เยอรมนีดักฟัง ทหารรัสเซียคุยกันเรื่อง “เจตนาสังหารพลเรือนยูเครน”


โดย PPTV Online

เผยแพร่




หน่วยข่าวกรองเยอรมนีดักสัญญาณวิทยุทหารรัสเซีย ได้หลักฐานสำคัญ ว่ารัสเซียอาจจงใจสังหารพลเรือนจริง

สื่อต่างประเทศรายงานว่า หน่วยข่าวกรองต่างประเทศของเยอรมนี (BND) จับสัญญาณวิทยุที่ทหารรัสเซียใช้พูดคุยกันได้ โดยมีเนื้อความการสนทนาพูดถึงการวางแผนสังหารพลเรือนยูเครน โดยเมื่อวันพุธ (6 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ BND ได้นำหลักฐานนี้ยื่นต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของเยอรมนีเรียบร้อยแล้ว

Spiegel สื่อท้องถิ่นของเยอรมนี รายงานว่า การสื่อสารที่ดักฟังได้นั้น มีความเกี่ยวข้องกับความโหดร้ายที่เกิดขึ้นในเมืองบูชาทางเหนือของเคียฟ ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมามีการรายงานภาพความโหดร้ายที่เกิดขึ้น หลังมีพลเรือนหลายร้อยคนถูกสังหาร

ฟินแลนด์ ผวารัสเซีย เตรียมหารือสภาขอเข้าเป็นสมาชิกนาโต

ยุโรป ลงมติคว่ำบาตรรัสเซียรอบ 5 เลิกซื้อถ่านหิน ตอบโต้สังหารหมู่ในยูเครน

สหรัฐฯชี้ “ปูติน” ก่ออาชญากรรมสงคราม เร่งรวบรวมหลักฐานเอาผิด

โดยข้อมูลในบทสนทนาของทหารรัสเซียมีความสอดคล้องกับสถานที่และวัตถุที่อยู่ในที่เกิดเหตุที่ชาวเมืองบูชาถูกสังหาร

เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากรัสเซียถอนทัพไปจากพื้นที่รอบ ๆ กรุงเคียฟ ทางยูเครนพบหลุมฝังศพจำนวนมากในเมืองบูชา และมีศพพลเรือนหลายสิบศพถูกทิ้งไว้ตามพื้นถนน มือของผู้เสียชีวิตบางรายถูกมัดไว้ ขณะที่บางศพแสดงอาการที่ทำให้ทราบว่ารู้สึกทรมานก่อนเสียชีวิต ยูเครนเชื่อว่ามีผู้หญิงและเด็กจำนวนมากที่ตกเป็นเหยื่อ

ด้านรัฐบาลรัสเซียได้ออกมาปฏิเสธอย่างรุนแรงต่อคำกล่าวหาที่ว่า ทหารรัสเซียเป็นผู้สังหารโหดพลเรือนยูเครน แน่นอนว่าผู้นำโลกหลายคนไม่เชื่อ เช่น โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ที่ออกมาประณามการกระทำของรัสเซียว่าเป็น “อาชญากรรมสงคราม”

แหล่งข่าวอ้างว่า ในการสื่อสารทางวิทยุ ทหารรัสเซียได้พูดคุยถึงวิธีที่พวกเขาเค้นสอบทหารยูเครนและพลเรือนก่อนที่จะยิงพวกเขาทิ้ง

ตามรายงานของ Spiegel ระบุว่า เจ้าหน้าที่ BND ได้ส่งหลักฐานนี้ไปยังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะเป็นหลักฐานที่ “ทำให้การปฏิเสธของรัสเซียเป็นโมฆะโดยสิ้นเชิง”

ในการสนทนาทางวิทยุช่วงหนึ่ง เจ้าหน้าที่ BND ได้ยินเสียงทหารรัสเซียคุยกันว่า เขาและทหารอีกคนหนึ่งเคยยิงคนที่กำลังขี่จักรยานได้ ซึ่งหนึ่งในศพที่ยูเครนพบก็มีผู้ที่เสียชีวิตอยู่ข้างจักรยานจริง

ในการสื่อสารอีกช่วงหนึ่ง ได้ยินชายคนหนึ่งพูดว่า “ก่อนอื่นต้องเค้นถามข้อมูลทหารยูเครนก่อน แล้วค่อยยิงพวกเขาทิ้ง”

