แอนเดรย์ ซาโกรอดนยุก อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของประเทศยูเครน และปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นประธานศูนย์คลังความคิดด้านความปลอดภัยเพื่อกลยุทธ์การป้องกัน เปิดเผยกับสื่อต่างประเทศ เกี่ยวกับวิกฤตการณ์รัสเซีย-ยูเครนที่ในปัจจุบัน
โดยสถานการณ์ปัจจุบัน ทางการรัสเซียประกาศว่าได้เริ่มทยอยถอนกำลังส่วนหนึ่งออกจากพรมแดนยูเครน ขณะที่สหรัฐฯ และพันธมิตรชี้ว่า ยังไม่มีหลักฐานว่ารัสเซียถอนกำลังออกไปจริง
ชาวรัสเซียในยูเครนบางส่วนเผย พร้อมจับอาวุธต่อสู้กับกองทัพรัสเซีย
ระเบิดลงยูเครนตะวันออก โรงเรียนเสียหาย
“ไบเดน”ยังเชื่อรัสเซียบุกยูเครนในเร็ววัน
แอนเดรย์บอกว่า ตัวเขาเองก็ยังไม่เห็นหลักฐานการถอนกำลังกลับของรัสเซียเช่นกัน “เราเห็นเพียงแค่การย้ายตำแหน่งที่ตั้งและการซ้อมรบของกองทหารเท่านั้น ดังนั้นจึงยังเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่ารัสเซียกำลังถอยจริงหรือไม่”
แต่เขาบอกว่า ประเด็นหนึ่งที่ต้องให้ความสนใจคือ “หลังจากวันที่ 20 ก.พ. เมื่อการซ้อมรบร่วมกับเบลารุสเสร็จสิ้น รัสเซียจะต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป ดังนั้นคาดว่าหลังวันที่ 20 เราจะได้เห็นว่าพวกเขาจะอยู่หรือไป”
โดยเมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา รัสเซียประกาศว่า กองกำลังที่มา “ซ้อมรบ” อยู่ใกล้ชายแดนยูเครน-รัสเซียดำเนินการซ้อมรบเสร็จสิ้นแล้ว และจะถอนทัพกลับ ดังนั้นจะเห็นว่า “การซ้อมรบ” เป็นหนึ่งในข้ออ้างที่รัสเซียใช้เป็นเหตุผลว่าทำไมจึงส่งกองกำลังมาอยู่ในพื้นที่เปราะบาง
จึงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาว่า ในวันที่ 20 ก.พ. หลังการ “ซ้อมรบ” ในเบลารุสเสร็จสิ้น รัสเซียจะทำอย่างไร จะถอนทัพกลับเพราะซ้อมรบเสร็จ หรือจะอยู่ต่อด้วยเหตุผลใหม่
เมื่อถามว่า เขาคาดการณ์ว่าสถานการณ์ความตึงเครียดนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อใดหรือจะกินระยะเวลาไปอีกนานแค่ไหน แอนเดรย์ตอบว่า เป็นเรื่องยากที่จะตอบ
“ตราบใดที่ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ยังมีชีวิตอยู่ เขาจะพยายามจัดการกับยูเครน นี่คือความหมกมุ่นของเขา และดูเหมือนว่าเขาจะตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำมันให้สำเร็จไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง” แอนเดรย์บอก แต่ไม่ได้ขยายความเพิ่มว่า ทำไมเขาจึงคิดเช่นนี้
เขาเสริมว่า “เรื่องที่น่าเสียดายคือ ณ ตอนนี้เรายังไม่เห็นทางออกของปัญหานี้ เว้นแต่หลังบ้านหรือสถานการณ์ภายในรัสเซียจะเกิดความยากลำบาก ร่วมกับแรงกดดันจากนานาชาติ จึงจะพอบังคับปูตินให้ต้องถอยได้ เกี่ยวกับวิกฤตในปัจจุบันนี้ เรายังพูดอะไรไม่ได้มาก ต้องรอหลังจากวันที่ 20 ก.พ.”
แอนเดรย์ยังเสนอให้มีการปรับปรุงข้อตกลงมินสก์ฉบับที่ 2 (Minsk II Agreement) ซึ่งใช้อยู่ในปัจจุบัน เป็นข้อตกลงสินติภาพระหว่างยูเครนและรัสเซียในการยุติความรุนแรงและงดการปะทะกันด้วยอาวุธ แต่ที่ผ่านมาไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง
“ข้อตกลงมินสก์ต้องได้รับการแก้ไข เพราะมันล้าสมัยไปแล้ว ... มันพูดถึงการยุติความเป็นปรปักษ์กัน ซึ่งไม่เกิดขึ้นเลย ข้อตกลงนี้ควรจะกำจัดกองทัพต่างชาติ ในกรณีนี้คือรัสเซีย ออกไปจากยูเครนหรือพื้นที่เประบางที่จะทำให้เกิดการปะทะหรือคุกคามได้ แต่ในทางปฏิบัติมันทำไม่ได้เลย” แอนเดรย์บอก
ปัจจุบัน รัสเซียยังคงอ้างว่า ไม่มีกองกำลังของรัสเซียอยู่ในพื้นที่ยูเครนตะวันออก โดยบอกว่ากองกำลังต่าง ๆ เช่น กองกำลังแบ่งแยกดินแดน เป็นกองกำลังอิสระ ไม่ใช่กองทัพของรัสเซีย ทั้งที่มีรายงานว่า กองกำลังเหล่านี้มีรัสเซียหนุนหลังอยู่
“เราและประเทศอื่น ๆ ในโลก รวมถึงสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และประเทศในกลุ่มนาโต ทั้งหมดต่างรู้ดีว่า กองกำลังรัสเซียอยู่ที่ชายแดนของเรา เป็นกองกำลัง “ตัวแทน” ที่มีรัสเซียเป็นแบ็กอัป
จนกว่ามอสโกจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขาอย่างเป็นทางการ มิฉะนั้นโลกจะหยุดพิจารณาว่าเป็นหัวข้อปิด และไม่เจรจาตามข้อกล่าวหาว่าเป็นอิสระ ฉันคิดว่าเราติดอยู่กับมินสค์ จนกว่าโลกจะพบจุดยืนที่มั่นคงในการมีอยู่ของรัสเซีย เราจะเดินไปรอบๆ มินสค์ตลอดไป
แอนเดรย์มองว่า หากกการบุกจู่โจมยูเครนเกิดขึ้น มันอาจจะไม่ใช่การบุกโจมตีอย่างทื่อ ๆ “มันอาจจะแตกต่างออกไป รัสเซียมีทางเลือกมากมายเสมอ พวกเขาไม่เคยมีแผนเดียว ... อีกข้อกังวลคือทะเลดำและทะเลอาซอฟ อาจมีการโจมตีจากที่นั่น และตอนนี้คาดว่าพวกเขากำลังรวบรวมกองกำลังมหาศาล”
เรียบเรียงจาก Al Jazeera
ภาพจาก AFP / Shutterstock
