การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของอินโดนีเซีย เริ่มมีผลตั้งแต่วันนี้ (24 ส.ค.) ครอบคลุมหลายพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงกรุงจาการ์ตา ที่เป็นเมืองหลวง
โดยร้านอาหารและสถานที่ทางศาสนาสามารถเปิดทำการได้ แต่ต้องจำกัดจำนวนคนไม่เกิน 25-30% ห้างสรรพสินค้า ให้บริการได้ไม่เกิน 50%
ส่วนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับกับการส่งออก เปิดทำการได้ตามปกติ แต่ต้องปิดทันทีเป็นเวลา 5 วัน หากตรวจพบคลัสเตอร์การระบาด
ผู้ป่วยโควิด-19 อินโดนีเซียลดลง 2 เท่าในรอบ 1 เดือน
ทำไมอินโดนีเซียเล็งฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้คนวัยทำงานก่อนผู้สูงอายุ?
ประธานาธิบดี โจโก วิโดโด ระบุว่า การผ่อนคลายมาตรการเป็นเรื่องที่ทำได้ หลังยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศลดลงกว่า 78% เมื่อเทียบกับช่วงพีคสุดของการระบาดเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราครองเตียงและการเข้าโรงพยาบาลลดตามไปด้วย อยู่ที่เพียง 33% เท่านั้น
โดยเมื่อวานนี้ (23 ส.ค.) อินโดนีเซียรายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่ 9,604 คน เสียชีวิตเพิ่ม 842 คน
ผู้ว่าการ “จาการ์ตา” อ้างบรรลุเป้าสร้าง "ภูมิคุ้มกันหมู่" แล้ว
ขณะที่รองผู้ว่าการกรุงจาการ์ตาออกมาประกาศว่า จาการ์ตากลายเป็นกรีนโซน และบรรลุเป้าหมายสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้แล้ว หลังประชากรส่วนใหญ่ได้ฉีดวัคซีนเข็มแรก และมีถึง 54% ที่ได้รับวัคซีนครบสองเข็มแล้ว
โดยยอดผู้ติดเชื้อในพื้นที่เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา อยู่ที่ประมาณ 700 คน จากที่เคยพุ่งสูงถึง 14,000 คน
ผู้ว่าฯ จาการ์ตาติดเชื้อ โควิด-19
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยากลับเห็นต่าง และมองว่า รองผู้ว่าฯ น่าจะเข้าใจแนวคิดเรื่องภูมิคุ้มกันหมู่ผิด เพราะต่อให้ระดมฉีดวัคซีนให้ชาวกรุงจาการ์ตาครบ 100% แต่ระดับภูมิคุ้มกันก็ยังจะต่ำกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากประสิทธิภาพของวัคซีนที่ใช้มีเพียง 55 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ปัจจุบัน ชาวกรุงจาการ์ตาส่วนใหญ่ ได้ฉีดวัคซีนซิโนแวคเป็นหลัก มีเพียงบางส่วนที่ได้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และซิโนฟาร์ม
ส่วนในระดับประเทศ มีประชาชนแค่เพียง 11% เท่านั้นที่ได้รับวัคซีนครบสองเข็ม
ภาพ AFP