สหรัฐฯติดโควิดรายใหม่ทะลุ 1 ล้านราย ดันยอดเข้ารพ.สูงสุดรอบ4 เดือน


โดย PPTV Online

เผยแพร่




แม้โควิดโอมิครอน จะไม่ทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการรุนแรง แต่ยังสามารถในการแพร่เชื้อได้เร็ว ส่งผลให้คนติดเชื้อกันมากขึ้น ถึงแม้อาการจะไม่หนัก แต่จำนวนผู้ติดเชื้อที่มากขึ้น กลับสร้างภาระกับระบบสาธารณสุขได้ จึงเป็นความกังวลหลักในสหรัฐฯ ที่มีผู้ติดเชื้อสูงที่สุดในโลกขณะนี้ และสัญญานความกังวลก็ปรากฏ เมื่อตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเมื่อวานนี้ทะลุ 100,000 คน สูงที่สุดในรอบ 4 เดือน ตัวเลขผู้ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสอดคล้องกับจำนวนผู้ติดเชื้อของเมื่อวานทะลุเกิน 1 ล้านราย

สหรัฐฯ รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันเดียว “1 ล้านราย”

คุณยายสหรัฐฯ รอดมะเร็ง แต่เสียชีวิตเพราะติดโควิดจากเพื่อน

โอมิครอน ทำให้เราได้เห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ตัวเลขของเมื่อวานนี้ 3 มกราคม 2565 ทะลุ 1 ล้านรายเรียบร้อยแล้ว กราฟที่เห็นต่อจากนี้คืออิทธิฤทธิ์ของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน

นับตั้งแต่มีรายงานการระบาดของโอมิครอนเมื่อต้นเดือนธันวาคม กราฟก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ รายงานจากสำนักข่าวนิวยอร์กไทม์ วันที่ 6 ธันวาคม ผู้ติดเชื้อรายวันอยู่ที่ 197,449 ราย 13 ธันวาคม ผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มอีก 202,883 ราย 30 ธันวาคม ผู้ติดเชื้อรายวัน 585,013 ราย 3 มกราคม ผู้ติดเชื้อรายวัน 1,003,043 ราย

ตัวเลขนี้สอดคล้องกับจำนวนของผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล กระทรวงสาธารณสุขและบริการประชาชนของสหรัฐอเมริการายงานว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยโควิดที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล รวมทั้งสิ้น 103,000 ราย โดยจำนวนนี้เป็นตัวเลข ณ วันที่ 4 มกราคม ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนที่ตัวเลขผู้ต้องเข้าโรงพยาบาลมาแตะหลักแสน ก่อนหน้านี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเข้าโรงพยาบาลหลักแสนรายในสหรัฐมีให้เห็น 2 ช่วงคือ ช่วงเดือนมกราคม 2021 โดยวันที่สูงที่สุดอยู่ที่ 142,000 ราย  ก่อนจะลดลงมาเป็นหลักหมื่นและกลับไปแตะแสนอีกครั้งในวันที่ 11 กันยายนซึ่งเป็นช่วงการระบาดหนักของเดลตา หลังจากนั้นก็ลดลงมาเป็นหลักหมื่น ก่อนจะแตะแสนอีกครั้งเมื่อวานนี้เนื่องจากโอมิครอน

ข้อมูลจาก CDC ของสหรัฐฯ ระบุว่า ผู้ติดเชื้อที่ต้องเข้าโรงพยาบาลส่วนใหญ่คือคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน และจำนวนมากคือเด็กอายุระหว่าง 12-17 ปี ที่อัตราการเข้าโรงพยาบาลสูงขึ้นถึง 10 เท่า เมื่อเทียบกับระลอกก่อนหน้า จำนวนของผู้เข้าโรงพยาบาลที่มากขึ้นกำลังเพิ่มภาระและแรงกดดันให้กับโรงพยาบาลหลายแห่งในสหรัฐ

ดอกซ์เตอร์ ปีเตอร์ โฮเทตซ์ คณบดีเวชศาสตร์เขตร้อน วิทยาลัยแพทยศาสตร์เบย์เลอร์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNN เมื่อวานนี้ว่า คำอธิบายที่ว่า โอมิครอนเป็นเพียงแค่ไวรัสที่ไม่มีพิษมีภัยมากนัก อาจเป็นคำอธิบายที่ไม่ถูกต้องหรือครอบคลุมทั้งหมด

