ยูเครนโจมตีเรือรัสเซีย ในท่าเรือทางตอนใต้ ฝั่งทะเลอาซอฟ
นาโต หารือรับมือวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน จ่อเพิ่มกำลังทหารยุโรปตะวันออก
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เรียกร้องให้คนทั่วโลกออกมาร่วมชุมนุมตามสถานที่ต่าง ๆ ของเมือง เนื่องในวันครบรอบ 1 เดือน ที่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครน
เซเลนสกี ระบุว่า โลกต้องแสดงพลังในการต่อต้านสงคราม ทุกคนต้องทำให้โลกเห็นและได้ยินว่า เสรีภาพเป็นสิ่งสำคัญ ประชาชนสำคัญ สันติภาพสำคัญ และยูเครนก็มีความสำคัญ เพราะสงครามที่รัสเซียก่อขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงสงครามรุกรานยูเครน แต่มีความหมายกว้างยิ่งกว่านั้น
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา 1 วันก่อนหน้าที่จะครบรอบ 1 เดือนรัสเซียบุกยูเครน ผู้คนทั่วโลกก็พากันออกมาแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อชาวยูเครนแล้ว
บรรยากาศของสถานีรถไฟ Grand Central ในมหานครนิวยอร์ก ชาวอเมริกันเหล่านี้ชูธงชาติยูเครน พร้อมป้ายเรียกร้องให้รัสเซียยุติสงคราม หนึ่งในนั้นบอกว่า ต้องทำในสิ่งที่ตนทำได้ในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
โดยในส่วนการสู้รบและสถานการณ์การปะทะในพื้นที่ต่าง ๆ จุดที่น่าสนใจคือ กรุงเคียฟ เมืองหลวง ซึ่งกองทัพรัสเซียล้อมอยู่มาเกือบ 20 วันแล้ว ก่อนหน้านั้นรัสเซียยึดพื้นที่เมืองรอบ ๆ กรุงเคียฟไว้ แต่ล่าสุดยูเครนสามารถยึดคืนพื้นที่เหล่านั้นได้เกือบหมดแล้ว
รัสเซียยังล้อมกรุงเคียฟ ระดมโจมตีบ้านเรือนประชาชน
หน่วยข่าวกรองของกระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักรรายงานว่า กองกำลังยูเครนยึดพื้นที่คืนกลับมาได้หลายเมือง เช่น เมืองมาคาริฟ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเคียฟไปทางทิศตะวันตกประมาณ 50 กิโลเมตร รวมถึงพื้นที่ในสามเมืองใกล้กับกรุงเคียฟ ได้แก่บูชา ฮอสโตเมล และเออร์พิน กองกำลังยูเครนก็สามารถยึดคืนได้เกือบหมดแล้ว
สามเมืองนี้อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ โดยเมืองเออร์พินห่างจากใจกลางกรุงเคียฟประมาณ 24 กิโลเมตร เป็นบริเวณที่มีการต่อสู้กันดุเดือดที่สุดมาเกือบ 3 สัปดาห์
สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของนายกเทศมนตรีของกรุงเคียฟ วิตาลี คิตชโก ระบุว่า มาคาริฟ และเมืองเออร์พิน กลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังยูเครนโดยสมบูรณ์แล้ว
อย่างไรก็ตาม ความเสียหายทางฝั่งยูเครนนั้นหนักหนา โดยเฉพาะชีวิตพลเรือน นับตั้งแต่กรุงเคียฟถูกโจมตี มีพลเรือนในเมืองเสียชีวิตแล้ว 264 คน บาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก ลำพังแค่คนที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลก็มีอย่างน้อย 300 คนแล้ว ส่วนความเสียหายด้านสิ่งปลูกสร้าง เบื้องต้นอาคาร 80 หลังในกรุงเคียฟถูกทำลาย
มีหลักฐานมากมายบ่งชี้ว่า รัสเซียมุ่งเป้าโจมตีบ้านเรือนของประชาชน เช่น ย่านที่พักอาศัยแห่งนี้ในกรุงเคียฟ
เสียงจากประชาชนในพื้นที่เล่าว่า จู่ ๆ ก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น และพวกเขาคิดว่าสิ่งที่รัสเซียใช้โจมตีคือลูกระเบิด เพราะหากเป็นจรวดความเสียหายต้องมากกว่านี้
อีกเมืองทางตะวันตกของกรุงเคียฟที่ถูกระดมการโจมตีเพิ่มขึ้นก็คือ เมืองซิตโทเมีย ห่างจากกรุงเคียฟราว 150 กิโลเมตร อาคารที่ได้รับความเสียหายหลังนี้คือโรงเรียนประถม ความเสียหายและความเครียดจากสถานการณ์ทำให้คุณพ่อรายหนึ่งที่เดินทางมาดูโรงเรียนถึงกับร้องไห้ออกมา เขาเล่าว่า โรงเรียนแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ตั้งใจไว้ว่าจะให้ลูกชายเข้าเรียนในปีหน้า และตอนนี้เขารู้สึกสงสารลูกที่ต้องมาเห็นโรงเรียนที่อยากเข้าเรียนกลายเป็นซาก
