วันนี้ (29 ธ.ค.) องค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงข่าวสถานการณืทั่วโลกประจำสัปดาห์ ระบุว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (20-26 ธ.ค.) จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 11% โดยมีโควิด-19 “โอมิครอน” เป็นหนึ่งในปัจจัยหนุน และมีหลายประเทศที่พบสัดส่วนการระบาดของโอมิครอนสูงกว่าเดลตา ซึ่งเดิมเป็นสายพันธุ์หลักในหลายประเทศ
“ความเสี่ยงโดยรวมที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่โอมิครอนยังคงอยู่ในระดับสูงมาก” WHO ระบุ
โควิด-19 “เดลมิครอน” ยังไม่มี! หลังเกิดกระแสตื่นตระหนกในอินเดีย
วุ่น! โควิด "โอมิครอน" ระบาดหนัก ทำยอดป่วยหลายชาติทุบสถิติใหม่
“ซิโนแวค 3 เข็ม” vs “ไฟเซอร์ 3 เข็ม” ป้องกัน “โอมิครอน” ได้ดีแค่ไหน?
WHO ยังเสริมว่า “หลักฐานขณะนี้แสดงให้เห็นว่า โควิด-19 โอมิครอนมีความได้เปรียบในการแพร่กระจายเหนือสายพันธุ์เดลตา ... และมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายประเทศ” รวมถึงในสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ ที่โอมิครอนได้กลายเป็นสายพันธุ์หลัก
จองวัคซีน "ไฟเซอร์" ผ่านแอปศิริราชคอนเน็ค เริ่ม 27 ธ.ค. 64 - 14 ม.ค. 65
“อัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างอย่างรวดเร็วน่าจะเกิดจากการรวมกันของความสามารถในการหลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกัน และความสามารถในการแพร่กระจายที่เพิ่มขึ้นของโอมิครอน” WGO ระบุ
อย่างไรก็ตาม WHO เน้นย้ำว่า ขณะที่ทั่วโลกมีอัตราการติดเชื้อสูงขึ้น แต่ที่แอฟริกาใต้กลับมีอัตราการติดเชื้อลดลง 29% ซึ่งเป็นประเทศแรกที่รายงานพบโควิด-19 โอมิครอน
WHO กล่าวว่า ข้อมูลเบื้องต้นจากสหราชอาณาจักร แอฟริกาใต้ และเดนมาร์ก ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการติดเชื้อต่อหัวคนสูงที่สุดในโลก ชี้ให้เห็นว่า การติดเชื้อโอมิครอนมีความเสี่ยงในการป่วยจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลลดลงเมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดลตา
อย่างไรก็ตาม WHO บอกว่า จำเป็นต้องมีข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจความรุนแรงของโอมิครอนให้ชัดเจน ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงการต้องใช้ออกซิเจน ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต นอกจากนี้ จำเป็นต้องมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความรุนแรงของโรค ว่าจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงมากน้อยเพียงใดในกลุ่มผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 หรือเคยติดเชื้อมาก่อน
เริ่มแล้ว! จองวัคซีนเข็ม 3 "ไฟเซอร์" ลงทะเบียนออนไลน์ 26-30 ธ.ค. 64
เรียบเรียงจาก AFP
ภาพจาก AFP