เมื่อวาน (7 เม.ย.) อนาโตลี เฟโดรุก นายกเทศมนตรีเมืองบูชา กล่าวว่า ยังคงพบศพในเมืองอยู่เรื่อย ๆ โดยจนถึงขณะนี้ระบุตัวตนพลเรือนที่เสียชีวิตได้ 320 คนแล้ว “เกือบ 90% ของผู้เสียชีวิต มีร่องรอยถูกกระสุนยิง ไม่ใช่เศษกระสุน”

ขณะนี้ในยูเครน ทีมบรรเทาทุกข์ด้านมนุษยธรรมและอาสาสมัครจากองค์กรต่าง ๆ กำลังสำรวจพื้นที่รอบ ๆ กรุงเคียฟซึ่งยึดคืนมาจากกองทหารรัสเซีย เพื่อสำรวจความเสียหายและความสูญเสียที่เกิดขึ้น และยังคงทยอยพบหลักฐานความโหดร้ายที่รัสเซียกระทำต่อพลเรือนยูเครนอย่างต่อเนื่อง

พลเรือนรอบพื้นที่เมืองหลวงเริ่มสามารถกลับบ้านของตัวเองได้ หลังจากเจ้าหน้าที่เก็บกู้กับระเบิดและเคลียร์ซากปรักหักพังของรถถังและรถยนต์ออกไปได้

ชาวบ้านที่ได้กลับบ้านพบว่า บ้านของพวกเขาบ้างถูกขโมยข้าวของ บ้างถูกทำลายเสียหาย เพื่อนบ้านหายไป มีศพเน่าเปื่อยในห้องใต้ดิน

นอกจากนี้ เมื่อวันพฤหัสบดี (7 เม.ย.) แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ตีพิมพ์รายงานที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับอาชญากรรมสงครามในภูมิภาคเคียฟ โดยอิงจากการสัมภาษณ์กับคน 20 คนที่พบเห็นหรืออยู่ในสถานการณ์ความรุนแรง

ผู้หญิงคนหนึ่งในหมู่บ้านทางตะวันออกของเมืองหลวง บอกว่า เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ทหารรัสเซีย 2 คนเข้ามาในบ้านของเธอ ฆ่าสามีของเธอ และข่มขืนเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยใช้ปืนจ่อไว้ ในขณะที่ลูกชายตัวน้อยของเธอซ่อนตัวอยู่ใกล้ ๆ หลังจากนั้นเธอก็สามารถหลบหนีไปยังดินแดนที่อยู่ในความควบคุมของยูเครนได้

ส่วนที่ในหมู่บ้านวอร์เซล นาตาลียา คาโชวา และวาเลรี คาโชวา เล่าว่า พวกเขาออกมาจากห้องหลบภัยใต้ดินเมื่อวันที่ 3 มี.ค. เพื่อตรวจสอบว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร โดยบอก คาเทรีนา ลูกสาววัย 18 ปีของพวกเขาให้ซ่อนตัวไว้ หลังจากได้ยินเสียงปืน คาเทรีนาจึงออกจากห้องใต้ดินและพบว่าพ่อแม่ของเธอนอนตายอยู่บนถนน พ่อของเธอถูกยิงที่หลัง 6 ครั้ง และแม่ของเธอถูกยิงที่หน้าอก 1 ครั้ง เธอได้รับความช่วยเหลือในการออกจากวอร์เซลเมื่อวันที่ 10 มี.ค.

วินาทีนักข่าวจีนหนีตาย เหตุโจมตีในสมรภูมิโดเนตสค์

ค่าบาทเช้านี้ "ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง"

แอ็กเนส คัลลามาร์ด เลขาธิการของแอมเนสตี้กล่าวว่า “คำให้การเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า พลเรือนที่ไม่มีอาวุธในยูเครนกำลังถูกสังหารในบ้านและตามท้องถนนด้วยการกระทำโหดร้ายที่ไม่อาจบรรยายได้และความทารุณที่น่าตกใจ ... การจงใจฆ่าพลเรือนเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและเป็นอาชญากรรมสงคราม การเสียชีวิตเหล่านี้ต้องได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด และผู้รับผิดชอบต้องถูกดำเนินคดี รวมถึงผู้ที่ออกคำสั่งหรือบังคับบัญชาด้วย”

 

เรียบเรียงจาก The Guardian

ภาพจาก AFP

TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