สหรัฐฯ และชาติพันธมิตร นำโดยอังกฤษ เยอรมนี อิตาลี เดนมาร์ก สวีเดน แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น และอิสราเอล ประกาศให้พลเมืองของตนเร่งเดินทางออกจากยูเครนในทันที และยังมีคำสั่งถอนเจ้าหน้าที่สถานทูตที่ปฏิบัติงานในส่วนที่ไม่จำเป็น รวมถึงสมาชิกครอบครัว ออกจากกรุงเคียฟ โดยรัฐบาลแคนาดาสั่งย้ายเจ้าหน้าที่สถานทูต ประจำกรุงเคียฟ ไปอยู่ที่เมือง ลวีฟ (Lviv) ติดกับพรมแดนโปแลนด์ เป็นการชั่วคราว
สหรัฐฯ มีแผนเตรียมส่งทหารไปประจำการยุโรป เร็วนี้
สหรัฐฯกังวล รัสเซียอาจใช้กำลังบุกยึดยูเครน
ขณะที่สหรัฐฯ สั่งถอนทหาร 150 นาย ที่ช่วยฝึกอบรมทหารยูเครน ออกนอกประเทศ ส่วนสายการบิน KLM ของเนเธอร์แลนด์ ประกาศยุติการทำการบินไปยังยูเครน โดยให้มีผลทันที
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า รัฐบาลเซอร์เบียเริ่มสั่งซื้ออาหารและวัตถุดิบจำนวนมาก หวั่นผลกระทบจากภัยสงครามบริเวณชายแดนรัสเซีย-ยูเครน
ก่อนหน้านี้ ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ เตือนว่า การโจมตีทางทหารของรัสเซียอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยอาจเริ่มต้นจากการทิ้งระเบิดจากทางอากาศ แต่รัฐบาลรัสเซียตอบโต้ว่า นี่เป็นการคาดเดาที่มีเจตนายั่วยุปลุกปั่น
ฝั่งประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวระหว่างลงพื้นที่ตรวจดูการซ้อมรบทางตอนใต้ของประเทศ ใกล้กับคาบสมุทรไครเมียว่า ขณะนี้ สื่อกำลังปั่นกระแสเรื่องสงครามเต็มรูปแบบในยูเครนมากเกินไป จริงอยู่ที่รัสเซียอาจโจมตียูเครน แต่การให้ข้อมูลที่สร้างแต่ความหวาดกลัวและตื่นตระหนก ก็ไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรกับยูเครน แถมยังช่วยส่งเสริมศัตรูอีกด้วย
หากชาติตะวันตก มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ 100% ว่ารัสเซียจะบุก ก็ขอให้แสดงออกมา
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ชาวยูเครนหลายพันคน ออกมาเดินขบวนตามท้องถนนในกรุงเคียฟ เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และแสดงพลังต่อต้านภัยคุกคามจากรัสเซีย
ส่วนการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เมื่อวานนี้ (12 ก.พ.) ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ที่เป็นรูปธรรม