“ไบเดน” ขู่คว่ำบาตร “ปูติน” หากรัสเซียบุกยูเครน
ตึงเครียด! นาโตรุกหนัก วางกำลังทหารทั่วยุโรป รับมือวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน
ภาพจากสนามบินในกรุงเคียฟเมื่อคืนวันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากที่สหรัฐฯ ขนมาให้ยูเครน รายงานระบุว่า เป็นการส่งอาวุธสนับสนุนครั้งที่ 3 แล้ว โดยอาวุธเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 6,500 ล้านบาท เพื่อเสริมศักยภาพในการป้องกันตนเองของยูเครน สหรัฐฯ และพันธมิตรชาติตะวันตกในนาโต ระบุว่า พวกเขาพร้อมปกป้องยูเครน และพร้อมที่จะส่งทหารไปเพิ่ม
อย่างไรก็ตามหากรัสเซียยังไม่ได้บุกยูเครนจริง ทางสหรัฐฯ ก็ไม่สามารถที่จะเคลื่อนกำลังพลของตนเข้าไปในยูเครนได้เพียงฝ่ายเดียว เนื่องจากยูเครนไม่ใช่สมาชิกนาโตสถานการณ์ตอนนี้จึงเต็มไปด้วยความหวาดระแวงและเฝ้าระวังกันเต็มสูบ
ความตึงเครียดสร้างความกังวลให้แก่ประเทศในกลุ่มบอลติก ที่ถึงแม้จะไม่ได้เป็นสมาชิกนาโต แต่ด้วยที่ตั้งที่ใกล้กับรัสเซีย ส่งผลให้พวกเขาต้องเตรียมพร้อมรับมือตามไปด้วย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วปรากฏภาพของสวีเดนที่ส่งทหารเข้าไปเสริมกำลังบนเกาะกอตแลนด์ ดินแดนที่ใกล้กับฐานทัพเรือของรัสเซียในเมืองคาลินนีกราดล่าสุดฟินแลนด์เองก็จัดการซ้อมรบและซ้อมปฏิบัติการรับมือกับทหารรัสเซียในกรุงเฮลซิงกิเช่นกัน
ฟินแลนด์ไม่ได้เป็นสมาชิกของนาโต แต่มีพรมแดนติดดับรัสเซียยาวถึง 1,340 กิโลเมตร และกรุงเฮลซิงกิซึ่งเป็นเมืองหลวงก็ตั้งห่างจากเมืองใหญ่ของรัสเซียอย่าง นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเพียง 390 กิโลเมตรเท่านั้น
มีรายงานว่า นาโตรวบรวมกองกำลังทหารมากถึง 4,000 นาย ในกลุ่มประเทศบอลติกและโปแลนด์ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับรัสเซีย กองทหารเหล่านี้จะถูกเสริมกำลังด้วยทหารจากสหรัฐฯ ที่ล่าสุดมีรายงานว่าได้ส่งมาเพิ่มถึง 8,500 นาย
เจน ชากี โฆษกทำเนียบขาวออกมาระบุว่า สหรัฐฯ ไม่ได้ตั้งใจส่งกองกำลังเหล่านี้ไปที่ยูเครน แต่ส่งไปเพื่อสนับสนุนนาโต
นอกจากนั้นยังมีรายละเอียดจากจอห์น เคอร์บี โฆษกเพนตากอนที่กล่าวเมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมาว่า ทหารจำนวน 8,500 นายของสหรัฐฯ จะกระจายกำลังกันในกลุ่มประเทศฝั่งตะวันออกของสมาชิกนาโต เพื่อสนับสนุนทหารของชาติพันธมิตร
เตือนปมรัสเซีย-ยูเครน รุนแรงสุดตั้งแต่สงครามโลกครั้ง
สถานการณ์น่ากังวลมากแค่ไหน? เสียงจากโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พูดกับสื่อเมื่อวานนี้ระหว่างเยี่ยมชมร้านค้าท้องถิ่นในกรุงวอชิงตันว่า หากรัสเซียตัดสินใจบุกยูเครนจริง ๆ ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นจะรุนแรงและกระทบในวงกว้างอย่างมาก ถึงขนาดที่ว่า “เปลี่ยนโลก” เลยทีเดียว โดยไบเดน เทียบว่า สเกลของความขัดแย้งนั้นจะนับเป็นเหตุการณ์รุกรานประเทศอื่นที่ใหญ่ที่สุด ตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ในปี 1945
สอดคล้องกับความคิดเห็นของ แอนเดรีย เคนดัล-เทเลอร์ ผู้อำนวยการโครงการความปลอดภัยข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเพื่อความมั่นคงสหรัฐฯ ระบุว่า เมื่อพิจารณาจากความตึงเครียด และขนาดของกำลังพลรัสเซียที่ประจำการรอบๆ ยูเครนแล้ว นี่คือความขัดแย้งที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
