การศึกษาที่เผยแพร่ผ่านวารสารการแพทย์ เดอะ แลนเซต (The Lancet) เปิดเผยผลการวิจัย พบว่า ชาวจีน ในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ของจีน ร้อยละ 40 ของผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) มีแอนติบอดี ที่ยังมีประสิทธิภาพอยู่ในตัวเป็นเวลาอย่างน้อย 9 เดือน ซึ่งการค้นพบนี้จะเป็นประโยชน์มากต่อการพัฒนาประสิทธิภาพของ วัคซีนโควิด-19
อัปเดต ตรวจเชิงรุกตลาดบางแค 18,157 ราย พบเชื้อ 394 ราย รอผล 759 ราย
รัฐบาล เผย มีผู้ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้วกว่า 62,941 ราย
วัคซีน “ซิโนแวค” ล็อต 2 ถึงไทยแล้ว 800,000 โดส
หวังเฉิน ประธานสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์แห่งชาติจีนและวิทยาลัยแพทย์ปักกิ่งยูเนียน กล่าวว่า การประเมินสัดส่วนของบุคคลที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การป้องกันและการควบคุมที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดในอนาคต
การวิจัยนี้เกิดขึ้นหลังจากเริ่มประกาศคลายล็อกดาวน์ภายในเมืองอู่ฮั่น ประมาณเดือนเมษายนปี 2020 นักวิจัยได้ทำการสุ่มตัวอย่างเลือดของผู้อยู่อาศัย 9,542 คนจาก 3,556 ครัวเรือนใน 13 เขต ต่อด้วยการตรวจตัวอย่างเลือดในเดือนมิถุนายนและระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม เพื่อตรวจดูการมีอยู่ของแอนติบอดี
และพบว่าอัตราผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นบวกของอู่ฮั่น อยู่ที่เพียง 6.9% ซึ่งหมายความว่า มีประชากรของเมืองติดเชื้อในสัดส่วนขนาดเล็กหลังเกิดการระบาดของโรค
นอกจากนี้ ยังพบว่า อัตราความเข้มข้นของแอนติบอดีในผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการน้อยกว่าผู้ป่วยที่มีอาการและเข้ารับการยืนยัน ซึ่งผลการศึกษาครั้งนี้อาจช่วยเอื้อการป้องกันโรคโควิด-19 ในอนาคต
เรียบเรียงจาก : globaltimes