เปิดแผนการ “วลาดิเมียร์ ปูติน” ส่งกองทัพบุกยูเครน หลังสภาสูงรัสเซียอนุมัติ


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ภายหลังจากสภาสูงรัสเซีย อนุมัติส่งกองทัพออกนอกประเทศ โดยนาโตและหลายฝ่าย ยังคงคาดการณ์ว่า รัสเซียเตรียมจะบุกยูเครนแน่ ตอนนี้กองกำลังของรัสเซียอยู่ที่ไหนบ้าง?

อังกฤษ-EU ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียชุดแรก

“กลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครนตะวันออก” คือใคร? ข้ออ้างที่รัสเซียใช้ข้ามแดนยูเครน

ตอนนี้มีการคาดการณ์ว่ารัสเซียมีทหารถึง 130,000-150,000 นาย ประจำการอยู่บริเวณแนวชายแดน ล้อมรอบยูเครน 3 จุดใหญ่ ๆ นั่นคือ ทางใต้บริเวณคาบสมุทรไครเมีย ทางตะวันออกบริเวณเมืองลอสตอฟออนดอนของรัสเซีย และทางเหนือซึ่งเป็นดินแดนของประเทศเบลารุส

นอกจากนี้รัสเซียยังมีกองทหารประจำการถาวรอยู่ที่ประเทศมอลโดวาทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของยูเครน สิ่งนี้หมายความว่า รัสเซียได้ทำการปิดล้อมยูเครนแบบ 4 ทิศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Battle Plan for Russia จากซีไอเอ ที่ดักฟังการสนทนาของกองทัพรัสเซียในปี 2021 ได้ข้อมูลบางอย่างบ่งชี้ถึงขั้นตอนที่ปูตินอาจใช้

สหรัฐฯ ระบุว่า สามารถแบ่งแผนการบุกของรัสเซียได้เป็น 3 เฟส แต่ละเฟสรัสเซียจะใช้วิธีการบุกทางการทหาร ควบคู่ไปกับการกดดันทางการทูต โดยที่ต้องมี 3 เฟสก็เพื่อเปิดเวลาและพื้นที่สำหรับการต่อรอง ซึ่งแต่ละเฟสนั้นรัสเซียจะใช้เส้นทางบุกแตกต่างกันไป แต่ในภาพรวมแบ่งได้เป็น 3 เส้นทางหลักๆ คือ

เส้นทาง 1 รุกคืบเข้ามาจากทางไครเมีย หรือยูเครนทางตอนใต้

เส้นทาง 2 รุกคืบเข้ามาจากทางยูเครนตะวันออก พื้นที่ที่รัสเซียเพิ่งจะรับรองเอกราชไป

เส้นทาง 3 คือ รุกคืบจากทางเหนือ โดยเข้าจากทางประเทศเบลารุส ที่ขณะนี้รัสเซียคงกองกำลังไว้มากกว่า 35,000 นายพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากที่ยังไม่ขนกลับหลังการซ้อมรบ

 

ในเฟสแรก เอกสารของซีไอเอระบุว่า กำลังของรัสเซียจะเข้ามาทางใต้ และเข้ายึดครองเมืองโอเดสซาที่อยู่ทางตะวันตกไม่ไกลจากไครเมีย โดยอาจใช้ทหารบกจากไครเมียหรือใช้ทหารเรือร่วมด้วย ด้วยวิธีการนี้ รัสเซียจะยึดได้ทั้งไครเมียและโอเดสซา เท่ากับเป็นการตัดยูเครนจากชัยภูมิของทะเลดำทั้งหมด

นอกจากนั้นการยึดเมืองโอเดสซายังเสริมให้รัสเซียส่งกำลังจากภูมิภาคทรานส์นีสเตรียในมอลโดวาที่รัสเซียมีกองทัพอยู่แล้วในนั้นได้ง่ายขึ้น

จุดนี้คาดการณ์ต่อว่า รัสเซียสามารถส่วหน่วยรบพิเศษเข้าแทรกซึมในพื้นที่ทางใต้ของแม่น้ำดนีเปอร์ จุดประสงค์เพื่อเพื่อที่จะขัดขวางการขนส่งของยูเครนบริเวณแม่น้ำ

หลังจากนั้นกองกำลังปืนใหญ่ของรัสเซียที่ประจำการอยู่ในไครเมียจะร่วมมือกับหน่วยรบพิเศษภาคพื้นดินเพื่อบีบกำลังกองกำลังทหารยูเครน และในเวลาเดียวกันการบุกก็จะเกิดขึ้นจากทางตะวันออกด้วย ในภูมิภาคดอนบาสที่ประกอบด้วยแคว้นโดเนตสก์ และแคว้นลูฮันสก์ พื้นที่ที่มีกลุ่มแบ่งแยกดินแดนและฝักใฝ่รัสเซีย

รัสเซียอาจส่งกองกำลังภาคพื้นดินและกองกำลังทางอากาศเข้าไปยังเมืองดนีโปร และเมืองซาโปริซเซียที่ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำดนีเปอร์

โดยหากเป็นไปตามแผนจะเห็นว่า ทางตอนใต้และตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนจะถูกยึดโดยรัสเซีย และรัสเซียจะสามารถเสริมกำลังตลอดจนส่งยุทโธปกรณ์และเสบียงจากเมืองรอสตอฟออนดอนที่มีฐานทัพตั้งอยู่ได้ไม่ยาก

