม เพราะโตขึ้นเราจะรู้สึกว่าเรายอมรับผิดให้อภัยได้มากกว่าเมื่อก่อน”

กว่าจะมาถึงจุดนี้ต้องผ่านการกลั่นกรองอะไรไหม ประสบการณ์ที่ผ่านมาหรืออะไรที่ทำให้ได้บทเรียนหรือตกตะกอนความคิดในเรื่องนี้มากขึ้น?

“จริงๆแล้วระยะเวลาที่เราผ่านเรื่องราวสิ่งต่างๆที่มันผ่านเข้ามา จริงๆไม่ใช่ทุกคนนะที่จะตกตะกอนกับเรื่องราวพวกนี้ได้ บางคนก็แก่ขึ้นมาโดยที่ไม่มีอะไรด้วยซ้ำ แต่บางคนก็โตขึ้นมาด้วยความที่เหมือนเขาเคารพสิ่งต่างๆที่มันเกิดขึ้นมาในชีวิตว่ามันคือบทเรียน บางคนเขาไม่ได้สนใจไง แต่ผมก็สนใจบ้าง ไม่สนใจบ้าง ก็เอาสิ่งพวกนี้เข้ามา ถ้าเป็นแบบนี้ อ๋อ..มันจะเป็นแบบนี้ เวลาเราเจอเหตุการณ์อะไรขึ้นมาเราก็จะมองว่ามันเล็กลง เมื่อก่อนดูเป็นเรื่องใหญ่ แต่ทุกวันนี้เราก็รู้ว่าจัดการได้แค่ใจเย็นๆ”

ทุกวันนี้โฟกัสไปที่ความสุขง่ายๆของชีวิต?

“ใช่ๆ แต่มันก็ไม่ได้ทำได้ทุกคน ผมโชคดี อย่างที่ผมบอกว่าจะมาพูดให้สวยหรูว่าผมมีชีวิตต้องการความสุขง่ายๆ คนก็บอกมีหมดแล้วไง ก็พูดได้ แต่จริงๆไม่จำเป็นนะ บางทีเราไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้าหรอก หาให้เจอว่าความสุขเราอยู่ตรงไหน แต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ความสุขของเราอยู่ตรงไหนนั้นแหละ บางคนก็บอกว่ายังต้องทำงานหาเงิน แล้วบอกตัวเองว่าไม่มีความสุขเพราะเหนื่อย ก็ลองหาว่าตรงไหนคือความสุข มันต้องมีบ้างแหละ เราจะปิดกั้นตัวเองไม่ให้ไปเจอความสุขเลยเหรอ”

เจอความสุขของตัวเองแล้ว?

“ผมเจอมาตลอดเลย (อิ่มไปทั้งหัวใจ?) มันก็อยู่ได้ ความทุกข์มันก็มีแทรกมาบ้าง แต่มันก็ไม่มีอะไรเป็นเรื่องใหญ่อีกต่อไปแล้ว ทุกอย่างมันเป็นเรื่องที่เข้ามาแล้วก็ผ่านไปอะไรอย่างนั้น”

“เวียร์” มีวิธีรับมือกับคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร เมื่อทุกวันนี้โลกเปิดกว้าง โซเชียลต่างๆทำให้เสียงเข้าถึงเราเร็วมากขึ้น?

