วานนี้ (25 ม.ค.) เจ้าชาย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ทรงให้การต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย และคณะ ที่พระราชวังอัล-ยามามาห์ ในกรุงริยาด ระหว่างการหารือ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทรงเห็นพ้องกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะยุติความบาดหมาง เพื่อปรับความสัมพันธ์ทางการทูตให้เป็นปกติ และร่วมมือกันทั้งในด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และการเมือง
ซีไอเอฟันธงเจ้าชายซาอุฯบงการฆ่านักข่าว
"บิ๊กตู่" ฟื้นสัมพันธ์ 3 ทศวรรษ ซาอุฯ ไทยได้อะไรบ้าง 9 ประการ
รพ.ธนบุรีฯ เปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เข็ม 3 เข็ม 4
โดยรัฐบาลไทยและซาอุฯ จะส่งผู้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต ไปประจำการที่เมืองหลวงของอีกฝ่าย และอาจจะมีการลงทุนร่วมกัน ทั้งในด้านพลังงาน ปิโตรเคมี การท่องเที่ยว และบริการ
ทั้งนี้ การท่องเที่ยวถือเป็นหัวใจสำคัญในแผนพัฒนา “วิสัยทัศน์ 2030” ของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ที่มีพระราชประสงค์จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศโดยไม่พึ่งพาน้ำมัน
ขณะเดียวกัน สายการบินซาอุเดีย (Saudia) หรือ ซาอุดีอาระเบียแอร์ไลน์ส ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติ ประกาศผ่านบัญชีทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการว่า เตรียมจะเปิดเที่ยวบินตรงจากซาอุฯ ไปประเทศไทย เริ่ม พ.ค.นี้ โดยในภาพประชาสัมพันธ์ระบุว่า "ไทยเป็นดินแดนแห่งวัฒนธรรม"
นอกจากการหารือในระดับผู้นำแล้ว เมื่อวานนี้ เจ้าชายไฟซาล บิน ฟาร์ฮาน อัล ซาอุด รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย ยังทรงพบหารือกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย เรื่องแนวทางการยกระดับความสัมพันธ์ของสองประเทศอีกด้วย
"อาคเนย์ประกันภัย" เจอพิษโอมิครอน ประกาศ "เลิกประกอบธุรกิจ"
หนุ่มโหดบุกยิงสารวัตรกำนันพร้อมเพื่อนดับ
ขณะที่สำนักข่าวอาหรับนิวส์ รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์และคณะ ก็เดินทางออกจากกรุงริยาด ซึ่งถือเป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจการเยือนของผู้นำรัฐบาลไทยครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี