ตัวอย่างจาก รพ.สหรัฐฯ “โอมิครอน” สร้างภาระไม่ต่างจาก “เดลตา”


โดย PPTV Online

เผยแพร่




แม้โควิด-19 “โอมิครอน” จะเชื่อกันว่ามีความรุนแรงน้อยกว่า “เดลตา” แต่ยังสร้างภาระและปัญหาให้กับโรงพยาบาลในสหรัฐฯ ได้อยู่

ก่อนหน้านี้ หลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับการระบาดหนักของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา จนหลายฝ่ายหวั่น ๆ ว่าระบบสาธารณสุขจะรับภาระหนักไม่ไหวจนล่มสลาย เพราะโรงพยาบาลในหลายรัฐมีจำนวนเตียงเหลือเกือบไม่พอรองรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละวัน ซึ่งนี่เกิดจากความรุนแรงของเดลตาที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่จำเป็นต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา ไม่สามารถรักษาตัวที่บ้านได้

ผู้ประกันตน ไม่ต้องกังวล ประกันสังคม เตรียม Hospitel รองรับ “โอมิครอน”

สธ. เตือนโควิด ระดับ 4 ประชาชนต้องทำตัวอย่างไร เผย อาการเข้าข่าย "โอมิครอน"

สหรัฐฯ อนุมัติฉีดวัคซีนโควิดไฟเซอร์เข็มกระตุ้นให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป

ล่าสุดเมื่อสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนจากเดลตามาเป็น “โอมิครอน” หลายคนต่างคิดว่านี่เป็นข่าวดี เพราะมีข้อมูลเบื้องต้นว่า โอมิครอนแม้แพร่กระจายได้สูงกว่าเดลตา แต่มีความรุนแรงน้อยกว่าเดลตา เมื่อรุนแรงน้อยกว่า ก็อาจไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ภาระของระบบสาธารณสุขจะไม่หนักเท่าเมื่อครั้งสู้กับเดลตา

ลงทะเบียนฉีดวัคซีนเข็ม 3 รพ.รามาธิบดี เปิดจอง “แอสตร้าฯ-ไฟเซอร์” เริ่ม 6 ม.ค. 65

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ โรงพยาบาลทั่วสหรัฐฯ กำลังพบสัญญาณความระส่ำระสายในระบบสาธารณสุขที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ พร้อมบทเรียนสำคัญว่า แม้จะแตกต่างจากการระบาดของโควิด-19 ก่อนหน้านี้ แต่โอมิครอนก็สร้างปัญหาให้ระบบสาธารณสุขได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

ตามที่ระบุไว้ข้างต้นว่า เมื่อครั้งเดลตาระบาดหนัก ปัญหาที่โรงพยาบาลในสหรัฐฯ เจอคือจำนวนเตียงไม่เพียงพอเพราะความรุนแรงของเชื้อ แต่ครั้งนี้เมื่อเผชิญโอมิครอน พวกเขากำลังเผชิญกับปัญหา “การขาดแคลนบุคลากรการแพทย์อย่างร้ายแรง”

ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องมาจากความสามารถในการแพร่เชื้อของโอมิครอน เพราะเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจำนวนมากเริ่มติดเชื้อโควิด-19 โอมิครอนมากขึ้น ทำให้ต้องรักษาตัว และมีบางส่วนที่ต้องกักตัวเพราะคนใกล้ชิดหรือเพื่อนร่วมงานติดเชื้อ

ในเวลาเดียวกัน โรงพยาบาลต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ในช่วงนี้ไม่ได้ป่วยหนักเหมือนคนที่เข้ามาในช่วงการระบาดระลอกก่อน ห้องไอซียูไม่เต็ม และไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจมากเหมือนเมื่อก่อน

แต่แรงกดดันที่เกิดขึ้นจากการระบาดอย่างรวดเร็วของโอมิครอนกระตุ้นให้โรงพยาบาลต่าง ๆ ลดการผ่าตัดที่ไม่ฉุกเฉินและการรักษาพยาบาลที่ใกล้ชิด เพื่อลดโอกาสติดเชื้อ ในขณะที่ต้องมีการส่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิไปในหลายรัฐเพื่อช่วยงานในศูนย์การแพทย์และสถานที่ตรวจหาเชื้อ

เฉพาะในสัปดาห์นี้ 36% ของโรงพยาบาลในแคลิฟอร์เนียรายงานปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่สำคัญ และคาดว่าจะมีถึง 40% ที่ขาดแคลนบุคลากรการแพทย์

คิโยมิ เบอร์ชิลล์ รองประธานสมาคมโรงพยาบาลแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า โรงพยาบาลบางแห่งกำลังรายงานว่าขาดแคลนบุคลากรมากถึง 1 ใน 4 ด้วยเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับไวรัสโควิด-19 ทำให้บางโรงพยาบาลต้องหันไปพึ่งบุคลากรภายนอกโดยจ้างพนักงานชั่วคราว รวมถึงต้องย้ายผู้ป่วยออกเพื่อลดภาระ

หรือมีตัวอย่างจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยยูทาห์ซึ่งวางแผนที่จะปล่อยให้เตียงว่างโดยไม่รับผู้ป่วยมากกว่า 50 เตียงเนื่องจากมีพยาบาลไม่เพียงพอ ขณะที่ในฟลอริดา โรงพยาบาลบางแห่งตัดสินใจปิดแผนกสูติกรรมชั่วคราวเพราะขาดแคลนบุคลากร

ในแอละแบมา ซึ่งประชากรส่วนใหญ่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแอละบามาในเบอร์มิงแฮมได้ยื่นคำร้องอย่างเร่งด่วนให้ผู้คนไปที่ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่สถานพยาบาลอื่น หรือหากมีอาการเล็กน้อย ก็จะขอให้รักษาตัวอยู่ที่บ้านทั้งหมด ยกเว้นกรณีที่ฉุกเฉินจริง ๆ

ความต้องการการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นทั่วสหรัฐฯ จากความกังวลเกี่ยวกับโอมิครอน ทำให้แผนกดับเพลิงของนครนิวยอร์กต้องประกาศขอร้องให้ผู้คนอย่าเรียกรถฉุกเฉินเพียงเพราะพวกเขามีปัญหาในการค้นหาสถานที่ตรวจหาเชื้อ

จุรินทร์ แก้หมูแพง! ห้ามส่งออกหมูเป็น! ชั่วคราว 3 เดือน

ดังนั้น สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นสหรัฐฯ จึงเป็นบทเรียนสำคัญถึงชาติอื่น ๆ ที่อาจประมาทการ์ดตกเพราะคิดว่า “โอมิครอนไม่รุนแรง สถานการณ์คงไม่เป็นไร” แต่ในความเป็นจริง หากโอมิครอนระบาดเป็นวงกว้างจนบุคลากรการแพทย์จำนวนมากติดเชื้อ ก็อาจเป็นสาเหตุของการล่มสลายของระบบสาธารณสุขได้

 

เรียบเรียงจาก AP News

ภาพจาก AFP

TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