รายละเอียด โควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย “B.1.617” สายพันธุ์ที่น่ากังวล
อนามัยโลกรายงาน โควิด-19 สายพันธุ์อินเดียระบาดแล้วในกว่า 20 ประเทศ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา อัดฮัม บาบา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของมาเลเซียแถลงการณ์ว่า มาเลเซียพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 10 ราย
หนึ่งในนั้นคือผู้ติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์จากอินเดีย หรือ B.1.617 ถือเป็นการพบผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์จากอินเดียรายแรกของมาเลเซีย
กระทรวงสาธารณสุขของมาเลเซียเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคพบผู้ป่วยรายนี้ที่ด่านคัดกรองนักเดินทางในท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ โดยไม่ได้ระบุว่าตรวจพบวันไหน และไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของผู้ติดเชื้อรายนี้
ทำไมไวรัสกลายพันธุ์ B.1.617 จึงน่ากังวล นั่นก็เพราะว่าไวรัสตัวนี้มีการกลายพันธุ์บนโปรตีนหนามของไวรัสถึง 2 ตำแหน่ง หรือเรียกว่า Double Mutant ได้แก่ตำแหน่ง E484Q และ L452R
ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ไวรัสกลายพันธุ์สองตำแหน่งจากอินเดียสามารถแพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม อาจก่อให้เกิดอาการติดเชื้อรุนแรง และอาจหลบหลีกภูมิคุ้มกันของร่างกายที่เกิดจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19
โดยไวรัสกลายพันธุ์ B.1.617 ถูกพบที่รัฐมหาราษฏระ ทางตะวันตกของอินเดียตั้งแต่ปลายปี 2020 ก่อนจะแพร่ระบาดไปทั่วประเทศ และตอนนี้แพร่ระบาดไปอย่างน้อย 17 ประเทศทั่วโลกแล้ว
ยอดติดเชื้อโควิดที่แท้จริงใน อินเดีย อาจสูงถึง 500 ล้านคน
สถานการณ์โรคระบาดในอินเดียที่รุนแรง ทำให้เมื่อวันพุธที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา มาเลเซียได้ประกาศห้ามเที่ยวบินจากมาเลเซียเดินทางไปอินเดีย และห้ามเที่ยวจากอินเดียเดินทางเข้าประเทศ เพื่อยับยั้งการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์
การพบผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์จากอินเดียรายแรกเกิดขึ้นในช่วงที่มาเลเซียกำลังเผชิญการระบาดของโควิด-19 กลายพันธุ์หลายสายพันธุ์ อย่าง สายพันธุ์สหราชอาณาจักร (B.1.1.7) และแอฟริกาใต้ (B.1.351)
ขณะนี้มาเลเซียกังวลเกี่ยวกับการระบาดของสายพันธุ์แอฟริกาใต้มากที่สุด เนื่องจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มาเลเซียพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้อย่างน้อย 27 ราย
ส่งผลให้ตอนนี้มาเลเซียมียอดผู้ติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์จากแอฟริกาใต้สะสม 48 ราย
การระบาดของไวรัสกลายพันธุ์ในมาเลเซียทำให้หลายฝ่ายแสดงความกังวลว่า ไวรัสกลายพันธุ์เหล่านี้อาจแพร่ระบาดมายังประเทศไทย เพราะไทยและมาเลเซียมีพรมแดนติดกัน
ล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค Yong Poovorawan ระบุว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์จากแอฟริกาใต้ในมาเลเซียคือสถานการณ์ที่น่ากังวล
โดยอ้างอิงจากฐานข้อมูลจำนวน 74 สายพันธุ์ในมาเลเซียที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ พบว่าเป็นสายพันธุ์แอฟริกาใต้ถึงร้อยละ 31 หรือประมาณ 1 ใน 3 ของไวรัสกลายพันธุ์ที่ระบาดอยู่ในมาเลเซีย
ดังนั้นไวรัสกลายพันธุ์จากแอฟริกาใต้มีโอกาสแพร่ระบาดจากมาเลเซียมายังประเทศไทย เนื่องจากทั้งสองมีพรมแดนติดกัน
โดยนพ.ยง ระบุว่า ไวรัสกลายพันธุ์จากแอฟริกาใต้คือสายพันธุ์ที่ลดทอนประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโควิด-19 และย้ำว่าไม่ควรปล่อยให้สายพันธุ์นี้ระบาดมายังประเทศไทยได้
สำหรับการพบไวรัสกลายพันธุ์จากอินเดีย นพ.ยงระบุว่า สำหรับประเทศไทยการพบสายพันธุ์อินเดียในสถานที่กักกันผู้ที่เดินทางมาจากอินเดียไม่ใช่เรื่องแปลกหรือน่าวิตกกังวลแต่อย่างใด
พร้อมย้ำว่าทุกคนที่เข้ามาในประเทศไทยได้รับการตรวจหาเชื้อ หากตรวจพบก็จะถูกกักตัวจนปลอดภัย ไม่ปล่อยให้ไวรัสกลายพันธุ์ชนิดนี้ระบาดในไทย
สำหรับสถานการณ์โรคระบาดในมาเลซีย ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มาเลเซียกลับมาพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง
เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา มาเลเซียพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ราว 1,300 รายต่อวัน ก่อนที่ยอดผู้ติดเชื้อจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
จนล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทางการมาเลเซียรายงานการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่กว่า 3,400 ราย
หลายฝ่ายเชื่อว่ามาเลเซียกลับมาพบยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากรัฐบาลได้ผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ทำให้ประชาชนออกมาใช้ชีวิตตามปกติ
10 เรื่องต้องรู้ “โควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษ” แพร่เร็วกว่าปกติ 1.7 เท่า
โดยช่วงกลางเดือนเมษายนของปีนี้ ซึ่งตรงกับเดือนรอมฎอน รัฐบาลมาเลเซียอนุญาตให้ตลาดกลางคืนเปิดขายอาหารได้ หลังจากที่ปีที่แล้วกิจการต่างๆ ต้องปิดตัวเพราะการระบาดของโควิด-19 ทำให้ตอนนี้มาเลเซียมียอดผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 415,000 ราย เสียชีวิตแล้วกว่า 1,500 ราย
สำหรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มาเลเซียเริ่มโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ประชาชนในวงกว้างตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะนี้มาเลเซียได้อนุมัติวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของผู้ผลิตสามราย ได้แก่ ไฟเซอร์ ซิโนแวค และแอตราเซเนกา
มาเลเซียมีประชากรราว 32 ล้านคน ตอนนี้มีชาวมาเลเซียราว 898,000 (ร้อยละ 2.8 ของประชากร) รายที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อยหนึ่งโดส และราว 555,000 ราย (ร้อยละ 1.7 ของประชากร) ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้ว