 

ทั้งนี้หากเป็นไปตามแผน คาดกันว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน จะกดดันให้ยูเครนยอมจำนน แต่หากไม่ยอม ก็จะเข้าสู่เฟสที่สอง

เฟสที่สองจะเริ่มจากพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ รัสเซียอาจส่งกองทัพจากเบลโกรอดมายังเมืองใหญ่ที่ไม่ไกลจากชายแดนนั่นคือ เมืองคาร์คีฟ จากนั้นบุกยึดต่อไปถึงเมืองปอลโตวาที่ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำดีเปอร์

รัสเซียอาจใช้ยุทธวิธีปิดล้อม ตัดการนำเข้าอาหารและพลังงาน เพื่อบีบให้ยูเครนยอมแพ้ และด้วยวิธีนี้จะเห็นว่า ปูตินยึดเอาพื้นที่ทางตะวันออกและทางตอนใต้ของยูเครนได้แล้ว ณ จุดนี้ การเจรจารอบสองจะเริ่มขึ้น ถ้าไม่เป็นที่น่าพอใจก็จะเข้าสู่เฟสที่สาม

 

อย่างไรก็ตามจากแผนที่จะเห็นว่า ยูเครนถูกผ่าครึ่งด้วยแม่น้ำดนีเปอร์ พื้นที่ที่เหลือคือฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ ซึ่งการข้ามแม่น้ำนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

ดังนั้นในเฟสสุดท้าย หนทางที่ดีที่สุดคือ การใช้ถนนที่ตัดมาจากประเทศเบลารุส ซึ่งไม่มีปัญหาเพราะเบลารุสยอมอยู่แล้ว จากเบลารุสพวกเขาสามารถมุ่งลงใต้มายังพื้นที่ทางตะวันตกของแม่น้ำดนีเปอร์ได้เลย โดยเคลื่อนทัพไม่ไกลจากเขตเชอร์โนบิล มุ่งตรงสู่เมืองโคโรสเตน เพื่อมายังกรุงเคียฟ และในเวลาเดียวกันรัสเซียสามารถส่งกองทัพจากเขตตรึยโบรนึย ลงมาทางตะวันตกเฉียงใต้เข้าสู่เมืองโคโนตอฟและเมืองนิซฮุนของยูเครน ก่อนจะเข้าสู่กรุงเคียฟ หรือส่งกองทัพจากเขตโนเวีย ยูร์โควิชี ลงมาตามถนนมุ่งตรงสู่กรุงเคียฟก็ได้เช่นกัน  เท่ากับว่า กรุงเคียฟถูกบุกพร้อมกันทั้ง 3 ทาง

หากทำได้ รัสเซียจะสามารถยึดพื้นที่ของยูเครนได้ราว 2 ใน 3 คาดกันว่าจะเกิดคลื่นผู้ลี้ภัยจำนวนหลักล้านที่พากันอพยพหนีไปทางตะวันตก

แล้วยูเครนจะต้านทานอย่างไร? อันที่จริงกองทัพยูเครนเสริมกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยมานับตั้งแต่เหตุการณ์ที่รัสเซียบุกยึดไครเมียในปี 2014 อย่างไรก็ตามกำลังทหารและงบประมาณที่เพิ่มขึ้นมานี้ หากเทียบกับรัสเซียแล้วก็ยังถือว่าห่างไกล

เพราะรัสเซียมีกองทัพที่ได้ชื่อว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุด อีกทั้งรัสเซียยังติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศที่ทุ่มเทงบประมาณไปกับการทหารและความมั่นคงมากที่สุดด้วย

เทียบกันแล้ว จำนวนทหารประจำการที่พร้อมรบทันทีของยูเครนมี 209,000 นาย ส่วนรัสเซียมีมากกว่าถึง 4 เท่าที่จำนวน 900,000 นาย ส่วนกำลังพลสำรอง ยูเครนมี 900,000 คน ส่วนรัสเซียมีมากถึง 2 ล้านคน

นอกจากจำนวนคนจะต่างกันมากแล้ว จำนวนของอาวุธและยุทโธปกรณ์ก็ต่างเช่นกัน เช่น ปืนใหญ่ ยูเครนมี 2,040 กระบอก ในขณะที่รัสเซียมี 7,571 กระบอก

ส่วนรถยานเกราะ ยูเครนมี 12,303 คัน รัสเซียมี 30,122 คัน  รถถัง ยูเครนมี 2,596 คัน รัสเซียมี 12,420 คัน หรือมากกว่าถึง 6 เท่าเลยทีเดียว

ในขณะที่เฮลิคอปเตอร์โจมตี ยูเครนมี 34 ลำ และมีเครื่องบินรบจู่โจมอีก 98 ลำ ส่วนรัสเซียจำนวนมากกว่าหลายเท่า โดยมีเฮลิคอปเตอร์โจมตี 544 ลำ และเครื่องบินรบจู่โจมอีก 1,511 ลำ

“ปูติน” ชี้ ส่งทหารบุกยูเครนได้ถ้าจำเป็น - พันธมิตรรัสเซียประกาศหนุน

อย่างไรก็ตาม แม้ฝ่ายยูเครนจะมีกำลังพลและยุทโธปกรณ์น้อยกว่า แต่ที่พวกเขามีคือพันธมิตรชาติตะวันตกและทหารขององค์การนาโต

TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