“เบสท์ คำสิงห์” ชีวิตเปลี่ยนขึ้นแท่นนางเอก ยังไม่รวยร้อยล้าน รัก “ตงตง” ไม่มีคำว่าเลิกในหัว


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ยูทูบเบอร์และนางเอกสาว “เบสท์ – รักษ์วนีย์ คำสิงห์” ลูกสาวคนโต “สมรักษ์ คำสิงห์” เปิดใจหลังเข้ามาโลดแล่นในวงการบันเทิง พร้อมเผยเรื่องหัวใจ “ตงตง เดอะสตาร์” เจอคำบูลลี่สารพัด จับมือฝ่าฟันจึงผ่านมาได้

สวยเก่ง! “เบสท์ คำสิงห์” ลูกสาว “พ่อสมรักษ์” ยูทูบเบอร์สาวสุดฮอต เข้าวงการคว้าบทนางเอก

โด่งดังจากการเป็นยูทูบเบอร์ สำหรับ เบสท์ – รักษ์วนีย์ คำสิงห์ และเป็นที่รู้จักในวงกว้างในฐานะลูกสาวอดีตนักชกดัง สมรักษ์ คำสิงห์ แต่สาวคนนี้ไม่เคยใช้ชื่อพ่อเป็นใบเบิกทางสร้างชื่อเสียง พยายามทุกอย่างด้วยตัวเอง

ล่าสุดกับอีกหนึ่งบทบาทใหม่นางเอกดาวรุ่ง ที่เข้ามาโลดแล่นมีผลงานหน้าจอทีวี “พีพีทีวี นิวมีเดีย” มีโอกาสได้พูดคุยกับเธอคนนี้ ทั้งเรื่องชีวิตส่วนตัวป็นเสาหลักให้ครอบครัว รวมถึงเรื่องความรักกับ ตงตง - กฤษกร กนกธร ที่เจอมรสุมดราม่าตั้งแต่เปิดตัว  

“สมรักษ์ คำสิงห์” ปลื้ม ลูกสาวถอยรถป้ายแดงให้

โดย “เบสท์” เริ่มเล่าเส้นทางจากยูทูบเบอร์สู่การเป็นนางเอกว่า "ทางช่องติดต่อมาทางพ่อว่าอยากได้ลูกสาวมาเล่นละครเรื่องนี้ (กู้ภัยหัวใจสู้) หนูก็ไม่ได้คิดอะไรเยอะ แค่คิดว่าเราไม่ชอบ เล่นไม่เป็น แต่พ่อกับแม่อยากให้เล่น อยากให้ลูกเป็นดารา อยากให้ยายได้ดู หนูก็เลยยอมเล่น แล้วก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนางเอก พอเริ่มเล่นจากที่ไม่ชอบก็เริ่มชอบไปเอง ด้วยความไปกองทุกวัน เจอคนนู้นคนนี้ มันก็สนุกไปเอง คือที่ยายอยากให้เล่นละครเพราะเขาจะชอบดูทีวี ก็อยากให้เราเป็นนางเอกในทีวีให้ดู คนยุคเก่าความสนุกความแฮปปี้ทีวีมันมากกว่า แต่เขาก็ไม่ได้บอกนะว่าอยากให้เบสท์เป็นดาราในแบบไหน รับบทไหน แค่อยากดูหลานในทีวี ส่วนพ่อกับแม่ก็มีความสุข แฮปปี้ โอเคเราก็เป็นให้ ที่ผ่านมาพ่อหนูมองว่าถ้าฝากตอนนั้นหนูยังเด็กก็อาจจะได้บทตัวประกอบ แต่เขาอยากให้เล่นเป็นนางเอกเขาก็เลยไม่ฝาก รอถึงจุดที่เราโตพอ ทางช่องก็ติดต่อมาพอดี ตอนนั้นเบสท์ก็เป็นยูทูบเบอร์อยู่ด้วยค่ะ”

การเป็นดารากับยูทูบเบอร์ต่างกันยังไง?

