ประชากรในหลายสิบประเทศยากจนอาจไม่ได้รับวัคซีนโควิด-19
เทียบแต่ละประเทศ ซื้อวัคซีนโควิด-19 ไปในราคาเท่าไหร่
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา วารสารการแพทย์อังกฤษหรือ The BMJ ได้เผยแพร่งานวิจัยที่ชี้ว่า ภายในปี 2022 ราว 1 ใน 4 ของประชากรโลกจะยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 หมายความว่า ประชากรโลกราว 1,900 ล้านคน จะต้องรอวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างน้อยราว 2 ปี โดยประชากรกลุ่มนี้ส่วนใหญ่คือคนที่อาศัยอยู่ในประเทศรายได้ปานกลางและประเทศรายได้ต่ำ
สาเหตุก็คือ ประเทศร่ำรวยจับจองวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นจำนวนมาก ทำให้ประเทศที่มีรายได้ปานกลางและรายได้ต่ำไม่เข้าถึงวัคซีน งานวิจัยเปิดเผยว่า ประเทศร่ำรวย อย่าง สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย มีประชากรคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 14 ของประชากรโลก แต่กลุ่มประเทศเหล่านี้สั่งซื้อวัคซีนไปแล้วมากกว่าครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 51) จากจำนวนวัคซีนโควิด-19 ทั้งหมดที่มีในปัจจุบันราว 7,400 ล้านโดส โดยประเทศที่สั่งซื้อวัคซีนมากที่สุดคืออินเดีย ราว 1,600 ล้านโดส รองลงมาก็คือสภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และแคนาดา
ขณะที่ไทยสั่งซื้อวัคซีนอยู่ที่ 26 ล้านโดส มีรายงานเปิดเผยว่า ตอนนี้แคนาดาสั่งซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 มากกว่าความต้องการของประชาชนในประเทศถึง 5 เท่าหลายฝ่ายกังวลว่า การกักตุนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของประเทศรายได้สูง จะสร้างความเหลือล้ำระหว่างระหว่างประเทศ ที่ทำให้ประเทศที่มีรายได้ปานกลางและรายได้ต่ำ อย่าง ประเทศในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้และแอฟริกา ไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้อย่างเท่าเทียม
อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกได้ริเริ่มโครงการระดับโลกที่ชื่อว่า COVAX ที่มีเป้าหมายแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประเทศร่ำรวยและประเทศยากจนอย่างเท่าเทียม
ขณะนี้มีประเทศ 172 ประเทศและผู้พัฒนาวัคซีน 9 ราย ที่ลงนามเข้าร่วมโครงการ COVAX หนึ่งในผู้พัฒนาวัคซีนที่เข้าร่วมก็คือ มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ดของอังกฤษ โดยวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ดคือวัคซีนที่หลายฝ่ายตั้งตารอ เนื่องจากมีราคาถูกและขนส่งได้ง่ายกว่า
ภายใต้โครงการ COVAX แต่ละประเทศจะได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่เพียงพอสำหรับร้อยละ 20 ของจำนวนประชากรฟรีโดยตอนนี้โครงการ COVAX มีเป้าหมายแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 2,000 ล้านโดส ภายในปีหน้า
นอกจากวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะชี้ให้เห็นความเหลื่อมล้ำระหว่างประเทศแล้ว การแจกจ่ายวัคซีนตัวนี้อาจเพิ่มความเหลื่อมล้ำภายในประเทศด้วย เพราะแม้ว่าตอนนี้หลายๆ ประเทศ อย่าง สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และแคนาดาประกาศแล้วว่า พวกเขาสั่งซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพียงพอสำหรับประชากรทุกคน และประชาชนทุกคนจะได้รับการฉีดวัคซีนฟรี
แต่ไม่ใช่ทุกประเทศที่สามารถสั้งซื้อวัคซีนเพียงพอสำหรับประชากรทั้งประเทศ หมายความว่า ประเทศที่มีรายได้ปานกลางหรือรายได้ต่ำอาจสั่งซื้อหรือได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวนหนึ่ง ซึ่งวัคซีนเหล่านี้จะถูกแจกจ่ายให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงก่อนและมีความเป็นไปได้ว่ากลุ่มต่อมาจะคือกลุ่มที่มีกำลังในการซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ตัวเอง เท่ากับว่าประชาชนรายได้น้อยอาจเป็นกลุ่มที่เข้าถึงวัคซีนเป็นกลุ่มสุดท้าย หรือไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19