เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ หรือ บองบอง บุตรชายของเฟอร์ดินานด์ มาร์คอส อดีตผู้นำเผด็จการและนางอีเมลดา มาร์กอส เดินทางไปยื่นใบสมัครลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เมื่อวานนี้ ก่อนการเลือกตั้งของฟิลิปปินส์จะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมปี 2022 หรือปีหน้า โดยบองบองเดินทางมายื่นใบสมัครพร้อมกับภรรยา และลูกชายอีกสองคนเพียงเท่านั้น
ขณะเดียวกันในระหว่างที่บองบองเดินทางมายื่นใบสมัคร บรรดานักเคลื่อนไหวและผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งก็รวมตัวกันด้านหน้าสำนักงานของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนในกรุงมะนิลา
WHO รับรอง “วัคซีนมาลาเรีย” ตัวแรกของโลก หลังใช้เวลาพัฒนากว่า 30 ปี
ซากมนุษย์โบราณอินโดนีเซีย ให้เบาะแสใหม่ในการย้ายถิ่น
เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจที่ต้องตกเป็นเหยื่อการถูกล่วงละเมิดทางสิทธิมนุษยชนอยู่นานในระหว่างที่นายเฟอร์ดินานด์ปกครองประเทศถึง 20 ปี พร้อมทั้งมีการเผารูปถ่ายของเฟอร์ดินานด์ผู้พ่อ รวมทั้งประกาศจะต่อต้านไม่ให้ครอบครัวมากอสกลับมามีอำนาจอีกครั้ง
ส่วนบองบองนั้นได้เน้นย้ำว่า ที่เขาลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดี เพราะเขาจะเป็นผู้นำที่ทำให้ฟิลิปปินส์เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ช่วยฟิลิปปินส์ให้เอาชนะปัญหาสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขและปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวในเวลานี้ให้ได้
ทั้งนี้ ในสมัยของเฟอร์ดินานด์ มาร์กอสผู้พ่อ เขาถูกมองว่าเป็นผู้นำเผด็จการ และเป็นหนึ่งในยุคที่มืดมนที่สุดของประวัติศาสตร์ฟิลิปปินส์ โดยมาร์กอสผู้พ่อปกครองประเทศยาวนานถึง 22 ปี ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 1965 ถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 1986 แต่เขาประกาศใช้กฎอัยการศึกเป็นเวลานาน และมีรายงานการเข่นฆ่าประชาชนผู้เห็นต่าง และละเมิดสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ยังมีกรณีคอร์รัปชั่น
ในขณะที่อิเมลด้า มาร์กอส มารดาของบองบองนั้น ก็มีประเด็นอื้อฉาวไม่แพ้กัน เพราะเธอคืออดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ประเด็นอื้อฉาวที่สุดของเธอคงหนีไม่พ้นรองเท้าแบรนด์เนม เพราะเมื่อตอนที่เธอและสามีหลบหนีออกนอกประเทศในปี 1986 มีการเข้าไปตรวจค้นคฤหาสน์ตระกูลมาร์กอสจนได้พบรองเท้าแบรนด์เนมราว 1,100 คู่ ของอิเมลดา มาร์กอส ยังไม่รวมคอลเล็กชันเครื่องเพชร ผลงานศิลปะ เสื้อผ้า กระเป๋าแบรนด์เนมอีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดมาจากเงินคอร์รัปชั่น โดยปัจจุบัน สิ่งของเหล่านี้จัดแสดงอยู่ที่ทำเนียบประธานาธิบดีและในพิพิธภัณฑ์ เป็นสัญลักษณ์ให้ทุกคนพึงระลึกว่าครั้งหนึ่งบนแผ่นดินฟิลิปปินส์เกิดการโกงครั้งใหญ่
ส่วนเฟอร์ดินานด์ผู้พ่อเสียชีวิตไปแล้วหลังหนีออกนอกประเทศได้สามปี ในขณะที่อิเมลด้ายังคงวนเวียนอยู่กับการถูกฟ้อง โดยเมื่อปี 2018 เธอถูกศาลสั่งจำคุกในคดีทุจริตที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อนในช่วงที่เธอดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการกรุงมะนิลาในระหว่างที่สามีของเธอดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยนาง มาร์กอส ถูกกล่าวหาว่าโอนเงินให้กับมูลนิธิในสวิตเซอร์แลนด์เป็นมูลค่า 200 ดอลลาร์หรือ 6,500 ล้านบาท อย่างผิดกฎหมาย ซึ่งคดีดังกล่าวใช้เวลาพิจารณานานถึง 27 ปี
ชาติแรก! ผู้แทนพิเศษนายกฯอังกฤษ เข้าหารือรัฐบาลตาลีบัน
ซากมนุษย์โบราณอินโดนีเซีย ให้เบาะแสใหม่ในการย้ายถิ่น
