เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขของอินโดนีเซียรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 20,574 รายภายในเวลา 24 ชั่วโมง ถือเป็นยอดที่สูงที่สุดตั้งแต่มีการระบาดเมื่อต้นปี 2020 ตอนนี้อินโดนีเซียมียอดผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 2 ล้านราย เสียชีวิตแล้วเกือบ 56,000 ราย
กระนั้น ผู้เชี่ยวชาญบางรายประเมินว่า ยอดผู้ติดเชื้อที่ทางการรายงานอาจคิดเป็นร้อยละ 10 ของตัวเลขที่แท้จริงเท่านั้น เนื่องจากอินโดนีเซียมีอัตราการตรวจหาเชื้อและการติดตามประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่ำ
โควิดเดลตา ระบาดอินโดฯ หมอ-พยาบาลติดเชื้อ 350 คน แม้ฉีด ซิโนแวค ครบ 2 เข็ม
อินเดียพบโควิด-19 “กลายพันธุ์ 2 รูปแบบ” ยังไม่ทราบผลกระทบ
อินโดนีเซียกลับมาพบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากประชาชนละเลยมาตรการควบคุมโรคระบาดและเดินทางออกนอกพื้นที่เพื่อเฉลิมฉลองการสิ้นสุดเดือนถือศีลอดของชาวมุสลิมเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
อีกปัจจัยก็คือการระบาดของไวรัสเดลตาหรือ B.1.617.2 จากอินเดีย ไวรัสสายพันธุ์นี้หลุดเข้ามาในประเทศผ่านทางท่าเรือต่างๆ เนื่องจากเรือขนส่งสินค้าส่วนใหญ่เดินทางมาจากประเทศอินเดีย
ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่า สถานการณ์โรคระบาดที่กำลังเกิดขึ้นอินโดนีเซียเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น และถ้าจัดการไม่ดีจะได้เห็นภาพวิกฤตระบบสาธารณสุขล่มสลายเช่นเดียวกับอินเดีย พื้นที่ที่มีการระบาดหนักที่สุดก็คือกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของประเทศ โดยตอนนี้ผู้ป่วยโควิดครองเตียงในโรงพยาบาลถึงร้อยละ 90
สถานการณ์ที่แย่ลงเรื่อยๆ ทำให้เมื่อจันทร์ที่ผ่านมารัฐบาลอินโดนีเซียได้ประกาศพื้นที่สีแดงใน 29 พื้นที่ รวมถึงกรุงจาร์กาต้าและเมืองคูดุสในจังหวัดชวากลาง ซึ่งเป็น 2 พื้นที่ที่มีอัตราการติดเชื้อไวรัสเดลตาสูง มีการปิดสถานที่ท่องเที่ยวและห้ามจัดกิจกรรมทางศาสนาในศาสนสถานชั่วคราว สำนักงาน ร้านอาหาร คาเฟ่ และห้างสรรพสินค้าต้องจำกัดจำนวนพนักงานหรือผู้ใช้บริการไม่เกินร้อยละ 25 ของพื้นที่มีผลบังคับตั้งแต่วันอังคารที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา และจะบังคับใช้นาน 2 สัปดาห์
นอกจากมาตรการล็อกดาวน์ อีกอาวุธสำคัญในการรับมือกับโควิดกลายพันธุ์คือ การฉีดวัคซีน ตอนนี้อินโดนีเซียอนุมัติใช้วัคซีน 3 ตัว คือ ซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า และซิโนฟาร์ม วัคซีนส่วนใหญ่ที่ใช้คือวัคซีนของซิโนแวค เพราะอินโดนีเซียคือหนึ่งในประเทศที่ทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนตัวนี้
กระนั้น ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขประกาศว่า อินโดนีเซียจะได้รับวัคซีนไฟเซอร์เพิ่มอีกอย่างน้อย 50 ล้านโดส โดยวัคซีนล็อตแรกจะถูกจัดส่งถึงอินโดนีเซียในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ คาดว่าวัคซีนไฟเซอร์มาถึงจะช่วยเร่งการฉีดวัคซีนให้เร็วขึ้น นอกจากนั้นวัคซีนของไฟเซอร์ยังเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสเดลตาสูงด้วย
ปัจจุบันมีชาวอินโดนีเซียราวร้อยละ 9 หรือ 23 ล้านคนจากประกรทั้งหมดราว 270 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนโดสแรกแล้ว และมีประมาณร้อยละ 4.7 หรือราว 12 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้ว
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ออง เย คุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป สิงคโปร์จะสามารถเพิ่มการฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้มากถึง 80,000 โดสต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 70 จากเดิมที่ฉีดได้ราว 47,000 โดสต่อวัน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังสิงคโปร์มีกำหนดได้รับวัคซีนจากผู้ผลิตเพิ่ม ตอนนี้โครงการฉีดวัคซีนแห่งชาติของสิงคโปร์ได้อนุมัติใช้วัคซีนของผู้ผลิต 2 เจ้า ได้แก่ ไฟเซอร์และโมเดอร์นา และอนุมัติให้วัคซีนซิโนแวคเป็นวัคซีนทางเลือกสำหรับประชาชนที่มีประวัติแพ้รุนแรงเฉียบพลัน และคนที่ไม่มั่นใจในวัคซีนที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี mRNA ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่
ปัจจุบันร้อยละ 52 ของชาวสิงคโปร์ที่ได้รับวัคซีนโดสแรกแล้ว และมีประมาณร้อยละ 36 ที่ได้รับวัคซีนครบสองโดส
สิงคโปร์ได้ตั้งเป้าให้ฉีดวัควัคซีนให้ครึ่งหนึ่งของประชากร หรือราว 2 ล้าน 8 แสนคน ครบสองโดสภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ ที่ต้องเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนเพื่อเร่งยุติวิกฤตโรคระบาด รวมไปถึงยับยั้งการระบาดของไวรัสเดลตาด้วยเพราะล่าสุดสิงคโปร์พบผู้ติดเชื้อไวรัสเดลตาสะสม 823 รายแล้ว
นอกจากนั้น สิงคโปร์ยังได้คุมเข้มพรมแดนเพื่อสกัดการระบาดของไวรัสเดลตาด้วย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ได้ประกาศมาตรการใหม่ที่ห้ามไม่ให้นักเดินทางที่มีประวัติการเดินทางไปรัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียในช่วง 21 วันที่ผ่านมา เดินทางเข้าประเทศ
สำหรับชาวสิงคโปร์และผู้อาศัยอยู่ในสิงคโปร์ถาวรที่ต้องการกลับประเทศต้องกักตัวที่บ้านเพิ่มอีก 7 วัน โดยมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 11.59 ของวันเสาร์นี้เป็นต้นไป ตามเวลาสิงคโปร์
มาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมารัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียรายงานการพบคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 แห่งใหม่ซึ่งมีส่วนเกี่ยวโยงกับไวรัสเดลตา