“ก็ต่างค่ะ เพราะว่าเหมือนดาราในอดีตภาพลักษณ์ต้องเรียบร้อยต้องคีพลุค แล้วเรามาจากยูทูบเบอร์คือเป็นตัวเองเต็มที่ ต้องโอเวอร์ ต้องเล่นใหญ่ ต้องตื่นเต้น แล้วพอเราเอาลุคนั้นมาใช้ในดาราเราก็จะโดนว่าเกินงามบ้าง ไม่เหมาะสมบ้าง แต่เราก็รู้แล้วแหละทุกวันนี้ถ้าออกสื่อก็ซอฟต์ลงมาหน่อย เพื่อเซฟคนที่ไม่เข้าใจแต่ความเป็นตัวตนเรา 100 เปอร์เซ็นต์ก็จะอยู่ในยูทูบ ก็มีต้องปรับ แต่จริงๆหนูก็เป็นตัวเองแต่ว่าแค่ไม่ได้เสียงดังโอเวอร์อะไรขนาดนั้น ก็แค่ปรับโทนตัวเองลงมานิดนึงแค่นั้นเองค่ะ แต่ก็ไม่ทิ้งความเป็นเรา รู้สึกว่าถ้าทิ้งแล้วมันจะมีกลุ่มที่เขาตามเรา เขาก็จะมองว่าไม่ใช่เรา”

ถูกโฟกัสมาตั้งแต่แรกความเป็นลูกสาว สมรักษ์ คำสิงห์?

“การที่เกิดมาเป็นลูกพ่อ หนูดีใจนะ ไม่ได้รู้สึกเป็นเรื่องที่กดดัน เกิดมาแล้วมีคนรู้จัก มีคนซัพพอร์ต เวลามีคนมาทักเยอะๆว่า “ลูกสมรักษ์” ก็รู้สึกดีนะคะ ไม่ได้รู้สึกไม่ดี ก็เลยดีใจตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่เคยเสียใจ ไม่เคยเสียดาย รู้สึกว่าดีที่เกิดมาเป็นลูกสมรักษ์ ถามว่าเหนื่อยไหมพอโตมาต้องสู้เพื่อที่บ้าน ไม่เหนื่อยค่ะ หนูมองว่ามันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ถ้าเราหาเงินมาได้แล้วไม่เอาให้พ่อแม่ เราจะเอาให้ใคร อาจจะเก็บไว้กับตัวเอง แต่สุดท้ายก็ต้องช่วยเหลือพ่อแม่ถ้าพ่อแม่เดือดร้อน หนูว่ามันเป็นพื้นฐานของมนุษย์อยู่แล้ว ไม่ได้คิดว่าจะต้องเหนื่อยด้วย เพราะทุกอย่างเราก็ให้พ่อแม่อยู่แล้ว ไม่รู้จะเอาไปให้ใคร เราก็มีแค่พ่อแม่

ทุกวันนี้หนี้ของพ่อก็ยังไม่หมดหรอกค่ะ แต่พ่อเขาไม่ได้เอาเงินหนูขนาดนั้นนะ จะเอาเคสที่ด่วนจริงๆ เช่น เจ้าหนี้ไม่ยอม เขาก็จะมาขอหนู แต่เขาก็พยายามที่จะหาใช้เอง ซึ่งหนูก็เอาให้ในส่วนที่เขาขอ เอาเท่าที่ช่วยได้ให้เขาไม่เดือดร้อน แต่พวกค่า อยู่ค่ากิน หนูก็ออกให้เหมือนเดิม แต่เรื่องของหนี้หนูไม่ได้ออกให้ ซึ่งพ่อก็ยังเป็นเจ้าพ่อร้อยโปรเจ็กต์อยู่นะ มีทุกวัน (หัวเราะ) หนูบอกพ่อเลยว่าจะเอาเงินเดือนหรือจะเอาเงินรายวันกี่บาทโดยไม่ต้องทำอะไร ขอให้อยู่บ้าน นั่งกินกาแฟเฉยๆ เล่นโทรศัพท์ ดูทีวี แต่เขาไม่เอา เขาไม่ชอบอยู่บ้าน อยากทำโน่น ทำนี่ พ่อจะเป็นแบบนี้ แต่เขาไม่ได้มาปรึกษาค่ะ เบสท์ห้ามไม่ได้ เพราะเบสท์เป็นลูก แต่ขอแค่อย่ายืมคนอื่น เพราะมันจะเพิ่มหนี้อีก ถ้าเดือดร้อนจริงๆก็ค่อยมาบอก หนูก็ต้องช่วย เพราะเขาเป็นพ่อเรา”

ชีวิตเปลี่ยนไหมเข้าวงการ?

