มาเลเซียติดเชื้อพุ่ง ค่าเฉลี่ยทางสถิติสูงกว่าอินเดีย

ยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันของมาเลเซีย เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 7,857 ราย นับเป็นวันที่ 3 แล้วที่จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เกิน 7,000 คน ทำไมจึงน่ากังวล ดูจากกราฟ เดือนเมษายน ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ราว 3,000 รายต่อวัน ต้นเดือนพฤษภาคม เพิ่มเป็นมากกว่า 5,000 ราย ก่อนจะขยับขึ้นเป็น 7,000 รายในช่วงปลายเดือน

รายงานจากกระทรวงสาธารณสุข ผู้ติดเชื้อใหม่พบมากที่สุดอยู่ในรัฐสลังงอร์โดยมีมากถึง 2,600 ราย ส่วนในกรุงกัวลาลัมเปอร์พบ 561 ราย 

สหรัฐฯ มุ่งพัฒนา “ซูเปอร์วัคซีน” ป้องกันโควิด-19 ได้ทุกสายพันธุ์

เนปาลทุบสถิติผู้ป่วยโควิด-19 หวั่นซ้ำรอยอินเดีย

เมื่อวานนี้ยังพบคลัสเตอร์เพิ่มอีก 20 คลัสเตอร์ ส่งผลให้การระบาดระลอกนี้มาเลเซียกำลังเผชิญกับคลัสเตอร์มากกว่า 593 คลัสเตอร์แล้ว  จำนวนผู้ติดเชื้อในมาเลเซียเพิ่มเร็วแค่ไหน? ข้อมูลทางสถิติเทียบสัดส่วนการติดเชื้อต่อประชากร 1 ล้านคนบางชี้ว่า ขณะนี้สถานการณ์ในมาเลเซียน่าเป็นห่วงกว่าอินเดียแล้ว  Our World in Data ระบุว่า จากจำนวนผู้ติดเชื้อของวันที่ 26 พฤษภาคม ขณะนี้มาเลเซียมีสัดส่วนการติดเชื้อสูงถึง 211 ต่อประชากร 1 ล้านคน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ในขณะที่อินเดียสัดส่วนนี้กลับน้อยลง โดยจากวันเดียวกันสัดส่วนการติดเชื้อในอินเดียอยู่ที่ 165 ต่อประชากร 1 ล้านคน

อีกวิกฤตที่เกิดขึ้นตามมาจากยอดผู้ติดเชื้อพุ่งก็คือ ยอดผู้เสียชีวิต ล่าสุดของเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม มาเลเซียมีผู้เสียชีวิตจากโควิด 63 ราย เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และขณะนี้งานหนักตกอยู่ที่เจ้าหน้าที่ฝังศพ

รายงานจากเจ้าหน้าที่ฝังศพในรัฐสลังงอร์ระบุว่า ปกติในแต่ละเดือนจะมีศพผู้เสียชีวิตจากโควิดเพียงแค่ 2-3 ศพต่อเดือน แต่ตอนนี้ศพเพิ่มเป็น 2-3 ศพต่อวัน สิ่งที่สร้างความกังวลก็คือ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำงานได้ทัน และต้องเก็บศพไว้ชั่วคราว ผ่านไปหลายวันจึงจะได้ฝัง

รวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นก็สร้างความหวาดวิตกว่า การฝังศพมาราธอนเช่นนี้จะพลอยทำให้เจ้าหน้าที่อย่างพวกเขาติดเชื้อไปด้วย ปัจจุบันมาเลเซียยังคงอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 ของประเทศแล้ว

เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ห้ามประชาชนเดินทางข้ามรัฐ ห้ามรวมกลุ่ม ห้ามนั่งทานอาหารในร้านและศูนย์อาหาร และปิดโรงเรียนทั่วประเทศ

กระนั้น ประชาชนยังสามารถออกจากบ้านได้ ส่วนภาคธุรกิจยังสามารถเปิดให้บริการได้เช่นกัน ที่ไม่ล็อกดาวน์เต็มรูปแบบก็เพราะกังวลว่า การล็อกดาวน์แบบปิดตายจะกระทบต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างรุนแรง

สาเหตุสำคัญที่ทำให้มาเลเซียกลับมาพบยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นก็คือ การผ่อนปรนมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะช่วงกลางเดือนเมษายนของปีนี้ ซึ่งตรงกับเดือนรอมฎอน ที่ รัฐบาลอนุญาตให้ตลาดกลางคืนเปิดขายอาหาร และประชาชนสามารถออกจากบ้านได้ตามปกติ

อีกปัจจัยหนึ่งก็คือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ชนิดใหม่ ได้แก่ สายพันธุ์สหราชอาณาจักร แอฟริกาใต้ บราซิล และอินเดีย ในขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนก็ค่อนข้างต่ำ โดยปัจจุบันมีจำนวนคนที่ฉีดวัคซีนครบเพียงแค่ 9 แสนคนเท่านั้น หรือคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 3 ของประชากร

ล่าสุดมีรายงานว่ารัฐบาลเตรียมใช้มาตรการปรับเงินแก่บรรดาคนที่ไปลงทะเบียนฉีดวัคซีนแล้วไม่ไปตามนัด เนื่องจากพบว่าใน 7 รัฐของมาเลเซียมีจำนวนประชาชนเบี้ยวนัดมากถึง 52,000 ราย