เมื่อวานนี้ (16 มี.ค.) ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศของสหประชาชาติ (ICJ) ในกรุงเฮก ได้สั่งให้รัสเซียยุติการรุกรานยูเครนโดยทันที โดยกล่าวว่า ศาลไม่พบหลักฐานใด ๆ ที่สนับสนุนการอ้างเหตุผลของรัสเซียในการทำสงครามที่ว่า ยูเครนได้กระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวรัสเซียในภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครน
ศาลฯ มีมติดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง 13 ต่อ 2 เสียง สำหรับคำสั่งชั่วคราว “ให้สหพันธรัฐรัสเซียระงับการปฏิบัติการทางทหารในดินแดนยูเครนในทันที”
ยูเครนรายงาน รัสเซียโจมตีโรงละครที่มีพลเรือนหลบภัยอยู่
ไบเดนลงนามความช่วยเหลือชุดใหญ่แก่ยูเครน
โจ ไบเดน เรียก วลาดิเมียร์ ปูติน ว่าเป็น “อาชญากรสงคราม”
ในการลงมตินี้ มีเพียงตัวแทนผู้พิพากษาจากรัสเซียและจีนเท่านั้น ที่โหวตไม่เห็นด้วยกับคำสั่งนี้
แผ่นดินไหวเขย่าญี่ปุ่น ดับ 4 เจ็บนับร้อย
ประธานศาลฯ โจน โดโนฮิว ตัวแทนผู้พิพากษาจากสหรัฐฯ กล่าวว่า “ศาลฯ ไม่มีหลักฐานยืนยันข้อกล่าวหาของรัสเซียเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในดินแดนยูเครน ไม่ว่าในกรณีใด”
เธอกล่าวว่า นี่เป็นเรื่องมิชอบ เพราะอนุสัญญาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไม่ได้มอบอำนาจใด ๆ สำหรับ “การใช้กำลังในอาณาเขตของรัฐอื่น” ด้วยเหตุนี้ เธอจึงกล่าวว่า “ศาลเห็นว่ายูเครนมีสิทธิ์ที่จะไม่ต้องอยู่ภายใต้การปฏิบัติการทางทหารของสหพันธรัฐรัสเซีย”
คำตัดสินของ ICJ มีผลผูกพันภายใต้กฎบัตรของสหประชาชาติ แต่กระนั้น กลับไม่มีวิธีการบังคับใช้ ดังนั้นประเมินกันว่า ไม่น่าจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของปูติน แต่ก็กลายเป็นหลักฐานการปฏิเสธข้ออ้างที่ใช้ในการเริ่มต้นสงครามของปูตินอย่างหนักแน่น
โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน กล่าวในทวีตว่า “ยูเครนได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์ในคดีความกับรัสเซียที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ... ICJ สั่งให้หยุดการบุกรุกทันที คำสั่งมีผลผูกพันตามกฎหมายระหว่างประเทศ รัสเซียต้องปฏิบัติตามทันที การเพิกเฉยต่อคำสั่งดังกล่าวจะทำให้รัสเซียต้องโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น”
คำสั่งดังกล่าวเป็นผลจากการอุทธรณ์ของยูเครนต่อศาลเมื่อวันที่ 26 ก.พ. ที่ขอให้มีการพิจารณาคดีอย่างเร่งด่วนเกี่ยวกับข้ออ้างจากรัสเซียว่า กองกำลังยูเครนทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในเขตปกครองโดเนตสค์และลูฮันสค์
รัสเซียไม่ได้เข้าร่วมการพิจารณาคดีเบื้องต้นในวันที่ 4 มี.ค. และทนายความของรัสเซียก็ไม่มาฟังคำตัดสินเมื่อวานนี้ แต่พวกเขาส่งจดหมายไปยังศาลโดยอ้างว่า ICJ ไม่มีอำนาจในคดีนี้ เนื่องจากรัสเซียได้ให้เหตุผลการโจมตีอย่างเป็นทางการในจดหมายถึงเลขาธิการสหประชาชาติแล้ว โดยระบุเหตุผลว่าเป็นการป้องกันตัว ไม่ใช่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ด้าน มาร์โค มิลาโนวิช ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายมหาชนระหว่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัยนอตติงแฮม กล่าวว่า “ศาลยอมรับข้อโต้แย้งทั้งหมดของยูเครน”
เขาบอกว่า “ความล้มเหลวของรัสเซียในการปฏิบัติตามคำสั่งนี้จะมีผลเช่นเดียวกับการไม่ปรากฏตัว คือเป็นการแสดงการไม่เคารพกฎหมายและสถาบันระหว่างประเทศ ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง และกลายเป็นช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้ยูเครนเป็นรัฐที่ใช้วิธีการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีทางกฎหมาย”
สหประชาชาติ เตือนวิกฤตยูเครน-รัสเซีย อาจได้เห็นสงครามนิวเคลียร์
เรียบเรียงจาก The Guardian