งานวิจัยใหม่ ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร One Earth ระบุว่า ตั้งแต่ช่วงปี 1950 เป็นต้นมา แนวปะการังทั่วโลกหายไปแล้วครึ่งหนึ่ง โดยได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน การทำประมงเกินพอดี มลพิษในน้ำ และการทำลายแหล่งที่อยู่อาศัย
เฉพาะจากแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟในออสเตรเลีย ไปยังเขตซายา เดอ มัลฮา แบงก์ (Saya de Malha Bank) ในมหาสมุทรอินเดีย ระยะทาง 2,300 กม. พบว่าแนวปะการังและความหลากหลายของสายพันธุ์ปลาในพื้นที่กำลังลดลงอย่างมาก
วิกฤตสภาพอากาศอาจบีบให้ 216 ล้านคนทั่วโลกต้องย้ายถิ่นฐานภายในปี 2050
นักวิทย์ชี้ “ก๊าซมีเทน” คือเป้าหมายใหม่ของการลดภาวะโลกร้อน
โลกเป็นอะไรในปี 2020 ร้อนขึ้น-หมุนรอบตัวเองเร็วขึ้น
จากการสำรวจแนวปะการัง 14,705 ครั้งใน 87 ประเทศ พบว่าความพยายามในการจับปลาเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่กลางทศวรรษ 1990 โดยมีการจับปลาจากแนวปะการังสูงสุดในปี 2002 และลดลงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
การศึกษาพบว่า ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตตามแนวปะการังลดลงมากกว่า 60% และแนวปะการังทั้งหมดลดลงครึ่งหนึ่งโดยประมาณ
แนวปะการังเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญสำหรับผู้คนหลายล้านคนทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุมชนพื้นเมืองบนเกาะซึ่งมีปลาเป็นแหล่งโปรตีนหลัก และนักวิจัยกล่าวว่า การลดลงดังกล่าวทำให้เกิดความกลัวต่อความมั่นคงทางอาหารในอนาคต
นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า พวกเขามั่นใจว่า แนวโน้มปะการังทั่วโลกจะยังคงดำเนินต่อไปในทางที่ลดลง โดยมีปัญหาการฟอกขาว โรคต่าง ๆ และการรบกวนจากมนุษย์
ไทเลอร์ เอ็ดดี นักวิทยาศาสตร์ด้านการวิจัยที่มหาวิทยาลัยอนุสรณ์แห่งนิวฟาวด์แลนด์ ซึ่งเป็นผู้นำการศึกษานี้กล่าวว่า แม้ว่าความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศแนวปะการังจะได้รับการเก็บข้อมูลในระดับชาติมานานแล้ว แต่เขารู้สึกประหลาดใจกับขอบเขตของการลดลงทั่วโลก
“แนวปะการังเป็นระบบนิเวศที่ละเอียดอ่อนที่สุดในโลก ดังนั้นพวกมันจึงเป็นกลุ่มแรกๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจริง ๆ มีการลดลงอย่างมากในยุค 60 และ 70 จากนั้นในยุค 80 ก็ยังคงลดลงเล็กน้อยแต่ไม่มากเท่าช่วงก่อนหน้า ... หากคุณดูแนวโน้มระดับประเทศของแนวปะการัง เราเห็นการลดลงมากที่สุดในปาปัวนิวกินี จาไมกา และเบลีซ” เขากล่าว
ทีมวิจัยสังเกตเห็นว่า องค์ประกอบของสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตตามแนวปะการังมีการเปลี่ยนแปลงในบางพื้นที่ โดยปลาที่ไวต่ออุณหภูมิมีจำนวนลดลง และสายพันธุ์ปลาที่มีความสามารถในการปรับตัวยืดหยุ่นมีจำนวนมากขึ้น
จอห์น บรูโน นักนิเวศวิทยาทางทะเลแห่งมหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลนา และผู้ร่วมวิจัยกล่าวว่า แม้จะมีความแตกต่างในระดับภูมิภาค แต่สุขภาพของแนวปะการังทั่วโลกยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
“น่าเสียดายที่เรายังคงสูญเสียแนวปะการังส่วนใหญ่ของโลกไปอย่างต่อเนื่อง คลื่นความร้อนในทะเลทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งนำไปสู่ปัญหาการฟอกขาวที่รุนแรงและบ่อยครั้งขึ้น ซึ่งรวมถึงตามแนวปะการังที่ห่างไกลและบริสุทธิ์ที่สุดในโลกบางแห่ง” เขากล่าว
เฉพาะในทะเลแคริบเบียน มีการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่า พื้นที่แนวปะการังลดลงประมาณ 0.25% ต่อปี “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวปะการังในทะเลแคริบเบียนถูกพายุเฮอริเคนและโรคภัยใหม่ ๆ เข้ามาทำร้าย ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เชื่อมโยงกับภาวะโลกร้อน” บรูโนกล่าวเสริม
มีการคาดการณ์ว่า มหาสมุทรบนโลกดูดซับความร้อนที่ถูกขังไว้โดยก๊าซเรือนกระจกมากกว่า 90% ทำให้อุณหภูมิของน้ำโดยเฉลี่ยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เรียบเรียงจาก The Guardian
ภาพจาก AFP