กาชาดสากลชี้เมืองมาริอูโปลของยูเครน เผชิญวิกฤตมนุษยธรรม


โดย PPTV Online

เผยแพร่




กาชาดสากลเผยเมืองมาริอูโปลของยูเครนกำลังเผชิญวิกฤตมนุษยธรรม มีพลเรือนเสียชีวิตแล้วกว่า 2,100 คน อีกหลายแสนตกค้าง เรียกร้องทุกฝ่ายในความขัดแย้งเร่งบรรลุข้อตกลงให้มีการรับรองความปลอดภัยทั้งการเข้าถึงอาหาร น้ำ และที่พักพิงของประชาชน

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาการสู้ระหว่างรัสเซียและยูเครนทวีความตึงเครียดในหลายจุด อย่างที่เมืองติดกับชายแดนโปแลนด์ มีรายงานว่า รัสเซียยิงโจมตีด้วยขีปนาวุธใส่ ทำให้มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 คน

ส่วนที่เมืองมาริอูโปลของยูเครน ที่หลายฝ่ายจับตาสถานการณ์มาตลอดกว่า 12 วัน มีรายงานแจ้งว่า ประชาชนจำนวนมากยังคงติดอยู่ภายในเมืองไม่สามารถอพยพออกมาได้ และในเวลานี้ประชาชนกำลังขาดแคลนอาหาร น้ำ และไม่มีไฟฟ้าใช้

"รัสเซีย"ถล่มฐานทัพใกล้พรมแดนโปแลนด์ ดับ 35 ราย

ผู้นำยูเครนเผยเสียทหาร 1,300 นาย นับตั้งแต่ถูกรัสเซียรุกราน

ล่าสุด รัฐบาลยูเครน ระบุว่า พลเรือน 140,000 คน ได้รับการอพยพออกมาแล้วจากพื้นที่แนวหน้าที่มีการสู้รบ แต่ว่าการอพยพไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในเมืองมาริอูโปล เนื่องจากการสู้รบที่นี่ยังคงตึงเครียดอย่างหนัก  ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีภาพถ่ายดาวเทียมที่แสดงให้เห็นว่า โครงสร้างพื้นฐานและที่อยู่อาศัยของประชาชนในเมืองมารีอูปอลเสียหายหนักจากการโจมตีของรัสเซียที่ปิดล้อมเมืองมานานกว่า 12 วัน และถูกระดมยิงถล่มด้วยปืนใหญ่

นักข่าวสหรัฐเสียชีวิตกลางสมรภูมิยูเครน

นอกจากนี้ ยังมีรายงานแจ้งอีกว่า กองกำลังรัสเซียได้รุกคืบเข้ายึดพื้นที่ชานเมืองทางตะวันออกของเมืองเอาไว้ได้แล้ว แต่นายดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนระบุว่า เมืองมาริอูโปลยังอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลเคียฟ

ด้าน สภากาชาดสากล ออกมาเตือนให้ทุกฝ่ายในความขัดแย้งยูเครน บรรลุข้อตกลงด้านความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม เนื่องจากเวลาในเมืองมาริอูโปลกำลังจะหมดลงแล้ว โดยประธานคณะกรรมการกาชาดสากลระบุว่า ประชาชนในเมืองมาริอูโปลนั้นอยู่กับฝันร้ายของความเป็นความตายมานานเป็นสัปดาห์แล้ว และมันต้องหยุดลงได้แล้ว ต้องมีการรับรองความปลอดภัยของพวกเขาทั้งในด้านการเข้าถึงอาหาร น้ำ และที่พักพิง

นอกจากนี้ กาชาดสากล ยังเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายเคารพในกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศด้วย และอย่าพุ่งเป้าโจมตีไปที่โครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน โรงพยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์

ทั้งนี้  ทางการของยูเครน ระบุว่า เมืองมาริอูโปลกำลังเผชิญหายนะด้านมนุษยธรรม หลังมีพลเรือนเสียชีวิตแล้วกว่า 2,100  คน ขณะที่ประชาชนในเมืองดังกล่าวไม่มีใครออกจากพื้นที่ได้ เพราะถูกกองทัพรัสเซียขัดขวางการอพยพ ผู้คนหลายแสนคนตกค้าง ไม่มีอาหาร น้ำ และไฟฟ้าใช้

โดยผู้สื่อข่าวชาวอเมริกันถูกทหารรัสเซียสังหาร ขณะติดตามสถานการณ์ใกล้กรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน นับเป็นสื่อมวลชนต่างชาติคนแรกที่เสียชีวิตระหว่างการลงพื้นที่ทำงานในยูเครน

สำหรับ ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าว มีชื่อว่า เบรนท์ เรโนด์ (Brent Renaud) อายุ 51 ปี ลงพื้นที่ทำงานให้กับนิตยสารไทม์ โดยพื้นที่ที่เกิดเหตุคือเมืองเออร์พิน (Irpin ) ชานกรุงเคียฟ ของยูเครน