นอกจากส่งทหารเตรียมพร้อมรับมือ ในขณะที่ความพยายามทางการทูตก็ดำเนินไปด้วยแล้ว สหรัฐฯ ยังทำอะไรอีกเพื่อลดองศาความขัดแย้ง อีกความพยายามคือ การคว่ำบาตร ทั้งคว่ำบาตรตัวบุคคลอย่าง ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ตลอดจนคว่ำบาตรเศรษฐกิจของรัสเซีย บรรดาชาติยุโรปพึ่งพาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียถึง 1 ใน 3 จุดนี้คือเหตุผลที่ทำให้หลายชาติยังสงวนท่าทีต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
ล่าสุดมีรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพยายามเจรจากับบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของหลายชาติ เพื่อให้พลังงานทางใหม่แก่บรรดาชาติยุโรป ในกรณีที่มาตรการคว่ำบาตรจะเกิดขึ้นจริง และสหรัฐฯ ต้องการความร่วมมือจากชาติยุโรปในการบอยคอตรัสเซีย
รัสเซีย อวดแสนยานุภาพทางการทหาร ส่งเครื่องบินไปเบลารุส
ล่าสุดทางกระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยแพร่วิดีโอล่าสุดที่แสดงให้เห็นถึงแสนยานุภาพของกองกำลังรัสเซีย โดยในวิดีโอมีระบบเครื่องยิงขีนาวุธถูกนำออกมาอวดโฉมด้วย
เมื่อวันวานนี้ กระทรวงกลาโหมรัสเซียปล่อยวิดีโอแสดงการซ้อมรบของทหารรัสเซีย จากภาพจะเห็นระบบยิงขีปนาวุธอิสกันดา ซึ่งเป็นขีปนาวุธพิสัยใกล้ที่รัสเซียผลิตขึ้นเอง และมีระยะยิงประมาณ 500 กิโลเมตร ออกมาอวดโฉมด้วย วิดีโอไม่ระบุตำแหน่งที่ตั้งของกองกำลังชุดนี้ แต่คาดกันว่าประจำการในพื้นที่ทางตะวันตกของรัสเซีย ใกล้กับชายแดนยูเครน
อย่างไรก็ตามทางกระทรวงระบุว่า ทั้งหมดที่เห็นนี้เป็นไปตามกำหนดการซ้อมรบทางการทหารที่จะจัดขึ้นต่อเนื่องจนถึงวันที่ 29 มกราคมนี้
ส่วนรัฐบาลเครมลินก็ออกมาแสดงความกังวลต่อการที่สหรัฐฯ ส่งทหารของตนมากถึง 8,500 นาย เข้ามาในยุโรป พร้อมยืนยันตามเดิมว่าไม่เคยมีเจตนาบุกยูเครน และในวันนี้ยังปรากฏภาพของเครื่องบินเจ็ทจากรัสเซียที่ทางการได้ส่งไปยังเบลารุส เพื่อใช้ในการซ้อมรบทางการทหารเพิ่ม
คาดความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ส่งเงินเฟ้อลากยาว
วันนี้ยังปรากฏภาพของเครื่องบินเจ็ทจากรัสเซียที่ทางการได้ส่งไปยังเบลารุส เพื่อใช้ในการซ้อมรบทางการทหารเพิ่ม และท่ามกลางความขัดแย้งที่ขณะนี้ประชาคมโลกให้ความสนใน และกำลังหวั่นเกรงว่าจะเกิดสงครามครั้งใหม่ขึ้นหรือไม่
เมื่อวานนี้มีเสียงเตือนจาก กีตา โกพินาท รองกรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ระบุว่า ความขัดแย้งจะทำให้ปัญหาเงินเฟ้อที่กำลังเกิดขึ้นนี้ยืดยาวออกไป เนื่องจากราคาพลังงานแพงขึ้น ดังนั้นทาง IMF จึงคาดหวังว่านานาชาติจะสามารถหาหนทางการเจรจาเพื่อสันติภาพร่วมกันได้
ด้าน IMF คาดการณ์ไว้ว่า อัตราเงินเฟ้อของปีนี้ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะอยู่ที่ราวร้อยละ 3.9 ส่วนในกลุ่มประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่จะอยู่ที่ร้อยละ 5.9 และคาดว่าเงินเฟ้อน่าจะดีขึ้นในปี 2023 อย่างไรก็ตามสถานการณ์นั้นขึ้นอยู่กับการระบาดของโควิด-19 ด้วย