ได้ผล! ชาวแคนาดาแห่จองฉีดวัคซีนโควิดเข็มแรก หลังโดนขู่เก็บภาษี
ผู้นำอังกฤษถูกกดดันลาออกเซ่นปาร์ตี้ฉาว
การแถลงข่าวประจำสัปดาห์ของ องค์การอนามัยโลก หรือ WHO นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวถึงการระบาดอย่างรวดเร็วของโอมิครอน ที่ดันตัวเลขผู้ติดเชื้อในรอบสัปดาห์ให้สูงถึง 15 ล้านคน สูงที่สุดนับตั้งแต่พบการระบาดของโควิด โดยระบุว่า โอมิครอนมีอาการน้อยกว่าสายพันธุ์เดลต้า แต่ก็ยังอันตราย โดยเฉพาะกับคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายสัปดาห์จะสูงทำลายสถิติ แต่จำนวนผู้เสียชีวิตไม่ได้สูงตาม
โดยตัวเลขผู้เสียชีวิตรายสัปดาห์ที่อนามัยโลกรายงานอยู่ที่ 48,000 คน เป็นจำนวนเท่ากับตัวเลขช่วงการระบาดสูงสุดของสายพันธุ์เดลตาเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
ปัจจุบันกว่า 90 ประเทศทั่วโลกยังคงฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ไม่ถึงเป้าที่อนามัยโลกตั้งไว้ คือร้อยละ 40 ของจำนวนประชากร โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกาที่ร้อยละ 85 ของประชากรยังคงไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว
ข้อเท็จจริงที่ว่า โอมิครอนมีอาการรุนแรงน้อยกว่าและมีประชากรจำนวนมากที่ได้รับวัคซีนแล้ว ทำให้มีหลายประเทศกำลังพิจารณาลดสถานะของโควิดจาก “โรคระบาด” มาเป็น “โรคประจำถิ่น” ประเทศที่ว่ารวมถึงไทย ที่กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า กำลังพิจารณาแผนรับมือการระบาดของโควิด-19 ระลอกเดือนมกราคมปีนี้ให้เข้าสู่การเป็น "โรคประจำถิ่น" เนื่องจากโอมิครอนมีระดับความรุนแรงน้อย แม้จะแพร่กระจายได้รวดเร็ว แต่อัตราการเสียชีวิตต่ำ
สหราชอาณาจักรและสเปนก็เช่นเดียวกัน ที่รัฐบาลกำลังพิจารณาเรื่องนี้ โรคระบาดและโรคประจำถิ่นต่างกันอย่างไร และจะมีผลอย่างไรกับชีวิตของประชาชน
เข้าใจปัจจัยในการลดระดับโควิดลงมาเป็น “โรคประจำถิ่น”
ระดับของโรคมี 4 ระดับสูงที่สุดคือ การระบาดใหญ่ทั่วโลก หรือ Pandemic ซึ่งหมายถึงโควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน
รองลงมาคือ Epidemic หมายถึงโรคระบาดที่แพร่กระจายยวงกว้างในพื้นที่นั้นๆ เช่น กรณีของไวรัสอีโบลา ในแอฟริกาตะวันตก
ตามมาด้วย Outbreak หมายถึงการระบาด เช่น จู่ ๆ จำนวนผู้ป่วยโรคประจำถิ่นก็เพิ่มขึ้นผิดปกติ นอกจากนั้นยังใช้นิยามการเกิดขึ้นของโรคอุบัติใหม่ด้วย
และในระดับต่ำที่สุดคือ Endemic หรือโรคประจำถิ่น หมายถึงโรคที่เกิดขึ้นในพื้นที่นั้นๆ แต่มีอัตราป่วยคงที่และสามารถคาดเดาสถานการณ์ได้
จะเห็นว่าโรคที่จะถือว่าเป็นโรคประจำถิ่นได้นั้นจะต้องเป็นโรคที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสามารถคาดการณ์การณ์เกิดขึ้นได้ในเขตภูมิศาสตร์หรือจุดใดจุดหนึ่ง การลดระดับจากโรคระบาดมาเป็นโรคประจำถิ่นมีปัจจัยที่สำคัญคือ ตัวเลขผู้ติดเชื้อต้องแตะจุดที่เรียกว่า "จุดสมดุลที่มีโรคประจำถิ่น" หรือ Endemic Equilibrium คำนี้มีความหมายว่า เมื่อดูระดับยอดผู้ติดเชื้อ อัตราการเข้าโรงพยาบาล และผู้เสียชีวิต เส้นกราฟจะต้องเป็นแนวราบ ไม่ใช่กราฟพุ่งสูง ยกเว้นในกรณีที่เป็นโรคหรือการติดเชื้อตามฤดูกาล