“ผมจะเล่าให้ฟังนะว่าสมัยก่อนน่ากลัวกว่าตอนนี้อีก ความรู้สึกผมนะ เดี๋ยวนี้ผมว่า..ไม่รู้สิ ผมแทบจะไม่ได้สนใจอะไรเลย สมัยก่อนข่าวน่ากลัวกว่าสมัยนี้อีก ความรู้สึกผมนะ ในยุคที่ไม่ใช่ยุคโซเชียล ผมว่ามันดูตื่นเต้นมากเลยนะยุคนั้น แต่ยุคนี้ถามว่าผมจะรับมือยังไงกับคำวิพากษ์วิจารณ์ คือแต่ละคนก็มีสิทธิ์ที่จะมีความคิดเห็นของตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่เรามองว่าให้มันพอดี มันก็พูดยากเนอะ แต่ละคนก็มีเหตุผลในสิ่งที่ตัวเองทำไม่เหมือนกัน เพียงแต่เราต้องมองว่าทุกคนมีเหตุผล แต่ละคนทำแบบนี้เพราะเขามีเหตุผลของเขา ทำแบบนี้ รู้สึกแบบนี้ ทุกคนมีเหตุผลเป็นของตัวเอง พอเรามองแบบนี้ซะแล้ว ก็ไม่เห็นจะต้องไปรู้สึกอะไร เพราะว่าไม่มีใครเหมือนกันหรอก

แม้แต่คนในครอบครัวยังทะเลาะกันเลย เราไม่สามารถตัดสินใจใครได้ เขาอาจจะทำผิดแต่เขามีเหตุผล ถ้าเขาไม่มีเหตุผลก็ค่อยไปว่ากันทีหลัง แต่เราไม่ตัดสินใครเลย เพราะเดี๋ยวนี้คนเราตัดสินกันง่ายมาก ก็เลยทำให้พิมพ์อะไรกันไปก็ไม่รู้ ยังไม่ผ่านกระบวนการความคิดอะไรออกมาเลย ก็ออกมาเป็นข่าวโซเชียล ซึ่งเราก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะตอนนี้ก็แข่งขันกัน เราอยู่ด้วยความเข้าใจ อะไรมันก็จะแบบว่าอือๆ โอเค รีบจังเลยเนอะ รอๆหน่อยก็ได้ รอดูสิว่าจริงๆมันคืออะไร แต่ยังไม่ทันได้ผ่านกระบวนการอะไรเลยที่คัดกรองให้มันถูกต้องแล้วค่อยปล่อยออกไปทางสื่อ สมัยก่อนกว่าจะออกมาได้แต่ละข่าวๆมันยากมาก แต่ปัจจุบันพูดไปประโยคเดียว แปปเดียวก็ออกไปทั่วแล้ว

เราเข้าใจ แต่มันไม่ใช่แค่เราที่เข้าใจ จะมีกลุ่มคนอื่นที่เขาเสพเขาไม่เข้าใจว่ามันจริงหรือไม่จริง ทุกวันนี้เพื่อนยังมาถามเลยว่าจริงไหม ก็บอกมีจริงบ้าง ไม่จริงบ้างแหละ ก็ผสมผสานกันไป ก็เลือกๆเสพเอา เราก็มองอย่างเข้าใจ ไม่ตัดสินใคร ไม่โกรธเขา ไม่อะไรเขา”

ตอนนี้ต่อสัญญาช่องแล้ว ทำให้มองไปถึงการทำเบื้องหลังหรือเป็นผู้จัดละครเลยไหม?

“ผมว่าด้วยความที่สบายใจ อยู่มานาน เราก็อาจจะเป็นเหมือนลูกคนโตแล้วตอนนี้ก็ว่าได้ ก็มีหน้าที่มีอะไรก็แนะนำน้องๆ เป็นบ้านที่รัก (ยิ้ม) เรื่องเบื้องหลัง ก็อยากทำอยู่ แต่ว่าไม่อยากจริงจัง อยากทำแบบสมมติว่าไปเจอเรื่องอะไรมาสนุกแล้วเราอยากทำจริงๆ แต่ว่าคงไม่ได้ตั้งมาเป็นบริษัท ทำผลิตจริงจังปีละเรื่องสองเรื่อง คงไม่ขนาดนั้น เหมือนถ้าอยากจะทำจริงๆก็คงจะ 2-3 ปีเรื่องนึง ก็คงมีโอกาสได้เห็นผมในฐานะนั้นบ้างแหละ แต่อาจจะยังไม่ใช่ใกล้ๆนี้”

 

TOP ข่าวบันเทิง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