สหรัฐฯคว่ำบาตร ผบ.ตร.-ผบ.หน่วยปฏิบัติการพิเศษเมียนมา


โดย PPTV Online

เผยแพร่




การกดดันจากประชาคมโลกโดยเฉพาะจากคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาติที่มีอำนาจในการคว่ำบาตรหรือแรงที่สุดคือ การส่งทหารเข้าแทรกแซงยังทำไม่ได้เพราะมีสมาชิกถาวรอย่างจีนและรัสเซียขวางอยู่

สหรัฐฯ ระงับความช่วยเหลือเมียนมา พร้อมประณามกองทัพ

ชาวเมียนมาประกาศประท้วงจนกว่าจะชนะ

โลกตะวันตกทำได้เฉพาะการคว่ำบาตรเป็นรายบุคคล หลังจากคว่ำบาตรรายบุคคลต่อทหารระดับสูงของเมียนมาร์ รวมถึงนายพลมิน อ่อง หล่ายและครอบครัวไปแล้ว ล่าสุด กระทรวงต่างประเทศสหรัฐประกาศคว่ำบาตรทหารและตำรวจระดับสูงของเมียนมาเพิ่มขึ้นอีก 2 คน

คนแรกคือนายพลตัน หล่าย (Than Hlaing) นายทหารระดับสูงที่ได้รับแต่งตั้งจากผู้นำกองทัพให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

คนที่สองคือพลโทอ่อง ซอ (Aung Soe) ผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ที่เป็นคนสั่งการปราบปรามประชาชน

มาตรการคว่ำบาตรจะทำให้ทรัพย์สินและผลประโยชน์ในสหรัฐฯ ของนายพลทั้งสองคนถูกอายัดทั้งหมด นอกจากนี้ยังห้ามไม่ให้บริษัทสัญชาติอเมริกาหรือชาวอเมริกันทำธุรกิจและธุรกรรมการเงินกับบุคคลทั้งสอง

รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐระบุในแถลงการณ์ว่า คำสั่งคว่ำบาตรนี้คือการส่งสัญญานว่า สหรัฐพร้อมตอบโต้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามอย่างถึงที่สุด

ก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีคำสั่งคว่ำบาตรคณะนายทหารที่ก่อการรัฐประหารซึ่งมีพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย และพลเอกอาวุโสซอ วิน ผู้กุมอำนาจอันดับหนึ่งและสองของเมียนมารวมอยู่ด้วย รวมถึงคว่ำบาตรบริษัทธุรกิจที่นายพลกลุ่มนี้มีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง

วันเดียวกัน คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป มีมติใช้มาตรการคว่ำบาตรแบบเจาะจง (target sanction) นายพล 11 นาย รวมถึงพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย  และพลเอกอาวุโสซอ วิน ผู้นำหมายเลขหนึ่งและสอง ทั้งสองคนนี้ซึ่งติดอยู่ในบัญชีรายชื่อ มาตรการคว่ำบาตรของทุกประเทศ

ภายใต้มาตรการคว่ำบาตร คนที่อยู่ในบัญชีถูกห้ามไม่ให้เดินทางเข้าออกสหภาพยุโรป ทรัพย์สินทั้งหมดรวมทั้งผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในสหภาพยุโรป ถูกอายัดทั้งหมด

พลเมือง และองค์กรธุรกิจในสหภาพยุโรป ถูกห้ามมิให้ทำธุรกิจหรือทำธุรกรรมการเงินกับผู้ที่อยู่ในบัญชีคว่ำบาตร

นอกจากการคว่ำบาตรนายพล 2 นายแล้ว กระทรวงต่างประเทศสหรัฐยังมีการคว่ำบาตรหน่วยงานทางทหาร 2 หน่วยของกองทัพเมียนมาร์ นั่นคือ กองพลทหารราบเบาที่ 33 และ กองพลทหารราบเบา ที่ 77

หน่วย 77 ถูกส่งมาประจำการที่ย่างกุ้ง ส่วนหน่วย 33 ประจำการที่มัณฑะเลย์ เป็น 2 จุดที่มีการปราบปรามหนักที่สุด

ทั้ง 2 หน่วยเป็นหน่วยรบพิเศษ ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมและการรบนอกรูปแบบ ปฏิบัติการแบบรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งในย่างกุ้งและมัณฑะเลย์เป็นฝีมือของ 2 หน่วยนี้ จะมาพร้อมอาวุธครบมือ เป็นอาวุธหนัก เช่นปืนไรเฟิล

หน่วย 77 ที่ประจำการในย่างกุ้ง คือหน่วยที่เข้ากวาดจับกุมคนที่มีบทบาททางการเมือง เช่นเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ทหารจากหน่วยนี้พร้อมอาวุธครบมือบุกเข้าไปจับกุมนายจา มาร์ สมาชิกคนสำคัญของพรรคเอ็นแอลดี ถึงภายในบ้านพัก เป็นหน่วยที่ปฏิบัติการที่เขตไลย์ตายาเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่มีคนเสียชีวิตมากที่สุดในย่างกุ้ง

ส่วนหน่วย 33 มีหลักฐานชี้ว่า เป็นหน่วยหลักในการปราบปรามอย่างหนักในมัณฑะเลย์เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีการตัดอินเตอร์เนต ตัดไฟ จากนั้นก็ใช้อาวุธหนักกราดยิง

ก่อนหน้านี้ มีภาพของหน่วย 33 ยิงเข้าไปในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองมัณฑะเลย์ หน่วย 33 ถูกเรียกว่าเป็นหน่วยล่าเนื้อของกองทัพ ถูกส่งเข้าไปในรัฐยะไข่ในปฏิบัติการปราบปรามมุสลิมโรฮิงญาเมื่อปี 2017

เป็นหน่วยที่มีรายชื่อปรากฏในศาลโลกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ สำโดยเฉพาะการสังหารชาวโรฮิงญาอย่างโหดเหี้ยมที่หมู่บ้านอินดิน

ส่วนหน่วย 77 เป็นหน่วยที่กองทัพเมียนมาก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 1963 หรือเมื่อ 58 ปีที่แล้ว เป็นกองกำลังที่ถูกฝึกให้ปราบปรามคอมมิวนิสต์ในสมัยนั้นโดยเฉพาะ เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว รบได้ในทุกสถานการณ์ มักประจำการอยู่ตามพื้นที่ขัดแย้ง ตามป่าทึบ เขาสูง

เป็นหน่วยที่ไม่เคยว่างเว้นจากการสู้รบ เพราะหมดจากการรบกับพรรคคอมมิวนิสต์พม่าเมื่อปี 1989 หรือเมื่อ 32 ปีที่แล้ว ก็ต่อด้วยการรบกับกลุ่มติดอาวุธที่กลายตัวมาจากพรรคคอมมิวนิสต์ที่มีอิทธิพลและเกี่ยวข้องการยาเสพติด รวมถึงการรบกับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์อย่างคะฉิ่นหรือว้าจนถึงปัจจุบัน

TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