เมื่อวันที่ 17 ม.ค. รัฐบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขฮ่องกง รายงานพบเชื้อโควิด-19 ในหนูแฮมสเตอร์จำนวน 11 ตัว ทั้งหมดอยู่ในร้านขายสัตว์เลี้ยงในคอสเวย์เบย์ที่มีพนักงานวัย 23 ปีรายหนึ่งติดเชื้อโควิด-19 จึงคาดว่าเชื้อในผู้ป่วยรายดังกล่าวได้แพร่กระจายให้กับหนูแฮมสเตอร์
รายงานดังกล่าวส่งผลให้ทางการวางแผนการุณยฆาตหนูแฮมสเตอร์และชินชิลลา (Chinchilla) ซึ่งเป็นสัตว์ตระกูลหนูรวมกว่า 2,000 ตัวทั่วฮ่องกง รวมถึงหนูที่มีผู้ซื้อไปเลี้ยงหลังวันที่ 22 ธ.ค. เป็นต้นมา ก็ขอให้เจ้าของนำมามอบให้ทางการ
วิจัยสหรัฐฯ พบสารสกัด CBD จากกัญชา ยับยั้งโควิด-19 ในเซลล์คนและหนูได้
จับตา “โอมิครอน BA.2” หวั่นเป็นสายพันธุ์ใหม่แทนที่โอมิครอนตัวปัจจุบัน
ฮ่องกง เตรียมปลิดชีวิตสัตว์เล็ก 2,000 ตัว หลังพบหนูแฮมสเตอร์ติดโควิด
ประกาศจากทางการฮ่องกงทำให้ประชาชนผู้รักสัตว์บางส่วนไม่พอใจ และมีโครงการพยายามช่วยชีวิตแฮมสเตอร์และชินชิลลาเหล่านั้นไม่ให้ต้องถูกการุณยฆาต
ประชาชนหลายคนตัดสินใจดำเนินการ โดยมีการเสนอให้ซ่อนหรือรับเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่ต้องส่งให้ทางการ มีผู้ลงนามในคำร้องขอนำหนูเหล่านี้ไปแอบเลี้ยงหลายหมื่นราย ในขณะที่บางคนเสนอให้ปลอมใบเสร็จการซื้อสัตว์เลี้ยง ให้แก้วันที่ในใบเสร็จไปก่อน 22 ธ.ค. และมีบางกลุ่มที่รวมตัวกันตามที่สาธารณะเพื่อรณรงค์ไม่ให้ผู้ที่ซื้อหนูไปเลี้ยงส่งมอบสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นให้ทางการ
เจสสิกา (นามสมมติ) ซึ่งอาศัยอยู่ในคอสเวย์เบย์ บอกว่า เธออาสาในกลุ่มโซเชียลมีเดียเพื่อขอรับเลี้ยงหนูแฮมสเตอร์ และอยู่ระหว่างรอคิวนำหนูไปเลี้ยง “ยังมีอาสาสมัครอีกจำนวนมาก ฉันฝากข้อความบอกไว้ว่าฉันอาศัยอยู่บริเวณไหน และฉันสามารถเอาแฮมสเตอร์ไปเลี้ยงได้ เพราะแฟลตที่ฉันอาศัยอยู่มีขนาดเล็กและฉันมีสุนัขอยู่ตัวหนึ่ง” เธอบอก
เจสสิกาเสริมว่า “ฉันสามารถเลี้ยงมันไว้ได้ตลอดไป หรือถ้ามีคนต้องการมันคืน ฉันก็สามารถคืนมันคืนได้”
เธอบอกอีกว่า เธอไม่กังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 “ต่อให้นี่เป็นแฮมสเตอร์ที่ฉันซื้อมาเอง ฉันก็ยอมติดเชื้อโควิด-19 มากกว่าส่งมันให้ทางการเอาไปฆ่า”
สื่อท้องถิ่นฮ่องกงต่างพากันรายงานภาพเด็กที่ร้องไห้บอกลาแฮมสเตอร์ของตัวเอง และสัมภาษณ์ผู้ที่พยายามช่วยชีวิตพวกมัน หลายคนให้สัมภาษณ์โดยไม่เปิดเผยตัวตน สื่อต้องปลอมเสียงและใบหน้าของพวกเขาเพราะกลัวว่าจะถูกลงโทษ
แคร์รี แลม โฆษกผู้บริหารระดับสูงของฮ่องกง เรียกความพยายามเหล่านี้ว่า “ไม่มีเหตุผล” และกล่าวว่าสัตว์เหล่านี้ “ถูกส่งไปอย่างมีมนุษยธรรม … เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการแพร่เชื้อไวรัสโดยเร็วที่สุด”
ด้านกระทรวงเกษตร ประมง และการอนุรักษ์ของฮ่องกง (AFCD) กล่าวว่า ความพยายามในการช่วยชีวิตหนูแฮมสเตอร์ เป็นการขัดขวางการทำงานของกระทรวง และจะก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านสาธารณสุข
“AFCD ขอเรียกร้องให้ประชาชนหยุดการกระทำดังกล่าวทันที และนำแฮมสเตอร์ที่ถูกพาตัวไปส่งคืนทางการ หากผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการดังกล่าวต่อไป หรือไม่ส่งคืนแฮมสเตอร์ที่ถูกพาตัวไป AFCD จะติดตามอย่างเข้มงวดและส่งเรื่องให้ตำรวจจัดการ” กระทรวงฯ ระบุ
เจสสิกากล่าวว่า เธอไม่กังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามของรัฐบาล “ฉันไม่สนเรื่องนั้นหรอก ตำรวจหรอ ไสหัวไปเถอะ ยังไงพวกเขาก็จับคนอยู่ดีต่อให้ไม่ได้ทำอะไรเลย”
ด้านองค์กรสวัสดิภาพสัตว์ได้ออกมาตำหนิการตัดสินใจของรัฐบาลฮ่องกง และเรียกร้องให้ประชาชนไม่มอบแฮมสเตอร์ให้ทางการ โดยกล่าวว่า รัฐบาลไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะออกคำสั่งดังกล่าว
ข้อมูลของรัฐบาลฮ่องกงระบุว่า ณ วันพฤหัสบดี (20 ม.ค.) มีหนู 68 ตัวเท่านั้นที่ถูกส่งตัวให้ทางการ
ขณะที่เจ้าหน้าที่ยอมรับว่า ไม่มีหลักฐานว่าสัตว์เลี้ยงสามารถแพร่เชื้อโควิด-19 สู่คนได้ แต่ชี้ว่าเป็นเรื่องที่ต้องทำ เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน
เรียบเรียงจาก The Guardian
ภาพจาก AFP