“ก็เปลี่ยนนะคะ เป็นสิ่งที่ดีที่เข้ามาทำงานในวงการก็มีคนจ้างงานมากขึ้น ได้เงินมากขึ้น เพราะหนูก็ต้องหาเงินให้ที่บ้าน จ่ายค่าบ้าน ค่ารถ ทุกอย่าง พอเข้าวงการคนรู้จักมากขึ้น ลูกค้าก็เข้ามาขึ้นเป็นการต่อยอดงานอื่นๆรายได้ก็ดีขึ้น ถามว่าเบสท์บ้างานไหม ก็ต้องบ้าค่ะ เพราะตัวเองรู้หมดว่าแต่ละเดือนต้องจ่ายเท่าไหร่ พอรู้ปุ๊ปจะอยู่เฉยๆไม่ได้ต้องทำงานเพื่อไปจ่าย ค่าใช้จ่ายต่อเดือนก็หลักแสน หนูดูแลเองทั้งหมดของที่บ้าน รวมถึงค่าเรียนของน้องด้วย ก็ต้องคิดว่าเดือนนึงต้องหารายได้ให้ได้เท่าไหร่ แต่อาจจะไม่ได้พูดให้ใครรู้ว่าเราเครียด แต่ก็ไม่เคยมีเดือนไหนหาได้ไม่พอจ่าย เหมือนเรารู้ว่ามีสำรองอยู่แล้วแต่เราก็ต้องทำเพิ่มเพื่อเอามาทบ สมมติเราซื้อของหลักแสนไป มันคือค่าบ้านเลยนะ ก็ต้องหารายได้เพิ่มอีกเพื่อให้มาชดเชย หนูไม่คิดว่าสิ่งที่ทำมันเกินตัวนะ มันเรื่องปกติ ใครๆก็ต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัว

ถามว่าคิดว่าเร็วไปไหมกับการเป็นหัวหน้าครอบครัวตั้งแต่อายุเท่านี้ ก็เคยคิดว่าเร็วไป แต่ก็มีความโชคดี ความเร็วไปคือเราไม่ได้ไปใช้ชีวิตแบบเพื่อน ก็เสียดาย บางทีอยากไปเที่ยวกับเพื่อน อยากทำอะไรแบบที่วัยรุ่นทำก็ไม่ได้ เพราะต้องทำงานหาเงิน แต่เรื่องโชคดีคือเราสตาร์ทเร็ว มีเงินเก็บมากกว่าคนอื่นเพราะหาได้ตั้งแต่เด็ก บางทีเราก็มองว่าคนอายุเท่านี้ยังไม่มีเงินเท่าเราเลย เราโชคดีนะที่เรามีเงินขนาดนี้ในอายุเท่านี้”

สาวน้อยร้อยล้าน?

“ไม่ถึงๆค่ะ (หัวเราะ) ที่มีเงินเก็บทุกวันนี้คือเงินจากการเป็นยูทูบเบอร์เลยค่ะ แล้วก็จากโซเชียลต่างๆรวมถึงงานในวงการด้วยค่ะ”

เริ่มมาเป็นนักแสดงต้องปรับตัวยังไง?

“หนูไม่ได้เรียน ไม่ได้เวิร์คชอปอะไรเลย แต่พอรู้ก็ดูค่ะ ดูซีรีส์ ดูละครว่าเวลาเขาเล่นเขาทำยังไงนะ แล้วก็อาศัยเวลาไปหน้ากองก็ฟังผู้กำกับว่าเขาอยากได้อะไร ทำตามที่เขาบอก แล้วก็จะถามตลอดว่าได้ไหม เรียนรู้จากตรงนั้น พ่อก็ไม่สอน หนูก็ไปของหนูเอง ท่องว่าต้องพูดอะไรบ้าง ฟังผู้กำกับไม่เข้าใจอะไรก็ถามเลย เพราะหนูเป็นคนตรงๆชอบพูดอยู่แล้ว แล้วก็มีไปถามนักแสดงด้วยกันพูดยังไงประโยคนี้ การแสดงก็ไม่ง่าย หนูโดนด่า โดนว่าก็ไม่เคยร้องไห้นะ แค่แบบไม่เข้าใจว่าหนูยังเล่นไม่ถูกหรออยู่อย่างนั้น จนเล่นมาจนครึ่งเรื่องถึงเข้าใจด้วยตัวเองว่า อ๋อ คาแร็กเตอร์มันเป็นแบบนี้ จากนั้นเราก็เล่นไปเลย แล้วผู้กำกับจะมาบอกเองว่าอันนี้ต้องร้องไห้มากกว่านี้ ต้องโกรธมากกว่านี้”

ละครเรื่องแรกกระแสดี?