ตัวอย่างของโรคประจำถิ่นก็อย่างเช่น มาลาเรีย ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามโรคประจำถิ่นไม่ได้หมายความว่าจะมีความรุนแรงน้อยกว่าโรคระบาดเสมอไป เพียงแต่เป็นโรคที่เกิดขึ้นในชุมชนเป็นประจำ และมีแนวโน้มจะคงอยู่เช่นนั้นต่อไป และขณะนี้แม้หลายประเทศจะเตรียมประกาศให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่น แต่ล่าสุด องค์การอนามัยโลกระบุว่า ยังอาจเร็วเกินไปที่จะประกาศ เพราะโควิดยังคงกลายพันธุ์ได้เร็ว
แคเธอรีน สมอลวูด เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายฉุกเฉินประจำภูมิภาคยุโรปขององค์การอนามัยโลกพูดถึงประเด็นนี้ระหว่างการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ โดยระบุว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน อีกทั้งยังมีปัจจัยจาก โควิดโอมิครอนที่กลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ทำให้ปัจจุบันยังไม่ถึงจุดที่จะนิยามว่าโควิดกลายเป็นโรคประจำถิ่นได้
และแน่นอนสิ่งที่อนามัยโลกให้ความสำคัญไม่ว่าโควิดจะเป็นโรคระบาดหรือถูกลดระดับเป็นโรคประจำถิ่น ยังคงเป็น การฉีดวัคซีน เพราะความเสี่ยงต่อสุขภาพของคนได้รับเชื้อยังมีอยู่ถึงแม้โรคจะเปลี่ยนสถานะแล้วก็ตาม ข้อมูลของอนามัยโลกระบุว่า กว่า 90 ประเทศทั่วโลกยังฉีดวัคซีนไม่ได้ตามเป้าที่วางไว้คือ น้อยกว่าร้อยละ 40 ของประชากร และส่วนใหญ่เป็นประเทศยากจนที่เข้าไม่ถึงวัคซีน
ส่วนประเทศร่ำรวยที่เข้าถึงวัคซีนกลับเจอปัญหาคนต่อต้าน ไม่อยากฉีดวัคซีน ทำให้ตอนนี้แต่ละประเทศต้องงัดมาตรการต่าง ๆ มาจูงไจ
แคนาดาจ่อเก็บภาษีคนไม่ฉีดวัคซีนได้ผล ยอดจองฉีดพุ่ง
ที่นครควิเบก ประเทศแคนาดา มีการกำหนดให้คนไม่ฉีดวัคซีนต้องเสียภาษี ย้อนดูนโยบายที่เพิ่งประกาศออกมา โดยเมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา ฟรองซัวร์ เลอโกลต์ มุขมนตรีรัฐควิเบกให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลอาจเรียกเก็บภาษีจากคนที่ยังไม่เข้ารับวัคซีนเลย
แนวทางดังกล่าวจะเป็นการยกระดับไปอีกขั้น หลังเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการควิเบกเพิ่งจะออกข้อกำหนดเพิ่มเติมว่า คนที่จะเข้าใช้บริการร้านอาหาร ยิมออกกำลังกาย หรือเข้าชมการแข่งขันในสนามกีฬา ตลอดจนซื้อกัญชาและแอลกอฮอล์นั้นจะต้องได้รับวัคซีนครบแล้ว
อย่างไรก็ตามยังไม่ชัดเจนว่าจะเรียกเก็บเป็นจำนวนเงินเท่าใด แต่เบื้องต้นคาดกันว่าอาจอยู่ที่ราว 100 ดอลลาร์แคนาดา หรือประมาณ 2,600 บาท
ล่าสุดมีรายงานว่า ข้อกำหนดดังกล่าวที่ยังไม่ได้บังคับใช้อย่างเป็นทางการส่งผลให้คนแห่กันไปลงทำเบียนฉีดวัคซีนกันอย่างล้นหลาม โดยคริสเตียน ดูเบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของรัฐควิเบ กระบุว่า ยอดจองฉีดวัคซีนเข็มแรกเมื่อวานนี้มีสูงถึง 7,000 คน นับเป็นยอดสูงสุดในรอบหลายวัน หลังที่ผ่านมายอดฉีดวัคซีนเริ่มชะลอตัวลง
ปัจจุบันแคนาดาฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ประชาชนไปแล้วร้อยละ 82.5 สัดส่วนคนที่ได้รับวัคซีนครบโดสมีร้อยละ 76.8 ส่วนบูสเตอร์โดสอยู่ที่ร้อยละ 28 จากจำนวนประชากรทั้งหมด 38 ล้านคน