“ซาร่า โฮเลอร์” คลอดลูกคนแรกแล้ว ตั้งชื่อ “Aira”
เป็นคุณแม่ป้ายแดงของวงการบันเทิง สำหรับดาราและนักร้องสาวอารมณ์ดี “ซาร่า โฮเลอร์” หรือ “ซาร่า เอเอฟ” ที่เพิ่งให้กำเนิดลูกสาวคนแรก “น้องแอร่า” ท่ามกลางคำยินดีอย่างมากมาย
ล่าสุดเจ้าตัวได้มาเปิดใจผ่านรายการแฉ ถึงชีวิตคุณแม่ลูกอ่อนมือใหม่ พร้อมเล่าเส้นทางความรักกับสามี “แอช จอร์แดน” โปรดิวเซอร์และแร็ปเปอร์ชาวต่างชาติ ที่เชื่อว่าพรมลิขิตมีอยู่จริง โดยเผยว่า
“ตอนนี้นอนน้อย เลี้ยงลูก ต้องตื่นทุก 3 ชั่วโมง “น้องแอร่า” ตอนท้องน้ำหนักขึ้นมา 10 กิโล ก็ยังทำงานปกติ ใส่ชุดวอร์มๆ คลุมๆ เท่ๆ สปอร์ตๆ ไมได้รับงานในรายการซะส่วนใหญ่ แต่จะเป็นรับงานในกองไปต่างจังหวัด ก็ชิลล์ๆ แต่ทุกคนก็รู้นะคนที่ทำงานทุกคนก็รู้ (รู้ว่าท้อง?) ใช่ แต่เราก็ไม่ได้ออกมาโพสต์หรือมาบอก เพราะเราก็เชื่อว่าวันนึงก็ต้องมีคนรู้ วันนึงก็จะมีข่าวออก (ยิ้ม) ก็เลยรอจังหวะนี้ดีกว่า”
ตอนได้ยินเสียงลูกครั้งแรกน้ำตาไหล?
“ตอนแรกตั้งใจอยากคลอดธรรมชาติ น้ำเดินตั้งแต่ 8 โมงเช้า เราก็จะคลอดธรรมชาติเพราะคุณแม่ ญาติพี่น้อง คลอดธรรมชาติหมดเลย เราก็รอให้น้องมาจนถึงทุ่มนึง เริ่มเบ่งจนถึงสี่ทุ่ม น้องไม่มา ตัวเขาใหญ่ เราเบ่งจนอ็อกซิเจนจะหมด สุดท้ายก็เลยต้องเข่าห้องผ่าตัด ได้ยินเสียงลูกก็ร้องไห้”
จุดเริ่มต้นกับแฟนหนุ่ม?
“เขามาทักเราก่อน ตอนนั้นทำงาน เขาก็ดูเป็นฟิตเนสแมน หลังจากที่ได้คุยกันก็ได้เห็นความตั้งใจของเขา การงานของเขา ก็คุยกันไปเรื่อยๆ จนเขาทำเพลงเป็นโปรดิวเซอร์ ซึ่งจริงๆ เขาไปอยู่เกาหลีมาก่อนปีนึง ทำเพลงอยู่ที่โน่นแล้วก็พอมาเมืองไทยดันติดช่วงโควิดกลับไปไม่ได้ ก็เลยอยู่ยาวจนกระทั่งได้มาเจอกัน เขาตั้งใจจะย้ายออกแล้ว จนกระทั่งได้มาเจอเราเขาก็เลยอยู่ต่อ (หัวเราะ)”
โสดมานานเหมือนกัน?
“ก็เกือบ 2 ปี แต่สุดท้ายทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ดีใจนะกับการได้เป็นแม่คนในช่วงเวลานี้ เพราะใช้พลังงานเยอะมาก เหนื่อยมากที่ต้องดูแลเด็กคนนึง”
บุพเพสันนิวาสมีจริง เขาเห็นหน้าเราแล้วเดินมาคุยเลย?
