เปิด 3 ปัจจัย ยูเครนต้านกองกำลังรัสเซียได้นานเกินคาด


โดย PPTV Online

เผยแพร่




1 เดือนเต็ม ของการรุกรานเต็มรูปแบบของรัสเซียบนแผ่นดินยูเครน ซึ่งถือว่าผิดแผนจากที่รัสเซียคาดไว้ เพราะรัสเซียตั้งเป้าที่จะปฏิบัติการสายฟ้าแลบในยูเครนและตั้งรัฐบาลใหม่ในไม่กี่วัน แต่รัสเซียกลับยึดได้เพียงเมืองรอบ ๆ และยังเข้าไม่ถึงกรุงเคียฟเมืองหลวงของยูเครน อะไรทำให้ยูเครนต้านทานรัสเซียได้นานขนาดนี้?

นาโตคาด รัสเซียบุกยูเครน 1 เดือน สูญเสียไพร่พลไปแล้ว 7,000-15,000 นาย

ยูเครนโจมตีเรือรัสเซีย ในท่าเรือทางตอนใต้ ฝั่งทะเลอาซอฟ

บรรดานักวิเคราะห์ทั้งทางด้านยุทธศาสตร์ การทหารและการรบหลายคน ได้ให้ความเห็นกับสื่อต่าง ๆ แตกต่างกัน เกี่ยวกับสาเหตุที่ยูเครนยังสามารถต้านกองทัพรัสเซียไว้ได้นานถึงหนึ่งเดือน ทั้งที่ดูเสียเปรียบในทุก ๆ ด้าน

เมื่อสรุปความเห็นจากบรรดานักวิชาการออกมา จะพบว่ามี 3 ประเด็นใหญ่ ๆ ที่นักวิเคราะห์มีความเห็นใกล้เคียงกัน คือ ขวัญกำลังใจ อาวุธ และยุทธศาสตร์ที่ดี สามสิ่งนี้ทำให้ยูเครนยังสามารถยืนหยัดมาได้จนถึงวันนี้

ปัจจัยข้อที่หนึ่ง ขวัญกำลังใจ นักวิเคราะห์มองว่า ยูเครนมีขวัญกำลังใจที่ดีในการรบครั้งนี้ ทั้งจากประธานาธิบดี เจ้าหน้าที่ระดับภูมิภาคและระดับเมือง ประชาชนยูเครนด้วยกันเอง ไปจนถึงประชาคมโลก

ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีได้ออกแถลงการณ์เกือบทุกวัน รายงานความเสียหายที่เกิดขึ้น ชี้แจงเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสนามรบ

นอกจากนี้เขายังปรากฏตัวผ่านวิดีโอคอลในสภาต่างประเทศเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนานาชาติว่าเขาพร้อมสู้กับการรุกรานครั้งนี้ ในอีกแง่หนึ่งก็เป็นการยืนยันกับประชาชนยูเครนว่าเขาจะไม่ทิ้งประชาชนเช่นกัน

ส่วนชาวยูเครนที่ไม่ใช่ทหารอาชีพก็ต่างก็สละเวลามาเพื่อเข้าร่วมฝึกการรบ เพราะเชื่อว่าวันหนึ่งรัสเซียจะต้องกลับมาหลังการผนวกไครเมียเมื่อปี 2014 การฝึกในครั้งนี้ทุกคนมีเป้าหมายเพื่อเป็นกำลังเสริมหากรัสเซียบุกยูเครน  นั่นทำให้ยูเครนมีคนที่พร้อมต่อสู้กับรัสเซียเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากตัวเลขที่หน่วยงานต่าง ๆ ได้ประเมินไว้

นอกจากนี้นักวิเคราะห์มองว่า ประธานาธิบดีปูติน ประเมินผิดพลาดในเรื่องขวัญกำลังใจของชาวยูเครนที่พร้อมจะปกป้องแผ่นดินเกิด ขณะเดียวกันกองทัพรัสเซียก็ไม่เคยเรียนรู้เรื่องนี้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในสงครามเชชเชนและสงครามในอัฟกานิสถาน ที่ประชาชนรวมตัวกันต่อต้านกองทัพรัสเซีย

 

โดยในสงครามเชเชน นักรบของเชเชนสามารถต้านรัสเซียไว้ได้นานถึง 4 ปีตั้งแต่ปี 1991-1994 โดยอาวุธที่ใช้นั้นมีเพียงระเบิดมือ ปืนกลเบา และอาวุธแบบพกพาเท่านั้น  ระยะเวลากว่า 4 ปีที่เกิดขึ้น สะท้อนถึงความล้มเหลวของรัสเซียในการประเมินขวัญกำลังใจซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเสริมศักยภาพของคู่ต่อสู้ เพราะวันแรกที่ทำสงคราม ปาเวล กราเชฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของรัสเซียในขณะนั้นกล่าวว่า จะจบสงครามเชเชนในเวลา 2 วัน

อย่างไรก็ตาม เดือนกุมภาพันธ์ ปี 1995 รัสเซียเป็นผู้ชนะในสงครามครั้งนี้ หลังจากที่รัสเซียเปลี่ยนกลยุทธ์การรบมาเป็นการทิ้งระเบิด และการยิงขีปนาวุธถล่มเชเชน

ปัจจัยข้อที่สอง คือ อาวุธที่ดี  แม้ยูเครนจะไม่มีกำลังพลมากเท่ารัสเซีย แต่ยูเครนได้รับอาวุธทันสมัยจากชาติตะวันตกอย่าง สหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ ในจำนวนที่มากพอที่จะยืนหยัดต่อสู้กับกองทัพรัสเซียได้ โดยอาวุธที่ได้รับมีหลากหลายชนิดตั้งแต่อาวุธเบาไปจนถึงอาวุธหนัก

อย่างไรก็ตามมีอาวุธ 2 ชนิดที่นักวิเคราะห์มองว่าทำให้ยูเครนสามารถพลิกสถานการณ์การสู้รบกลับมาตั้งรับกองทัพรัสเซียได้

- ชิ้นแรกคือ ขีปนาวุธต่อต้านรถถัง หรือ Next generation Light Anti-tank Weapon หรือชื่อย่อว่า NLAWs  อาวุธตัวนี้ยูเครนได้รับมอบมาจากสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ โดย NLAWs  เป็นขีปนาวุธชนิดประทับบ่าที่บรรจุมิสไซล์แบบใช้ครั้งเดียวประกอบกับตัวแนะนำระยะขีปนาวุธ อาวุธชนิดนี้ใช้เวลาออกแบบถึง 10 ปีตามคำสั่งของกองทัพสวีเดนและผลิตโดยบริษัทของสหราชอาณาจักร ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี 2009 ขีปนาวุธชนิดประทับบ่ารุ่นนี้สามารถทำลายรถถังของรัสเซียได้ด้วยพิสัยการยิงที่ 20-800 เมตร จนถึงตอนนี้ทำให้ยูเครนทำลายรถถังของรัสเซียในสนามรบไปได้จำนวนมาก

- ชิ้นที่สองคือ FGM-148 Javelin หรือ แหลนพิฆาตรถถัง เป็นอาวุธสำหรับโจมตีรถถังใช้ระบบการยิงแบบตรวจจับความร้อนรังสีอินฟราเรด เมื่อยิงจรวดออกไปแล้ว ตัวจรวจจะทะยานสู่ท้องฟ้าและทำวิถีโค้งบริเวณด้านบนของรถถังซึ่งเป็นส่วนที่บางกว่าด้านอื่น ๆ

ทั้งนี้อาวุธที่ยูเครนได้รับมาจากชาติตะวันตก สามารถทำให้ยูเครนรับมือกับกองทัพรัสเซียได้ นักวิเคราะห์มองว่านี่คือการแก้มือและการเรียนรู้ของยูเครน หลังจากเหตุการณ์ผนวกคาบสมุทรไครเมียเมื่อปี 2014 ในตอนนั้นยูเครนยังไม่มีอาวุธเพื่อต่อสู้กับรถถังทำให้ยูเครนเสียเปรียบและแพ้รัสเซีย

 

ปัจจัยข้อที่สาม สิ่งที่ทำให้ยูเครนยังยืนหยัดมาได้จนถึงตอนนี้คือ ยุทธวิธีที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการวางแผน หรือ การใช้สื่อ  นักวิเคราะห์มองว่า ยุทธวิธีของยูเครนนั้นกลายเป็นสิ่งที่ดี เพราะ

1. ทำให้ประธานาธิบดีปูตินและกองทัพรัสเซียคำนวณผิดพลาด จากที่ตอนแรกผู้นำรัสเซียต้องการจะยึดกรุงเคียฟให้ได้ภายในระยะเวลาไม่กี่วันเหมือนที่ทำกับจอร์เจีย ในการรุกรานจอร์เจีย รัสเซียใช้เวลาเพียง 5-6 วัน และใช้ข้ออ้างเดียวกันกับที่ทำกับยูเครนตอนนี้ คือ อ้างว่าส่งทหารเข้าไปปฏิบัติการพิเศษเพื่อยุติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในพื้นที่ทางตอนใต้ของจอร์เจีย ที่ชื่อว่าออสเตเชียน

2. กองทัพรัสเซียไม่ถนัดการรบในเมือง หรือ Urban warfare รัสเซียเองเคยมีประสบการณ์ล้มเหลวแบบนี้มาแล้วในสงครามเชเชน  นักวิเคราะห์มองว่ากองทัพยูเครนเชี่ยวชาญและได้เปรียบเรื่อง Urban warfare มากกว่าเนื่องจากเป็นพื้นที่ของยูเครน สังเกตได้จากการที่กองทัพยูเครนใช้กองกำลังประจำการตามพื้นที่ป่าและชุมชนที่เลียบกับถนนสายหลักที่กองทัพรัสเซียเคลื่อนเข้ามายังยูเครน เช่น ถนนในเมืองอีวานคีฟ เชอร์นิฮีฟ และคาร์คีฟ

3. ยุทธวิธีของยูเครนนั้นเกิดจากการเรียนรู้ประสบการณ์ในอดีตจากทั้งความผิดพลาดของตนเองและของรัสเซีย สังเกตได้จากการที่ผู้นำยูเครนและนายกเทศมนตรีกรุงเคียฟพูดกับชาติตะวันตกว่าเราต้องการอาวุธป้องกันตัว  ยูเครนเรียนรู้เรื่องนี้จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับไครเมียที่ยูเครนไม่มีอาวุธพอจะสู้กับรถถังจำนวนมากของรัสเซียได้  และการที่เซเลนสกีขอให้ประกาศเขตห้ามบินนั้นก็เป็นยุทธวิธีที่ยูเครนคาดการณ์จากพฤติกรรมทางการทหารของรัสเซียที่เคยใช้เครื่องบินในเชเชนเพื่อปิดสงคราม 4 ปีในช่วงกลางทศวรรษ 1990แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับการตอบสนองจากนาโตต่อข้อเรียกร้องนี้ 

นอกจากนี้การพูดเรื่องอาวุธเคมีและการโจมตีพื้นที่พลเรือนก็เป็นการคาดเดามาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในสงครามซีเรียเมื่อช่วงต้นทศวรรษ 2000 

 

แต่สิ่งที่ยังคาดเดาไม่ได้ในตอนนี้คือ รัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์หรืออาวุธชีวภาพหรือไม่?  การใช้อาวุธสองชนิดนี้ นักวิเคราะห์มองว่าอาจจะเป็นไพ่ใบสุดท้ายที่ช่วยให้รัสเซียปิดฉากสงครามนี้ได้อย่างสมบูรณ์ เพราะทางโฆษกรัฐบาลรัสเซียก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้จากการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNN เมื่อวานนี้ นี่คือสิ่งที่ทั่วโลกกำลังเป็นกังวลและต้องจับตาอย่างใกล้ชิดต่อไป

TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