“คือจริงๆหนูดีใจตั้งแต่ตอนที่เบสท์กับพี่ตงตงมีกระแสช่วงปีที่แล้ว คนก็รู้ว่าที่เราสองคนรักกันก็เพราะละครเรื่องกู้ภัยหัวใจสู้ แล้วก็มีคนแชร์กันเยอะมากว่าอยากดู ตอนนั้นก็ดีใจแล้วคือละครยังไม่ทันได้ออนแต่คนรอดูแล้ว มันทำให้เรารู้สึกว่าประสบความสำเร็จตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว พอละครออนเรตติ้งก็ดีอีก ดีใจค่ะ มันเกินคาดตั้งแต่ที่หนูรับละครเรื่องนี้แล้ว รู้สึกว่าโชคดีได้เจอพี่ตงตง ได้มาคบกัน คนชอบ ไม่ได้อวยนะแต่ว่าเรื่องจริง ทำให้คนมาติดตามเราเยอะขึ้น คนมาฟอลโลว์เราเยอะขึ้น ดูคลิปเรารูปเรา ก็รู้สึกดีใจที่เป็นจุดเริ่มต้น”

“ตงตง เดอะสตาร์” เผยเหตุผลเพิ่งขอ “เบส” เป็นแฟน เมินดราม่าทำคอนเทนต์

กับ “ตงตง” เป็นยังไงบ้าง ในมุมที่ต้องรู้ว่าต้องเล่นละครด้วยกัน?

"ตอนแรกหนูรู้จักพี่ตงเพราะยายหนูดูละครพี่เขา คือพอบอกชื่อมานึกหน้าออกว่าคนนี้ แต่ไม่รู้ว่าเขาเล่นอะไรมาบ้าง ไม่รู้ชื่อเสียงเขา พอรู้ก็ไปบอกยายยายก็ดีใจเพราะชอบดูละครพี่เขา จนไปเจอกันวันฟิตติ้งเขาก็เข้ามาถามว่าเข้าช่องมาได้ยังไง แคสมาหรอ เรียนแอคติ้งมาไหม เล่นเรื่องแรกหรอ ก็เลยสนิทกันตั้งแต่วันฟิตติ้ง พอไปถ่ายก็เลยง่าย ฟีลแบบเราร่วมงานกันได้ง่าย”

เริ่มรักกันตอนไหน?

“เหมือนกับเริ่มถ่ายได้ประมาณ 2 เดือนนิดๆ พี่เขาก็เริ่มไลน์มาถาม เป็นยังไงบ้าง เราก็สงสัยว่าไลน์มาทำไม ก็ถ่ายละครเลิกกองแล้ว เลิกกอง 4 ทุ่ม 5 ทุ่มไลน์มา เราก็สงสัยว่าไลน์มาทำไม จะชวนคุยทำไม เพราะพรุ่งนี้ก็ต้องไปกอง เดี๋ยวก็ต้องเจอกัน ตอนนั้นหนูก็โสด เลิกกับแฟนเก่าไปสักพักพี่ พอเราโสดก็ตอบไลน์เขา เรางงเพราะก่อนหน้านี้เขาไม่เคยไลน์มาและไม่มีทีท่าว่าจะจีบ คนเพิ่งโสดก็ไม่อยากเสียใจอีก ไม่อยากอกหัก ก็เลยถามไปว่าทักมาทำไม มาคุยแบบนี้เพราะอะไร เขาก็บอกว่าเขาชอบ จะจีบจริงจัง หนูก็บอกให้คุยกันไปก่อนเพราะว่าหนูตั้งตัวไม่ทัน คุยกันไปก่อนได้ไหม ยังไม่รับปากว่าจะชอบกลับหรือว่าจะรักเขา เขาก็โอเค”

ล้วงความรัก “ตงตง” เตรียมพา “เบส” เจอแม่ ใช้ความจริงใจฝ่าด่านครอบครัวคำสิงห์

เขาพูดมาแบบนี้เรามีสงสัยอะไรในตัวเขาไหม เรื่องข่าวหรือเขาโสดไหม?