“เขาเคยมีพูดอยู่ประโยคนึงว่า คุณเคยรู้สึกว่าต้องรู้จักใครสักคนไหม แม้แต่กระทั่งแค่เดินผ่าน มันมีเซนส์อะไรบางอย่างที่ดึงดูด เราไปช้อปปิ้งแล้วเดินผ่านกัน กฎของแรงดึงดูดจริง เขาเป็นฝ่ายมาทักเราก่อน ตอนนั้นเราตัดเรื่องความรักไปเลย เพราะเราอยากโฟกัสเรื่องงาน (หัวเราะ) จริงๆ ตอนนั้นอยากให้สิ่งดีๆ อยากพัฒนาตัวเองมากกว่า อยากทำในสิ่งที่เราอยากทำ ทุกวันนี้ดีใจที่อ่านคอมเมนต์ที่เขาบอกว่าเห็นเราเติบโต เห็นเราได้เป็นแม่ ติดตามมาตั้งแต่เข้าเอเอฟจนถึงตอนนี้มีลูกแล้ว”
เป็นคนคิดบวกตลอด เรื่องกฎแรงดึงดูดก็เคยอ่านมาก่อน?
“หนูก็เชื่อเรื่องนี้นะ หนูจะเชื่อเรื่องของอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในชีวิตมนุษย์มันอยู่ที่โชคชะตาฟ้าลิขิต ไม่ว่าจะเป็นจังหวะชีวิตที่เจริญหรือว่าจังหวะชีวิตที่เราต้องตก เป็นช่วงชีวิตของคนที่ต้องเจออยู่แล้ว อย่างกับแฟนคนนี้เจอกันเขาก็ขอไลน์ จริงๆ เราจะให้ไอจี แต่เราก็แบบอย่าเลยดีกว่า เดี๋ยวเขารู้ว่าเราดังมาก (หัวเราะ) ก็เลยให้ไลน์ เพราะไลน์จะไม่มีรูปของเราเลย จะเป้นรูปการ์ตูน แล้วก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เขาทักมาแรกๆ เราไม่ได้ตอบเขาเลยเกือบ 3 อาทิตย์ จนสุดท้ายเราก็เห็นความตั้งใจของเขา เขาบอกว่าผมรู้นะการที่มาทักคนแปลกหน้าในสถานที่แบบนี้มันอาจจะทำให้คุณดูแปลก แต่ผมแค่ต้องการความสัมพันธ์เป็นเพื่อน มิตรภาพ ซึ่งเขาไม่รู้ว่าเราเป็นดารา วันที่เขาเจอแล้วแลกไลน์เขาเห็นเราแค่ลูกตาเพราะใส่แมสก์”
เคยถามเขาไหม คนเราถ้าจะคบกันบางทีต้องรู้จักกันมาก่อน อันนี้ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม?
“อย่างที่บอกเขาบอกว่าต้องรู้จัก เขารู้สึกว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อน ตอนนี้น่าจะบุพเพอาละวาดแล้ว (หัวเราะ) พอเราเริ่มตอบ เขาก็ชวนไปกินกาแฟร้านวีแกน เพราะเรากินวีแกนมาจะ 3 ปีแล้ว เขาบอกว่าเขาไม่รู้ว่าเรากินวีแกนแต่เพื่อนเขาแนะนำร้านนี้ก็เลยอยากจะชวน ก็เลยแบบ เฮ้ย! ได้ไปอีกหนึ่งแต้ม (หัวเราะ) หลังจากนั้นเราก็รู้สึกประทับใจอีกหลายๆ เรื่อง แล้วเขาก็เลยปรับตัวเองมากินตามเรา แล้วเขาก็สนับสนุนในสิ่งที่เราเป็น
เขามารู้ว่าเราเป็นดารา ก็ตอนที่เขามาถาม้ราว่ารู้จักมิวเซียมเก๋ๆ ไหม ซึ่งพอไปพิพิธภัณฑ์ด้วยกัน ขากลับพี่ รปภ. ขอถ่ายรูป ตอนแรกเขาก็งงทำไมมีคนมาขอถ่ายรูปเรา เกิดความสงสัยเป็นที่มาทำให้ต้องบอกเขาว่าเราเป็นดารา หลังจากนั้นด้วยความที่คนอเมริกันเขาจะค่อนข้างหวงความเป็นส่วนตัวมาก เขาเลยตกใจนิดนึง เราก็เลยบอกเขาว่าถ้าจะคบเราเป็นเพื่อนหรืออะไร ต้องรับประชากรที่จะเข้ามาในชีวิตของฉันให้ได้ เขาก็ตกใจนิดนึง ตอนนี้เขาก็เลยลบรูปทุกอย่างของเขาในไอจีออกหมดเลย ด้วยความเป็นส่วนตัวของเขา และเขาก็อยากจะโพสต์อะไรที่ตั้งใจให้จุดมุ่งหมายที่ดีกับคนอื่น ที่เขาลบรูปเก่าออกเพราะรู้สึกเกรงใจเรา แล้วรูปของเขาก็จะเป็นรูปครอบครัวก็ค่อนข้างจะไพรเวท แต่สุดท้ายเขาก็โอเค จะค่อยๆ ปรับให้เข้ากับเราให้ได้”
เรามารู้ตอนไหนว่าเขาเป็นโปรดิวเซอร์?
