ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ยืนยันจุดยืนในการสั่งถอนทหารอเมริกันชุดสุดท้ายออกจากอัฟกานิสถานภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ เพราะตนเองเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 4 แล้ว ที่ต้องเฝ้าดูและรับผิดชอบสงครามอัฟกานิสถาน จึงไม่อยากส่งต่อภาระนี้ให้กับประธานาธิบดีคนต่อไป
ภารกิจของทหารอเมริกันในอัฟกานิสถานไม่ใช่การสร้างชาติ สร้างความปรองดอง หรือประชาธิปไตย แต่คือการปกป้องแผ่นดินสหรัฐฯ จากภัยคุกคามของกลุ่มก่อการร้าย
ตาลีบันประกาศชัยเหนือกองทัพ รบ.อัฟกานิสถาน
ไทม์ไลน์ "ตาลีบัน" ยึดอัฟกานิสถาน ปฏิบัติการฟ้าแลบโค่นรัฐบาลใน 3 เดือน
ผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า ประสบการณ์ในสงครามที่ยืดเยื้อกว่า 20 ปี สอนให้รู้ว่า ไม่มีช่วงเวลาใดที่เหมาะจะถอนทัพออกมาทั้งนั้น และทหารอเมริกันไม่ควรต้องพลีชีพในสงครามที่ทหารอัฟกันเองยังไม่คิดจะต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านเกิดของตัวเอง
ไบเดนยอมรับว่า สถานการณ์ในอัฟกานิสถานเปลี่ยนแปลงรวดเร็วกว่าที่คาดไว้ แต่เพราะเจ้าหน้าที่ระดับสูง และฝ่ายความมั่นคงเลือกที่จะหลบหนี แทนที่จะพยายามประนีประนอมหรือเจรจากับตาลีบัน
เขายังทิ้งท้ายด้วยว่า สหรัฐฯ จะปกป้องพลเมืองอย่างเต็มที่ หากกลุ่มตาลีบันโจมตีหรือก่อกวนภารกิจอพยพ
ขณะนี้ รัฐบาลของไบเดนกำลังเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากชาวอเมริกันและประชาคมโลกว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้ตาลีบันหวนคืนอำนาจ และทำให้อัฟกานิสถานถูกยึดครอง โดยนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ระบุว่า การถอนทหารอย่างเร่งรีบให้ผลเชิงลบอย่างร้ายแรง
นอกจากนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นยังชี้ให้เห็นว่า "โมเดลต่างชาติ" ไม่สามารถใช้ได้กับทุกๆประเทศ จากความแตกต่างด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
ด้าน มาลาลา ยูซาฟไซ นักเคลื่อนไหวชาวปากีสถาน เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก และยังเคยเป็นเหยื่อกระสุนของกลุ่มตาลีบัน ออกมาเรียกร้องให้ไบเดนปกป้องชาวอัฟกัน ท่ามกลางวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เกิดขึ้น และขอให้นานาชาติเปิดรับผู้ลี้ภัยจากอัฟกานิสถาน
โลกสลดภาพชาวอัฟกันอพยพหนีตายออกนอกประเทศ
ภาพความโกลาหลจากการอพยพหนีตายออกนอกประเทศของชาวอัฟกัน กำลังเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลก โดยเฉพาะภาพฝูงชนแย่งกันขึ้นเครื่องบิน บ้างก็พยายามเกาะไปกับล้อเครื่องบิน จนกลายเป็นเหตุสลดที่มีคนตกลงมาเสียชีวิต และทำให้ทหารอเมริกันต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์และจัดระเบียบการอพยพ
ขณะเดียวกัน โลกโซเชียลยังมีการแชร์ภาพของชาวอัฟกัน 640 คน ที่อัดกันแน่นอยู่บนเครื่องบินขนส่ง C-17 ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งแม้ผู้โดยสารจะมากเกินความจุ แต่เจ้าหน้าที่ก็ตัดสินใจออกเดินทาง โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง
ส่วนบรรยากาศในย่านใจกลางกรุงคาบูล เริ่มสงบและกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น มีภาพของกลุ่มตาลีบันขับรถตระเวนในเมืองให้เห็นบ่อยครั้ง ตามด่านตรวจที่เคยเป็นของตำรวจและทหาร ก็มีกลุ่มตาลีบันเข้าไปประจำการแทน เพื่อคอยตรวจพาหนะที่ผ่านไปมา ไม่เว้นแม้แต่พาหนะของกลุ่มตาลีบันเอง เพื่อป้องกันคนสวมรอยเข้าไปปล้นสะดมหรือก่อความวุ่นวายในพื้นที่ ขณะที่การจราจรติดขัดน้อยลง แต่ร้านรวงส่วนใหญ่ยังปิดทำการ และแทบไม่มีผู้หญิงออกมาเดินตามท้องถนน
ฝั่งตาลีบันเองได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของสมาชิกที่ลงพื้นที่ไปสัมภาษณ์ความรู้สึกของชาวเมือง หลังตาลีบันเข้ายึดครองคาบูล ซึ่ง Habib Ullah หนึ่งในผู้ที่ให้สัมภาษณ์ ระบุว่า รู้สึกมีความสุขมาก สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว สงบสุข ไม่มีภัยอันตรายใดๆ ประชาชนในเมืองอื่นๆ ก็รู้สึกดีใจที่กลุ่มตาลีบันเข้ามาควบคุมพื้นที่เช่นกัน
ภาพ AFP