“ก็มีบอกเพื่อนว่าพี่ตงตงเข้ามาแบบนี้นะ เพื่อนก็บอกว่ารู้ว่าพี่ตงมีวีรกรรมอะไรบ้าง เล่ามาหมดเลย แต่เพื่อนก็ไปสืบมาให้ว่าเขาไม่มี เราก็โอเค ก็คุยกันสักพักนึง แล้วพี่ตงเขาได้มาโปรโมทละครที่เขาเล่น ดันไปตอบนักข่าวว่าศึกษาดูใจกับเบสท์อยู่ แล้วก็เปิดตัว ปั้ง! หนูก็ตกใจ ศึกษาดูใจภาษาชาวบ้านก็คือแฟนกัน แต่เขายังไม่ได้ขอเราไง (หัวเราะ) หนูก็ถามเพื่อนว่าต้องยังไงดี เพื่อนบอกเขาน่าจะมีหนูคนเดียวแล้วแหละ ถ้าชอบก็บอกไปเลยว่าคุยกับเขา ยอมรับไปเลยถ้าใครถาม หลังจากนั้นพอใครถามเราก็ยอมรับ มันก็เลยกลายเป็นคู่ที่เปิดเผยค่ะ แต่จริงๆเราไม่ได้ตั้งใจจะเปิด”

ที่ไม่อยากเปิดเรากลัวอะไร?

“ถ้าพูดตามตรงคือถ้าเราเปิดแล้วถ้าเลิกกันจะโดนว่า คือความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ถ้าจะคบกันเลิกกันมันธรรมชาติ แต่ถ้าเปิดมันก็จะมีคนที่ 3-4-5 หรือเป็นร้อยคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น ก็คิดว่าเราจะรับได้ไหมถ้าคนด่าเรา แต่เพื่อนกับที่บ้านบอกว่าถ้าพี่เขาเปิดแล้วเราไม่เปิดมันก็จะดูย้อนแย้งกัน พี่ตงเองเขาบอกว่าเขาตอบตามความรู้สึก หนูก็เลยบอกไปว่าแต่ที่พี่ตอบไปคือมันชัดเจนมากว่าเป็นแฟนกัน เราเพิ่งคุยกันเองนะ แต่เขาบอกว่าเขาตอบตามจริง ตามความรู้สึก มันก็เลยออกไปแบบนั้น”

มีผลกับการเล่นละครไหม?

“ไม่มีๆ หนูไม่ได้เขิน แอ็คชั่นปุ๊ปคือทำได้ แม้ว่าตอนนั้นหนูฟุ้งคลั่งรักมากเลย แต่พอแอ็คชั่นหนูต้องเกลียดเขา ร้องไห้ใส่เขาหนูก็ทำได้ บทกุ๊กกิ๊กก็ไม่เขินเล่นตามผู้กำกับสั่ง ไม่ได้มาคิดว่าเราเป็นแฟนกัน ส่วนพี่ตงตงที่เขาบอกว่าเขิน หนูไม่รู้ นึกว่าเขาเล่นตามคาแร็กเตอร์ เพราะเราไม่ได้เขิน ตอนซ้อมเขาก็จะมีแอบๆเขิน ก้มหน้าแอบยิ้ม (หัวเราะ)”

“เบสท์ รักษ์วนีย์” เขิน “ตงตง” ดึงเป็นนางเอกเอ็มวี รอพาเจอคุณแม่

ที่มาของ “ตงตง แฟนคลับเบอร์หนึ่ง”?

“คือหนูชอบกินโกโก้ในกองซีนแรกก็ต้องแก้วนึง ครึ่งวันต้องมี จะเลิกกองมี เขาก็จะสังเกตุว่าหนูชอบกิน เขาก็ซื้อโกโก้มาส่งที่กอง แต่เขาไม่ได้บอกว่าเขาซื้อ วันที่เขาไม่มีถ่ายทีมงานก็เอามาให้หนูมาตั้งตรงเก้าอี้หนูแล้วบอกให้หนูอ่านชื่อเอาว่าของใคร พออ่านก็เขียนว่า “แฟนคลับเบอร์หนึ่ง แล้วตอนนั้นพี่ตงเขาเหมือนมีฉายาว่าเป็นแฟนคลับเบอร์หนึ่งเบสท์ เหมือนเขาบอกว่าชอบเบสท์ตั้งแต่ก่อนมาเล่นละคร ดูยูทูบมา แล้วทุกแก้วทุกถุงเขียนแบบนี้หมดเลย เราก็เลยรู้ว่าเขาซื้อให้เราก็แจกในกองแล้วก็เก็บไว้กิน แต่พอเป็นแฟนกันปุ๊ปก็ไม่มีแล้วนะ (หัวเราะ) จนล่าสุดเพิ่งพูดไปว่าไม่มีโกโก้ให้หนูเลยนะ เขาก็ส่งมาให้ที่กองถ่ายกองใหม่ ที่เล่นกันคนละเรื่องละ เหมือนจะต้องพูดถึงจะมี (หัวเราะ)"

