รัสเซีย ขู่ใช้ขีปนาวุธ หากสหรัฐฯ-นาโต ไม่ถอนกำลังจากยูเครน
ไบเดน เตือน ปูติน เตรียมสวนกลับ หากรัสเซียบุกยูเครน
เมื่อวานนี้ สหรัฐฯ รัสเซีย นาโต และประเทศในสหภาพยุโรปในนามองค์การความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป หรือ OSCE ได้เข้าประชุมครั้งสุดท้ายตามกำหนดการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาความตึงเครียดระหว่างยูเครนและรัสเซีย การประชุมเกิดขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เป็นการประชุมที่ประชาคมโลกต่างคาดหวังว่าผลการประชุมเมื่อวานนี้จะมีความคืบหน้า เนื่องจากการประชุมสองครั้งก่อนไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากนัก
ผลการประชุมได้สร้างความผิดหวังและความกังวลให้กับนานาชาติ หลังจากประธาน OSCE ออกแถลงการณ์หลังการประชุมว่าการเจรจาไม่มีความคืบหน้า
แล้วข้อเรียกร้องของแต่ละฝ่ายมีอะไรบ้าง
ทางรัสเซียมีข้อเรียกร้องหลัก คือ ต้องการให้นาโตและชาติตะวันตกหยุดแผ่ขยายอิทธิพลมายังยูเครน และต้องการให้ชาติตะวันตกรับประกันความมั่นคงของรัสเซีย นอกจากนี้รัสเซียยังยื่นข้อเสนอใหญ่ คือ นาโตจะต้องไม่รับยูเครนและจอร์เจียเข้าเป็นสมาชิก และยุติการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการทหารทันทีในรูปแบบของสัญญาที่มีพันธะผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศด้วย
ในขณะที่ทางสหรัฐฯ ได้แสดงท่าทีเรื่องการเจรจาดังกล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐฯ เองนั้นพร้อมเปิดกว้างในการเจรจา อีกทั้งยังขยายประเด็นไปอภิปรายถึงการลดความเป็นไปได้ที่จะติดตั้งขีปนาวุธโจมตีในยูเครน และจำกัดการซ้อมรบทางทหารของสหรัฐฯ และนาโต หากรัสเซียเต็มใจที่จะถอยออกจากยูเครน
ส่วงทางนาโตแสดงจุดยืนว่าจะไม่ปฏิเสธคำขอของยูเครนและจอร์เจียในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของนาโต
ทางฝั่งสหรัฐ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง กล่าวว่า สหรัฐเชื่อในเรื่องของการทูต การเจรจาเรื่องขีปนาวุธ และความมั่นคงอื่น ๆ ว่าเป็นไปได้ และรัสเซียสามารถเป็นส่วนหนึ่งในความร่วมมือได้ นอกจากนี้ยังได้เตือนเรื่องการบุกยูเครนด้วยว่าถ้ารัสเซียบุกยูเครน รัสเซียจะต้องชดใช้กับสิ่งที่ทำลงไปมากกว่าในปี 2014 ที่ไปผนวกคาบสมุทรไครเมียมาเป็นของตน
ในขณะที่ เวนดี อาร์ เชอร์แมน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ว่า สหรัฐและสมาชิกนาโตมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการใช้การทูต เนื่องจากเป็นวิธีสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนได้ และยินดีร่วมมือกับรัสเซียด้านความมั่นคง แต่ต้องเป็นกระบวนการที่มีเป้าหมายและตั้งอยู่บนหลักที่ต่างฝ่ายต่างตอบแทนซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งย้ำว่าสหรัฐฯ เชื่อในหลักเสรีภาพและการกำหนดชะตาตนเองของทุกประเทศในการเลือกพันธมิตร อำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนนั้นเป็นสิ่งสำคัญ
ทางฝั่งรัสเซีย อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชวิช ผู้แทนถาวรรัสเซียประจำ OSCE กล่าวว่าประธานาธิบดีปูตินจะชี้แจงถึงสิ่งที่จะทำต่อไปหลังจากนี้ พร้อมทั้งตำหนินาโตเรื่องการเคลื่อนกำลัง พร้อมกำชับว่าการขยายตัวดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับรัสเซียเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่ารัสเซียเองก็จะไม่ท้อถอยกับการใช้วิธีการเจรจาทางการทูต
ทางฝ่ายนาโตได้ออกมาแถลงจุดยืนและความคืบหน้าไปแล้ววานนี้ นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต กล่าวว่า ความต้องการในประเด็นต่าง ๆ ของนาโตและรัสเซียอาจไม่ตรงกัน แต่อย่างน้อยทุกฝ่ายก็ได้มาร่วมเจรจา พร้อมกล่าวยินดีที่จะเจรจาต่อในอนาคต และคงต้องรอกำหนดการจากเพื่อนสมาชิกอื่น ๆ อีกครั้ง
แม้ว่าผลการประชุมออกมาน่าผิดหวังในสายตานานาชาติ ปาฏิหาริย์ทางการทูตในรอบนี้ยังไม่ปรากฏ แต่ยังพอมีแสงสว่างปลายอุโมงค์ให้เห็นบ้าง เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ รัสเซีย นาโต หรือยุโรป ต่างยืนยันว่ายังเชื่อมั่นในวิธีการทางทูตและพร้อมกลับมาเจรจาบนโต๊ะอีกครั้ง
ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย ยูเครน และชาติตะวันตกล่าสุดเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังรัสเซียส่งรถถังและทหารเข้าประจำการที่เมืองชายแดนใกล้กับยูเครน ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงสหรัฐและยูเครนได้คาดการณ์ว่ามีทหารรวมมากถึง 120,000 นายตามแนวชายแดนรัสเซีย-ยูเครน
นาโตและสหรัฐฯ ออกมาแสดงความไม่พอใจ ขณะที่รัสเซียบอกว่า การเคลื่อนกำลังก็เพื่อป้องกันตัวเอง ก่อนจะมีการทยอยถอนทหารบางส่วนออก
อย่างไรก็ตาม กองกำลังส่วนใหญ่ยังคงประจำการ ดังภาพล่าสุด ที่แม้ว่าพื้นที่ดังกล่าวจะเต็มไปด้วยหิมะ แต่ยังคงมีทหารรัสเซียเฝ้าระวัง และเตรียมพร้อมสำหรับปฎิบัติการ สิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลให้ฝั่งยูเครนส่งทหารเข้าประจำการเช่นกัน เรียกได้ว่าตึงเครียดกันแบบนี้มานานกว่า 2 เดือนแล้ว