“ไบเดน” ขู่รัสเซีย หากคิดบุกยูเครน สหรัฐฯพร้อมตอบโต้
รัสเซีย ขู่ใช้ขีปนาวุธ หากสหรัฐฯ-นาโต ไม่ถอนกำลังจากยูเครน
วันนี้ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้แถลงต่อสื่อถึงท่าทีของสหรัฐฯ ต่อรัสเซียที่ชัดเจนว่าถ้ามีรถถัง หรือยุทโธปกรณ์ข้ามเขตแดนมายังยูเครนเมื่อไหร่ นั่นคือการบุกรุก และสหรัฐฯ พร้อมจะใช้นโยบายคว่ำบาตรทันที
นอกจากนี้ ไบเดน ยังกล่าวว่า รัสเซียมักจะมีลูกเล่นอื่นที่ไม่ใช่การบุกทางทหารโดยตรงเสมอ พร้อมยกตัวอย่างสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับดอนบาส ภูมิภาคทางตะวันออกของยูเครน
ย้อนกลับไปในปี 2014 หลังจากการปฏิวัติยูเครนที่มีชื่อว่า เหตุการณ์ยูโรไมดาน และการผนวกดินแดนไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย รัฐบาลรัสเซียถูกกล่าวหาจากสหรัฐฯ และชาติตะวันตกว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนดอนบาส กลุ่มกบฏที่จับอาวุธต่อสู้กับรัฐบาลยูเครน
โดยสำนักข่าวรอยส์เตอร์รายงานว่า รัสเซียส่งกองกำลังกึ่งทหารมาในเหตุการณ์ครั้งนี้ถึงร้อยละ 15-80 จากกองกำลังที่สู้ในสงครามครั้งนี้
ในขณะเดียวกัน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ได้แถลงเช่นเดียวกัน ขณะร่วมงานที่แอตแลนติกบริดจ์ ในเยอรมนี กล่าวว่า ยูเครนไม่ได้เป็นผู้รุกรานรัสเซีย ยูเครนแค่พยายามเอาชีวิตรอด รัสเซียพยายามยั่วยุหรือสร้างเหตุการณ์แล้วหาข้ออ้างในการส่งทหารเข้าไปแทรกแซง ย้ำว่าประธานาธิบดีปูตินพร้อมบุกยูเครนเสมอ เพราะปูตินไม่คิดว่ารัสเซียเป็นประเทศอธิปไตยอยู่แล้ว รัสเซียคือผู้รุกรานยูเครน ไม่ใช่นาโต
นอกจากนี้พันธมิตรนาโตอย่างสเปนเริ่มแสดงท่าทีที่ชัดเจนต่อวิกฤตครั้งนี้ โดยมาร์การิต้า โรเบลส รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสเปน ได้แถลงว่าสเปนได้ส่งเรือรบไปร่วมกับกองกำลังนาโตในเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และทะเลดำแล้ว พร้อมประกาศชัดเจนว่า รัสเซียไม่ควรมาสั่งว่าประเทศใดควรทำอะไรหรือไม่ควรทำอะไร
รัสเซียไม่สนคำเตือน ซ้อมรบต่อ จับมืออิหร่าน - จีน
ในขณะที่ทางฝั่งรัสเซียยังไม่มีการตอบสนองจากประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน อย่างไรก็ตาม รัสเซียยังคงย้ำถึงจุดยืนในการปลดสลักวิกฤตนี้ โดยนาโตต้องไม่รับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกและเลิกแผ่ขยายอิทธิพลมายังบริเวณที่เป็นเขตสหภาพโซเวียตเก่า ขณะเดียวกันก็เดินหน้าเตรียมที่จะซ้อมรบกับเบลารุสต่อ โดยให้เหตุผลว่าการฝึกซ้อมรบนั้นเป็นกิจการภายในของรัสเซีย
ล่าสุดบ่ายวันนี้รัสเซียได้ส่งหัวรบมิสไซล์รุ่น S-400 จำนวน 2 หัว และอุปกรณ์ทางการทหารอื่น ๆ ไปยังแผ่นดินเบลารุส
ด้านอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชวิช ผู้แทนถาวรรัสเซียประจำองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป หรือ OSCE ได้แสดงความกังวลถึงการที่สมาชิกนาโตนำอาวุธหนักไปยังยูเครน โดยกล่าวว่า เฉพาะสัปดาห์นี้ กองทัพอังกฤษนำขีปนาวุธจำนวนไม่น้อยไปติดตั้งในกรุงเคียฟ
รัสเซียเป็นกังวลมากที่เห็นว่าแคนาดาก็จะนำอาวุธมาติดตั้งที่ยูเครนเช่นกัน สะท้อนว่านี่ไม่ใช่การรักษาเสถียรภาพโดยปกติของยูเครน-ยุโรปแน่นอน
ในขณะที่ยูเครนมีสหรัฐและนาโตคอยเคียงข้าง ล่าสุดรัสเซียได้พันธมิตรเก่าแก่จากภูมิภาคตะวันออกกลางอย่างอิหร่านกลับคืนมา หลังจากที่อิหร่านเคยประกาศนโยบายไม่สนับสนุนทั้งตะวันออกและตะวันตกหลังการปฏิวัติอิหร่านปี 1979