ในยูทูบคือหวาน?

“หวานไปก่อน (หัวเราะ) คือหนูรู้สึกว่าเต็มที่ไปก่อนอ่ะ ดีกว่าไม่เต็มที่แล้วมานั่งเสียดาย เรื่องโปรก็มีนะ ผู้ชายก็มี ตอนแรกคือหวานมาก แต่ตอนนี้คือฟีลแบบพี่เขาโตกว่าหนูด้วยแหละ 5 ปี ก็จะผู้ใหญ่ไม่ค่อยมากุ๊กกิ๊กหนุงหนิงตัวติดเราตลอดเหมือนตอนแรก"

เราขี้งอนจริงไหม?

“อย่าให้หนูพูดเรื่องพี่ตงบ้าง ล้อเล่นๆ ก็งอนทั่วไป (พอไม่นั่งใกล้ก็งอนแล้ว?) ใช่ เพราะว่าเวลาเขาไม่นั่งใกล้เขาจะชอบหยิบโทรศัพท์เขามาเล่นไม่สนใจเรา เหมือนเราเป็นอากาศ เห็นไหมว่าหนูนั่งอยู่ตรงนี้ ก็พี่นั่งไกล ขยับมา เขาก็ค่อยๆ ขยับมา ถามว่าทำไมเราไม่ขยับไปหาเขา ไม่ได้ไง หนูเป็นโรคอะไรไม่รู้จะรู้สึกว่าถ้าเป็นตอนที่จีบเขาไม่นั่งตรงนั้นไง (หัวเราะ) ถามว่ามีต้องปรับตัวไหม หนูว่าหนูโต เข้าใจโลกว่าผู้ชายมักเป็นแบบนี้ แต่บางทีถ้าตอนคุณจีบเราคุณนั่งตรงนี้ แต่พอเป็นแฟนกันนั่งตรงโน้น ตอนจีบเราคุณไม่เล่นเกมไง แต่พอเป็นแฟนคุณเล่นแต่เกมมันเป็นความรู้สึกในใจ เราก็ไม่ได้ให้เขาทำเหมือนตอนจีบ แต่ที่เรางอนเพราะว่าต้องการเรียกร้องความสนใจ”

คิดว่ามันเป็นปัญหาระยะยาวไหม ถ้าวันนึงเกิดระเบิดขึ้นมาไหม?

“ถ้าพูดตามตรงว่าจะระเบิดเพราะเรื่องแค่นี้ หนูก็ปล่อย มันไม่ได้หนักหนาถึงขั้นบอกเลิกกัน ถ้าเราจะมีชีวิตคู่ด้วยกันด้วยเอาเรื่องที่แบบหนูไปมีกิ๊กหรืออะไรแบบนี้แล้วมาบอกเลิกหนูจะเข้าใจ แต่ถ้าหนูขี้งอน หนูชอบให้เขาอยู่ใกล้ๆ แล้วมาบอกเลิกหนู รู้สึกว่าถ้าคุณคิดแค่นี้ก็เลิกกันเถอะ เพราะอนาคตจะต้องมีปัญหาอีกหลายเรื่องนะ เรื่องเงิน เรื่องบ้าน เรื่องลูก เรื่องต่างๆ แค่นี้อย่าเอามาเป็นปัญหาหลัก”

ชีวิตจริงเราดูเข้าใจโลก ต่างจากที่หลายคนเห็น?

