เลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ อาจจบที่ศาล
"ไบเดน"พลิกคว้าชัยรัฐมิชิแกน ทิ้งห่าง “ทรัมป์”
ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการพอจะสรุปได้ว่า โจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรคเดโดมแครตได้รับเลือกเป็นประธานิบดีคนที่ 46 หลังได้รับคณะผู้เลือกตั้งเพิ่ม Electoral Votes รวม เกินกว่า 270 ทำให้มี Electoral Votes เกินกึ่งหนึ่งพอดี
ในระบบคณะผู้เลือกตั้งประธานาธิบดี แต่ละรัฐมีจำนวนผู้เลือกตั้งประธานาธิบดีเท่ากับจำนวนตัวแทนของรัฐในสภาคองเกรส (ทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา) ของรัฐนั้น ๆ ซึ่งปัจจุบันรวมทั้งประเทศมี 538 เสียง
การเลือกตั้งทั่วไปของประชาชน จึงเป็นเหมือนการเลือกประธานาธิบดีโดยปริยาย เพราะคณะผู้เลือกตั้งแต่ละคน ซึ่งมาจากแต่ละพรรค ก็จะลงคะแนนเสียง 1 เสียงให้แคนดิเดตประธานาธิบดีจากพรรคของตนภายหลังการเลือกตั้งทั่วไป เท่ากับถ้าคณะผุ้เลือกตั้งจากฝั่งไหนมีคะแนนเสียงมากกว่า ตัวแทนจากพรรคนั้นก็จะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ
ทั้งนี้ การนับคะแนนเลือกตั้งสหรัฐ 2020 ยังไม่สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ เนื่องจากหลายรัฐยังนับบัตรเลือกตั้งที่ส่งมาทางไปรษณีย์ไม่แล้วเสร็จ อาจเกิดการพลิกผันได้ แต่ถึงวันนี้ โอกาสพลิกเหลือเพียงน้อยนิเท่านั้น
โจ ไบเดน จึงยังมีสถาะเป็นเพียง “ว่าที่” ประธานาธิบดีเท่านั้น โดยผลการนับคะแนนที่แล้วเสร็จอย่างเป็นทางการคาดว่าอาจยืดเยื้อไปถึงกลางเดือนพฤศจิกายน
ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาแสดงความเห็นว่า ในบางรัฐซึ่งเขามีคะแนนนำโด่งกลับไม่มีการประกาศชัยชนะในรัฐนั้น ๆ และระบุไม่ไว้วางใจกระบวนการทำงานในการเลือกตั้ง หวั่นว่าจะมีการโกงคะแนนเกิดขึ้นในรัฐที่ไบเดนเป็นฝ่ายนำ เพราะในบางเมืองปรากฏภาพสถานที่นับคะแนนถูกปิดกั้น ไม่เปิดโอกาสให้คนได้เข้าถึงและแสดงความโปร่งใส
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ได้ ประกาศว่าตนเองคือผู้ชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้แล้ว ขณะที่ทีมหาเสียงของ ทรัมป์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ระงับการนับคะแนนในรัฐมิชิแกน ที่ ไบเดน มีคะแนนนำอยู่เล็กน้อย รวมถึงรัฐเพนซิลวาเนีย โดยอ้างปัญหาความโปร่งใสในการนับคะแนนจากการเลือกตั้งล่วงหน้า
ท่ามกลางการประท้วงในสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้