ตำรวจกรุงเคียฟ ระบุว่า เรโนด์ ตกเป็นเป้าของทหารรัสเซีย ซึ่งเหตุการณ์นี้ยังมีนักข่าวอีก 2 คน ที่ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หนึ่งในนั้นคือ ฮวน อาร์เรดอนโด (Juan Arredondo) ที่เปิดเผยว่าหลังข้ามสะพานไปเก็บภาพผู้ลี้ภัย ได้ขึ้นรถไปยังสะพานอีกแห่งหนึ่ง เมื่อผ่านจุดตรวจ ปรากฏว่าทหารเริ่มยิงมาที่รถ ทำให้คนขับกลับรถหนี แต่เรโนด์ ถูกยิงเข้าที่บริเวณคอ

สำหรับ เรโนด์ เคยทำงานให้กับสื่อหลายสำนักในสหรัฐ รวมถึงนิวยอร์กไทมส์ โดยมีประสบการณ์ทั้งในอัฟกานิสถาน อิรัก และ เฮติ อีกทั้งได้รับรางวัลด้านสื่อมวลชน “พีบอดี อวอร์ด” (Peabody Award) ประจำปี 2014 จากผลงานสารคดีเชิงข่าว ที่มีชื่อว่า ลาสต์ แชนซ์ ไฮ ( Last Chance High) ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของโรงเรียนในชิคาโกที่ต้องดูแลเด็กนักเรียนที่มีปัญหาในด้านพฤติกรรมและการควบคุมอารมณ์ ส่วน ฮวน ผู้สื่อข่าวอีกคนที่ได้รับบาดเจ็บ เขาได้รับการนำตัวส่งโรงพยาบาลและได้รับการผ่าตัดเรียบร้อย

นอกจากนี้ สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอีกหนึ่งจุดคือ เมืองยาโวริฟ ซึ่งอยู่ใกล้กับชายแดนโปแลนด์ โดยเมื่อช่วงเช้าตรู่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทางการยูเครนระบุว่า รัสเซียยกระดับการโจมตียูเครนด้วยการยิงขีปนาวุธร่อนนับสามสิบลูก ถล่มฐานที่มั่นกองทัพยูเครนในเมืองยาโวริฟ (Yavoriv) ใกล้ชายแดนโปแลนด์ ซึ่้งโปแลนด์นั้นเป็นสมาชิกขององค์การนาโตทำให้มีผู้เสียชีวิต 35 คน และยังมีผู้บาดเจ็บอีกนับร้อย และมีรายงานแจ้งว่า จุดที่โดนถล่มนั้นอยู่ใกล้กับด่านข้ามแดน ซึ่งผู้อพยพจำนวนมากใช้เส้นทางนี้ในการหลบหนีความรุนแรงของสงครามข้ามไปยังโปแลนด์ด้วย

ด้าน ประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ออกแถลงการณ์อีกครั้งเมื่อวานนี้ โดยกล่าวถึงเหตุการณ์โจมตีที่เมืองยาโวริฟและเรียกเมื่อวานนี้ซึ่งเป็นวันที่ 18 ของการถูกรัสเซียโจมตีว่า เป็นวันที่เริ่มต้นขึ้นด้วยความมืดมิด

 “วันนี้เป็นวันที่ 18 แล้ว วันที่ 18 ของสงครามที่สู้เพื่อชีวิต เพื่อยูเครน และเพื่ออิสรภาพ เริ่มต้นวันนี้ด้วยความมืดมิด ขีปนาวุธรัสเซียและระเบิดทางอากาศโจมตีประเทศของเราอีกครั้ง ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก ขีปนาวุธ 30 ลูกพุ่งเป้าไปที่ภูมิภาคลวิฟเพียงที่เดียว และผลลัพธ์ของการยิงใส่ศูนย์รักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ มีคนเสียชีวิต 35 คน และอีก 134 คนได้รับบาดเจ็บ” เซเลนสกี กล่าว

ประธานาธิบดียูเครน เรียกร้องให้นาโตประกาศเขตห้ามบิน หรือ no fly zone ในยูเครนอีกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้รัสเซียใช้เครื่องบินหรือเฮลิคอปเตอร์โจมตี อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้หลายชาติปฏิเสธที่จะทำให้เช่นนั้น เพราะหากมีการประกาศเขตห้ามบินในยูเครนจริง จะยิ่งทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งตึงเครียดขึ้นไปกว่านี้

WHO แนะยูเครน ทำลายเชื้อโรคในแล็บ ป้องกันรัสเซียโจมตีแล้วเชื้อรั่วไหล

นอกจากนี้ ประธานาธิบดียูเครน ยังกล่าวถึงความคืบหน้าของการเจรจากับรัฐบาลรัสเซียอีกด้วย ระบุว่า ทางการยูเครนได้หารือกับรัสเซียทุกวัน ผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อหาทางจัดการเจรจาระหว่างตัวเขาและประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย แต่ก็อธิบายว่า การทำงานของคณะผู้แทนยูเครนเป็นไปด้วยความยากลำบาก และในวันนี้มีการยืนยันจากทางฝั่งผู้แทนเจรจาของรัสเซียว่า ยูเครนและรัสเซียจะหารือกันอีกครั้ง

PR-โปรแกรมผลบอล-2_B PR-โปรแกรมผลบอล-2_B
TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