“อาจจะปลง (หัวเราะ) คือปลงกับชีวิต หนูอาจจะทำงานหาเงินเร็วก็จะเจออะไรมาเยอะ เรารู้อยู่ว่าวงการบันเทิงเป็นยังไง รู้ว่าต้องมีคนด่า ตอนพ่อเป็นดาราก็มีคนด่า คนเกลียด เราเห็น เรารู้ แต่เราปลงคือไม่คิดอะไรกับมัน ไม่คาดหวังหรือโฟกัสมันเยอะ”

 “ตงตง เดอะสตาร์” โรแมนติกมาก เซอร์ไพรส์ขอ “เบส” เป็นแฟน บอกมาช้าแต่ไม่สายเกินไป

คอมเมนต์ที่ทำให้เสียใจกับการมาคบ “ตงตง”?

“ก็จะมีที่บอกว่าไม่เหมาะสม คือเราไม่ได้จีบเขาก่อนแต่เรามาโดนว่าไม่เหมาะสม ก็งงว่าไม่เหมาะสมยังไง ถ้าเรื่องความสวยใดๆ คือรู้แหละว่าพี่เขาหล่อ เราไม่ได้สวย ไม่เหมาะกับเขาก็จริง แต่เรารักกัน ถ้าเราเป็นคนธรรมดาอาจจะไม่โดนตัดสินเรื่องหน้าตา เลยรู้สึกว่าคำนี้ทำให้เราเจ็บเหมือนกัน ทำให้เรารู้สึกว่าไม่อยากคบกับคนนี้เพราะเราโดนบูลลี่

ซึ่งหนูก็ผ่านมาแล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีแล้ว อาจจะเป็นเพราะเขาด่าไปหมดแล้วเลยไม่ด่าซ้ำ (หัวเราะ) แต่ก็รู้สึกว่าอยากให้โลกมันพัฒนาได้แล้ว เราอยากจะเป็นเคสตัวอย่างว่าบางอย่างคุณไม่ต้องด่าผู้หญิงขนาดนี้ก็ได้ มันทำให้ความรักเขาบั่นทอนรู้ไหม ช่วงที่หนูโดนเยอะๆคือนอยด์มากเลยนะ ถึงขั้นร้องไห้คุยกับพี่ตงว่าลองลดสถานะกันดูไหม กลับไปเป็นเพื่อนร่วมงานกันเหมือนเดิม พี่ตงไม่ยอมเขาก็เสียใจร้องไห้เหมือนกัน

เขาบอกว่าให้สู้ไปด้วยกันก่อนได้ไหม วันนั้นก็ดราม่าทั้งคู่เลย มันก็หลายๆอย่างด้วยค่ะ คอมเมนต์ด้วยและอะไรต่างๆนานาด้วย คือบอกว่าลดสถานะแต่ไม่ได้เลิกกันนะ เผื่อมันจะดีขึ้นลองเป็นเพื่อนร่วมงาน พระเอก-นางเอกพอไหม ไว้โอเคกว่านี้แล้วค่อยคบกัน แล้วตอนนั้นก็ยังไม่ได้ขอเป็นแฟเราก็ถามว่าลดลงไหม เขาไม่เอา เขาไม่ยอม ก็เลยอดทนมาจนถึงจุดที่เริ่มเข้าใจกัน”

ความรักครั้งนี้มองไว้ยังไง?

“หนูเชื่อว่าเราต้องประคองให้คบกันไปได้นานที่สุด ก็อยากให้คบกันไปนานๆ เท่าที่จะทำได้ อยากให้ไปถึงจุดที่ทุกคนคาดหวัง แต่ถ้าไม่ได้ก็เป็นเรื่องของอนาคต แต่หนูก็คุยกับพี่ตงว่าถึงตอนนี้เราจะโดนด่า แต่ถ้าเราคบกันฝ่าฟันผ่านมันไปใครจะมาด่าเรา หนูก็อยากให้มันไปไกลที่สุด ถึงตอนนั้นเขาก็คงเข้าใจแล้วว่าเรารักกันจริง ใครมาว่าก็มองผ่าน ตอนนี้ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แฮปปี้ดีค่ะ”

ล้วงความรัก “ตงตง” เตรียมพา “เบส” เจอแม่ ใช้ความจริงใจฝ่าด่านครอบครัวคำสิงห์

“ปอย ตรีชฎา” เปิดใจครั้งแรก! รัก “โอ๊ค ภควา” รู้จักมา 20 ปี สู่การเป็นแฟน

จับตา! “โฟร์ ศกลรัตน์” โพสต์แคปชั่นชวนสงสัย รัก “ธามไท” สะดุด?

 

 

 

 

 

 

TOP ข่าวบันเทิง
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