“หลังจากคบกันมาสักพักนึงเราก็เริ่มแชร์ว่าเราเป็นใคร ทำอะไร เริ่มแชร์ความฝันของเรา แล้วก็เรื่องเกี่ยวกับเพลงที่เราเคยทำที่จีน เขาก็เริ่มแชร์ของเขาแล้วก็ชวนไปที่คอนโดซึ่งมีสตูดิโอที่นั่น เขาก็ให้เราลองอัดเพลง ซึ่งเราก็คิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ เพราะเราคิดว่ากว่าจะแต่งได้แต่ละเพลงมันยาก แต่เขามีทุกอย่างพร้อมให้เราไปฟรีสไตล์ได้เลย เราก็ไปฟรีสไตล์แบบสามช่า ส่วนเขาเป็นสไตล์ฮิปฮอป (หัวเราะ) เราเองก็ชอบฮิปฮอปอยู่แล้ว ก็เลยค่อยๆ ปรับเข้าหากัน หาแนวที่อยากจะทำเพลงด้วยกัน ก็เลยเป็นแรงบันดาลใจที่เขาเองก็อยากทำเพลงให้เรา แล้วตัวเราเองก็มีโอกาสได้ทำเพลงด้วย
ณ ตอนนี้เขาก็เลยอยู่เมืองไทยยาวเลย แต่ก็ไป-กลับอเมริกาบ้าง ไปเยี่ยมครอบครัวเขาบ้าง ซึ่งเขาเองก็เหมือนเป็นคนที่จุดประกายให้เราอยากกลับมาทำเพลงด้วย ก็เป็นความฝันของเราแต่เด็กแล้วว่าอยากจะทำอะไรแบบนี้ แล้วเราก็มีโอกาสได้ทำเพลงกับเขา แล้วเราต่างก็มีความฝันเหมือนกัน ถ้าเขาดูอยู่ก็อยากขอบคุณเขาในทุกๆ อย่าง เขาเด็กกว่าเรา 3 ปี”
การเลี้ยงลูกแบ่งเวลายังไง?
“ด้วยความที่ต้องตื่นมาให้นมลูกตอนนี้ก็จะเป็นหน้าที่เราเป็นหลักในการเลี้ยงลูก ส่วนช่วงเวลาที่เราจะพักผ่อนช่วงกลางวัน เขาก็จะดูแลลูกให้”
จะให้ลูกเข้าวงการไหม?
“ก็แล้วแต่เขา เราเองก็ไม่ได้ปิดโอกาสเขา จะเปิดโอกาสให้เขาเลือกเองเลย “น้องแอร่า” ลูกสาวหัวหยิก ตาโต ผิวน้ำผึ้ง (ยิ้ม)”
ที่ผ่านมาลำบากมาเยอะ จนวันนึงได้สร้างบ้านที่เชียงใหม่?
“ตอนนี้เสร็จแล้วค่ะ เหลือตกแต่งนิดหน่อยก็ 90 เปอร์เซ็นต์แล้วค่ะ คุณพ่อ-คุณแม่ก็เข้าไปอยู่แล้ว ที่ทำงานเยอะๆ ก็เอาไปปลูกบ้าน ดีใจมาก เราก็สบายใจแล้ว บ้านที่เชียงใหม่ก็เป็นของเราแล้ว ตอนแรกก็วางไว้ 10 ล้าน แต่มีตกแต่งอีกรวมๆ ก็เกือบ 20 ล้านค่ะ (เงินสด?) ใช่ค่ะ ที่ไม่กล้ามีหนี้เพราะเราเคยมีประสบการณ์ก่อนหน้านี้ บ้านก็ไม่มี ที่ก็โดนจำนอง จนไม่เหลืออะไรเลย ต้องยืมเงินคนอื่นมาโปะดอกเบี้ย เราก็ค่อยๆ ทำงานแล้วเอามาคืนเขาจนหมด เลยทำให้รู้สึกว่าไม่อยากจะติดหนี้ใคร สิ่งที่เกิดขึ้นก็ต้องทำให้โล่งที่สุด เลยทำให้ติดนิสัยประหยัดมาตั้งแต่ตอนนั้น”
ขอบคุณภาพ IG sara_hohler