มาริอูปอลเสียหายหนักสุด ซ้ำยังไม่อยู่ในเส้นทางอพยพ
กรุงเคียฟน่าเป็นห่วงแล้วแต่ยังไม่เท่ากับเมืองมาริอูปอล เมืองท่าที่สำคัญทางตอนใต้ ที่ขณะนี้กำลังเผชิญกับวิกฤตทางมนุษยธรรมหนักที่สุด มีรายงานว่าประชาชนกว่า 100,000 คนยังติดอยู่ภายในเมืองที่ถูกปิดตายโดยทหารรัสเซีย ส่วนทางอากาศเมืองนี้ถูกโจมตีอย่างหนักจากฐานกำลังของรัสเซียที่ประจำการอยู่ในทะเลดำ
มาริอูปอลวันนี้ ราวร้อยละ 90 ของเมืองเหลือแต่ซาก ภาพถ่ายดาวเทียมจากบริษัทแม็กซาร์เผยให้เห็นความย่อยยับของอาคารบ้านเรือน เขตอุตสาหกรรม โรงเรียน ไม่เว้นแม้แต่โรงพยาบาล ประชาชนกว่า 100,000 คน อยู่ในเมืองเริ่มขาดอาหารและน้ำ ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแม้แต่จากกาชาดสากลยังเข้าไปลำบาก
เมื่อวานนี้รัสเซียตกลงเปิดระเบียงมนุษยธรรมให้คนใน 9 เมือง อพยพออกมาได้ แต่ในรายชื่อไม่มีเมืองมาริอูปอล
ผู้คนบาดเจ็บล้มตายรายวันจากการโจมตีแบบไม่เลือกเป้าหมาย ชายคนหนึ่งถูกระเบิดในขณะที่กำลังเดินทางไปโรงพยาบาล เขาเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม แต่ครอบครัวเพิ่งจะมีโอกาสฝังร่างเนื่องจากก่อนหน้านี้อากาศหนาวจัดและดินแข็งเกินไปที่จะขุดหลุมฝัง
ญาติผู้เสียชีวิต เล่าว่า การฝังศพเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ครอบครัวพอจะทำให้ผู้เสียชีวิตได้ ท่ามกลางสถานการณ์อันตรายแบบนี้
สำหรับสาเหตุที่รัสเซียโจมตีเมืองมาริอูปอลอย่างหนัก เพราะเมืองนี้นอกจากเป็นเมืองท่าเศรษฐกิจหลักของยูเครนแล้ว ที่นี่ยังเป็นฐานที่มั่นของกองพันอาซอฟ กองกำลังกึ่งทหารที่ทำให้กองทัพรัสเซียเสียหายหนักในคราวที่รัสเซียผนวกไครเมีย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมาริอูปอล เมื่อปี 2014 รัสเซียขึ้นป้ายกองพันอาซอฟเป็นกลุ่มหัวรุนแรงและต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก
อีกประการหนึ่งคือ หากได้เมืองมาริอูปอลซึ่งตั้งอยู่ระหว่างไครเมียกับภูมิภาคดอนบาส หมายความว่า รัสเซียจะสามารถเชื่อมไครเมียเข้ากับแผ่นดินรัสเซียได้สำเร็จ เพราะในภูมิภาคดอนบาสมีกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนรัสเซียอยู่
อย่างไรก็ตามถึงแม้รัสเซียจะระดมการโจมตีอย่างหนัก แต่ก็ยังไม่สามารถยึดเมืองสำคัญของยูเครนเพิ่มได้แม้แต่เมืองเดียว ยกเว้นเมืองเคอร์ซอน เมืองทางตอนใต้ ซึ่งที่นั่นเองทหารรัสเซียก็เจอกับการประท้วงของชาวเมืองเช่นกัน
สถานการณ์เช่นนี้ที่รัสเซียทำไม่ได้ตามเป้าหมายส่งผลให้คาดการณ์ว่า รัสเซียอาจระดมกำลังทั้งทหารและอาวุธเพิ่มมากขึ้น หน่วยข่าวกรองกระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักรเปิดเผยรายงานล่าสุดว่า รัสเซียอาจมีการเรียกกำลังพลสำรองหรือนักรบรับจ้างจากต่างชาติเพื่อเข้ามาเสริมกำลังในยูเครน โดยหลักๆ จะเป็นการเสริมในส่วนของกองกำลังภาคพื้นดินที่สูญเสียค่อนข้างหนัก
ขณะที่ในภาพรวมตลอดการโจมตีช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา คาดการณ์ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นต่ออาคารต่างๆ ในยูเครนนั้นมีมากถึง 1,500 แห่ง
ประกอบไปด้วย
- อาคารที่พักอาศัยกว่า 900 อาคาร
- โรงพยาบาลและศูนย์ดูแลผู้ป่วยอย่างน้อย 23 แห่ง
- โรงเรียน 330 แห่ง
- อาคารที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม 27 อาคาร
- อาคารพาณิชย์ 98 อาคาร
- ไปจนถึงคลังเก็บอาหารและผลิตผลทางการเกษตร 11 แห่ง
ด้านจำนวนผู้เสียชีวิต คาดกันว่าฝ่ายยูเครนมีพลเรือนเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 2,000 ราย จำนวนนี้ไม่สามารยืนยันได้ เพราะอย่างเมืองมาริอูปอลที่เผชิญกับการโจมตีหนักที่สุด นายกเทศมนตรีของเมืองเองระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตอาจสูงถึง 20,000 ราย