จีนโบ้ย บอก WHO "ต้นตอโควิด-19 อยู่ที่สหรัฐฯ"
ผู้นำจีนเน้นศึกษาประวัติ ฉลองครบ100 ปีพรรคคอมมิวนิสต์
สำนักข่าว The Guardian ได้เปิดเผยข้อมูลขององค์การอนามัยโลก เป็นรายงานสรุปที่เกิดขึ้นจากการเดินทางของผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ที่ไปจีนระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคมปี 2020 เพื่อสืบหาต้นตอของโควิด
โดยรายงานเปิดเผยว่า ในตอนนั้นจีนไม่ได้เอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรใดๆเลย มีเพียงการให้ข้อมูลปากเปล่า และจากข้อมูลที่จีนให้พอสรุปได้ว่า จีนไม่ได้ให้ความสำคัญกับการสืบหาต้นตอของโควิดมากนัก ซึ่งผลสรุปรายงานนี้ออกมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว แต่สื่อมวลชนเพิ่งจะนำมาเผยแพร่
สอดคล้องกับข้อสรุปจากผู้เชี่ยชาญ WHO อีกชุดที่ถูกส่งไปสืบหาต้นตอของโควิดเมื่อเดือนที่ผ่านมา ในคราวนั้นผู้เชี่ยวชาญ 2 ครั้งในทีมคือเธีย ฟิสเซอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขชาวเดนมาร์ก และ โดมินิก ดไวเออร์ นักจุลชีววิทยาชาวออสเตรเลีย ให้สัมภาษณ์กับ New York Times ว่านักวิทยาศาสตร์จีนปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลดิบเกี่ยวกับประวัติผู้ติดเชื้อโควิด-19 และข้อมูลเกี่ยวกับการระบาดช่วงแรก ซึ่งมันทำให้การสืบหาต้นตอของโควิด-19 ซับซ้อนมากขึ้น
แต่ล่าสุดมีหนึ่งในคนที่ให้ข่าวกับ New York Times เปลี่ยนท่าที โดมินิก ดไวเออร์ เขียนบทความเผยแพร่ประสบการณ์จากการลงพื้นที่ในเมืองอู่ฮั่นผ่านเว็ปไซต์ The Conversation โดยบอกว่า ตลอด 1 เดือนที่เขาได้ลงพื้นที่ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ชาวจีน พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี มีความเคารพและความไว้ใจซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ตาม ดไวเออร์ไม่ได้เขียนว่า แล้วจีนปกปิดข้อมูลหรือไม่
ขณะนี้ภารกิจขององค์การอนามัยโลกในเมืองอู่ฮั่นสิ้นสุดแล้ว แต่ยังไม่มีคำตอบว่า ไวรัสโควิด-19 อุบัติมาจากไหนและอุบัติได้อย่างไร ข้อสรุปที่ได้คราวนั้นคือ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ไวรัสโควิด-19 หลุดออกมาจากห้องแล็ปของจีน และ โควิด-19 อาจไม่ได้เกิดที่เมืองอู่ฮั่นของประเทศจีน
เมื่อได้ข้อสันนิษฐานมาว่า โควิด-19 อาจไม่ได้เกิดที่เมืองอู่ฮั่นของประเทศจีน องค์การอนามัยโลกจึงมองมายังภูมิภาคอื่นๆ ด้วย โดยผู้เชี่ยวชาญสันนิษฐานว่า ไวรัสอาจแพร่ระบาดมาจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะเป็นพื้นที่ที่มีการเฝ้าระวังการระบาดของเชื้อไวรัสน้อยมาก
แต่ล่าสุดเกิดความเข้าใจผิดขึ้น หลังสื่อของเดนมาร์กรายงานบทสัมภาษณ์ของผู้เชี่ยวชาญที่ระบุว่าไวรัสโควิด-19 อาจเกิดจากตลาดค้าสัตว์จตุจักรของประเทศไทย