คำพูดของดอกซ์เตอร์ปีเตอร์ สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของ นายแพทย์ แอนโธนี เฟาซี ที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของทำเนียบขาวที่ให้สัมภาษณ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า

ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ลักษณะนี้เป็นภาวะที่ยังอันตราย สุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะทำให้เกิดภาระและผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขของประเทศถึงแม้ว่าผู้ติดเชื้อจะมีอาการไม่รุนแรงก็ตาม

นายแพทย์เฟาชี่บอกด้วยว่า และแม้ว่าจะมีหลักฐานหลายชิ้นที่ชี้ว่าเชื้อไวรัสโอมิครอนไม่ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อป่วยหนัก แต่ข้อมูลต่างๆ ยังถือว่าใหม่อยู่มาก

สำหรับในกลุ่มเด็กซึ่งมีอัตราการติดเชื้อที่สูง เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา องค์การอาหารและยาของสหรัฐได้อนุมัติใช้ฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดสหรือวัคซีนเข็มที่ 3 ( เข็มกระตุ้น) ให้กับกลุ่มคนอายุ 12-15 ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพื่อให้สามารถรับมือกับโอมิครอนได้

 

จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นทำสถิติใหม่ จำนวนผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่สูงขึ้น และจำนวนมากในกลุ่มคนเหล่านี้เป็นเด็กซึ่งเกือบทั้งหมดยังไม่ได้ฉีดวัคซีนบูสเตอร์ ทำให้โรงเรียนหลายพันแห่งในสหรัฐเลื่อนการเปิดเรียนหลังวันหยุดเทศกาลคริสต์มาสและปีใหมออกไป โดยเปลี่ยนเป็นการเรียนการสอนแบบออนไลน์แทน แต่ก็มีอีกเป็นจำนวนมาก อย่างเช่นในมหานครนิวยอร์ก ที่เดินหน้าเปิดเรียนตามปกติ ซึ่งก่อเกิดความกังวลในบรรดาผู้ปกครอง

 

นิวยอร์กเปิดเรียนปกติ สร้างความกังวลให้ผู้ปกครอง

หลังจากโรงเรียนตามเมืองใหญ่หลายแห่งในอีกหลายรัฐของสหรัฐ ได้รับคำสั่งจากหน่วยงานในท้องถิ่น ให้ชะลอการกลับเข้าชั้นเรียนออกไปก่อน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของโอมิครอนซึ่งกลายเป็นสายพันธุ์หลักของสหรัฐ

อย่างไรก็ตามมีบางเมืองที่ไม่ทำเช่นนั้น  เช่น มหานครนิวยอร์ค ซึ่งเป็นเมืองที่มีอัตราส่วนการติดเชื้อต่อจำนวนประชากรสูงที่สุดแห่งหนึ่ง โดยค่าเฉลี่ยของทั่วประเทศ ในประชากร 100,000 คน  มีคนติดเชื้อ 335 คน ส่วนในมหานครนิวยอร์ก ประชากร 100,000 คนมีการติดเชื้อ 457 คน

ด้าน อีริกเอริค อดัมส์ นายกเทศมนตรีนิวยอร์ก ยืนยันการเปิดการเรียนการสอนแบบปกติในห้องเรียนของสถานศึกษาทุกแห่งในนครนิวยอร์กตั้งแต่สัปดาห์นี้ แม้อัตราการติดเชื้อยังคงเป็นขาขึ้น  โดยให้เหตุผลว่า การเรียนออนไลน์ระยะยาวสร้างผลเสียมากเกินไป โดยเฉพาะกับครอบครัวซึ่งมีฐานะยากจน และกลุ่มเด็กไร้บ้าน ทั้งนี้นักเรียนที่จะกลับเข้าชั้นเรียนได้มีเงื่อนไขคือ ต้องมีผลตรวจโควิดเป็นลบ  ซึ่งโรงเรียนจะต้องมีหน้าที่ให้ชุดตรวจกับนักเรียนทุกคนเพื่อใช้ตรวจที่บ้านทุกวันก่อนออกมาโรงเรียน

ด้านพ่อแม่ผู้ปกครองจำนวนมากยังคงเป็นกังวล แต่จำนวนไม่น้อยสนับสนุนวิธีการเปิดโรงเรียนแบบนี้

 

 

TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