โดยความร่วมมือครั้งใหม่นี้เป็นความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ซึ่งมีระยะเวลา 20 ปีอิหร่านประกาศชัดว่าต้องการเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์แบบถาวรกับรัสเซียเพื่อรับมือกับสหรัฐฯ
ส่วนในวันนี้จะมีการซ้อมรบทางน้ำแบบไตรภาคีระหว่างอิหร่าน รัสเซีย และจีน หลังจากเมื่อวานนี้รัสเซียเพิ่งได้รับเรือดำน้ำนิวเคลียร์ระดับสูงมา 3 ลำ โดยเรือทั้ง 3 ลำเป็นเรือดำน้ำรุ่นที่มีประสิทธิภาพเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดบนภาคพื้นดิน นี่อาจเป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นถึงการรวมตัวพันธมิตรใหม่ของฝั่งรัสเซียอีกครั้งนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น
นานาชาติพยายามปลดสลัก "วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน"
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดสงครามยังมีความหวังเล็ก ๆ เกิดขึ้นที่นครแห่งสันติภาพอย่างเจนีวา วันนี้ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และ เซอร์เกย์ ราสลอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เดินทางถึงนครเจนีวาเพื่อเข้าประชุมหารือถึงทางออกของวิกฤต โดยทั้งสองได้จับมือทักทายกันก่อนเข้าประชุม
นอกจากความพยายามทั้งสหรัฐฯ และรัสเซียแล้ว ยังมีอีกหนึ่งตัวแสดงที่ต้องการมีส่วนร่วมเป็นตัวกลางในกระบวนการสร้างสันติภาพระหว่างสองประเทศนั่นคือ ตุรกี
เรเจพ เทยิพ แอร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี ระบุว่า อยากให้ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซีย และประธานาธิบดีโซเลนสกีของยูเครนมาเจรจาแบบตัวต่อตัว ยืนยันว่าจะไปเยือนรัสเซียเช่นเดียวกับที่ไปเยือนยูเครน โดยเขาหวังว่าจะสร้างความสงบในภูมิภาคได้
ตุรกีเองเคยประสบความสำเร็จในการเป็นตัวกลางเจรจาท่ามกลางปัญหาลิเบียเมื่อปี 2019 ร่วมกับรัสเซีย จึงน่าติดตามต่อไปว่าตุรกีจะเป็นตัวแปรสำคัญในการเปลี่ยนทิศทางวิกฤตครั้งนี้หรือไม่
ด้านประธานาธิบดีโวโลโดมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนได้ออกชี้แจงต่อสาธารณชนว่า อย่าแตกตื่นกับปัญหารัสเซีย-ยูเครนเพราะสื่อต่าง ๆ กำลังเปรียบเทียบเรื่องสรรพกำลังของรัสเซีย-ยูเครน
โดยประธานาธิบดียูเครน พยายามคลายกังวลและต้องการให้พันธมิตรเฉพาะเจาะจงกับการตอบสนองมากขึ้นต่อภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นจากสงคราม
เสียงชาวยูเครนที่อาศัยอยู่ในเมืองโดเนสตค์ทางตะวันออก ซึ่งเป็นเมืองที่ฝักใฝ่รัสเซีย พวกเขาเองเริ่มไม่แน่ใจถึงสถานการณ์ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในขณะนี้เช่นกัน แต่ก็เชื่อว่าปูตินจะช่วยพวกเขาและมิสไซส์ลูกเดียวของรัสเซียสามารถจบเหตุการณ์วิกฤตนี้ได้ ในขณะที่ประชาชนบางคนเองก็ยังเชื่อในสันติภาพที่จะเกิดขึ้นจากการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครน
ปัญหานี้จะจบอย่างไรขึ้นอยู่กับการเจรจาในวันนี้ว่าจะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ หลายฝ่ายเทียบว่า ความตึงเครียดที่กำลังเกิดขึ้นนับว่าเป็นวิกฤตใหญ่อีกครั้งที่น่ากังวลที่สุด ตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็นเลยทีเดียว