เหตุโจมตีสถานีรถไฟยูเครน มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 52 ราย


โดย PPTV Online

เผยแพร่




จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีสถานีรถไฟในประเทศยูเครนเพิ่มขึ้นเป็น 52 ราย โดยรัสเซียยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ตามที่ยูเครนและสหรัฐฯกล่าวหา

พาฟโล คีรีเลนโก ผู้ว่าการภูมิภาคโดเน็ตสก์ ของยูเครน ระบุว่า ผู้เสียชีวิตจากเหตุขีปนาวุธโจมตีสถานีรถไฟในเมืองครามาทอร์สก์ (Kramatorsk)เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 52 คน โดยอาวุธที่กองกองทัพรัสเซียใช้ขีปนาวุธพิสัยใกล้ทอชก้า อู (Tochka U) ที่มีระเบิดพวงจำนวนมาก ซึ่งระเบิดขึ้นกลางอากาศ และปล่อยระเบิดร้ายแรงไปในวงกว้าง เพื่อสร้างความหวาดกลัวและตื่นตระหนกให้กับประชาชน และมุ่งหมายเอาชีวิตผู้บริสุทธิ์ให้ได้มากที่สุด

กรุงเคียฟ เมืองหลวงยูเครน พร้อมรับมือรัสเซียโจมตีรอบใหม่

ปฏิกิริยาโลกลูกหนังกับวิกฤตสงคราม "รัสเซีย-ยูเครน"

รัสเซียกลายเป็นชาติที่ถูกคว่ำบาตรมากที่สุด

ด้านนายกเทศมนตรีเมืองครามาทอร์สก โอเล็กซานเดอร์ ฮอนชาเรนโก ประเมินว่า มีประชาชนอยู่ที่สถานีรถไฟราว 4,000 คน ในช่วงเวลาเกิดเหตุ บางคนต้องสูญเสียแขนขาจากเหตุโจมตี

ขณะที่ ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน  ระบุว่า การโจมตีสถานีรถไฟแห่งนี้ เป็นเหตุอาชญากรรมสงครามอีกครั้งหนึ่งจากฝีมือของฝ่ายรัสเซีย และเป็นการโจมตีพลเรือนยูเครนโดยเจตนา

ส่วน ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ กล่าวหารัสเซียอยู่เบื้องหลังเหตุดังกล่าว โดยระบุว่า การโจมตีสถานีรถไฟในยูเครน เป็นความโหดร้ายอันน่าสยดสยองอีกประการที่กระทำโดยรัสเซีย ด้วยการโจมตีพลเรือนที่ต้องการอพยพและเดินทางไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัย

ขณะเดียวกัน เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยว่ารัฐบาลสหรัฐจะสนับสนุนการสืบสวนหาข้อเท็จจริงเหตุโจมตีรถไฟเมืองครามาทอร์สก์ ซึ่งขณะเกิดเหตุเต็มไปด้วยผู้ลี้ภัยการสู้รบที่เป็นทั้งผู้หญิง เด็ก และ ผู้สูงอายุ

ขณะที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยันว่าการโจมตีสถานีเมืองครามาทอร์สก์ไม่ใช่ฝีมือของทหารรัสเซีย โดย อิกอร์ โคนาเชนคอฟ  (IGOR KONASHENKOV)   โฆษกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระบุว่าเหตุดังกล่าวเป็นฝีมือของทหารยูเครนที่ประจำการอยู่ไม่ไกลจากเมืองครามาทอร์สก์

ขณะที่รัฐบาลรัสเซีย ระบุเมื่อวานนี้ว่า ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน “อาจสิ้นสุดในอนาคตอันใกล้” ด้วยเป้าหมายในการบรรลุภารกิจของกองทัพและฝ่ายเจรจาสันติภาพของรัสเซีย ส่วน สหภาพยุโรป  หรือ  อียู ประกาศมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่ต่อรัสเซียรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลรัสเซีย

โดย ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรครั้งล่าสุด ได้มีการอายัดทรัพย์สินและห้ามการเดินทางสำหรับบุคคล 216 คน ซึ่งรวมถึง แคเทอรินา ทิโคโนวา ( Katerina Tikhonova)  และ มาเรีย โวรอนท์โซวา (Maria Vorontsova) บุตรสาวสองคนของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์  ปูติน ของรัสเซีย โดย ทั้ง 2 คน  ได้ถูกสหรัฐคว่ำบาตรไปแล้วก่อนหน้านี้ เนื่องจากเชื่อว่าช่วยผู้เป็นพ่อซุกซ่อนทรัพย์สิน

นอกจากนี้ สหภาพยุโรปได้คว่ำบาตรบริษัทอีก 18 แห่ง ซึ่งรวมถึงธนาคารที่ใหญ่ที่สุด 5 แห่งของรัสเซีย และยังมีการห้ามนำเข้าถ่านหินจากรัสเซีย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่อียูได้มีการประกาศมาตรการคว่ำบาตรกับภาคพลังงานของรัสเซีย

อียูยังห้ามนำเข้าสินค้าอื่นๆ ของรัสเซียซึ่งรวมถึงวอดก้าและเคมีภัณฑ์ ที่คาดว่าจะคิดเป็นสัดส่วนอย่างน้อยถึง 10% ของการนำเข้าสินค้าทั้งหมดจากรัสเซีย และยังมีการห้ามการส่งออกสินค้าไปยังรัสเซียที่รวมถึงน้ำมันเครื่องบินและอุปกรณ์การขนส่ง และห้ามการส่งออกเทคโนโลยีรวมถึงคอมพิวเตอร์ควอนตัม เซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับไฮเอนด์

นอกจากนี้ อียูยังห้ามเรือรัสเซียใช้ท่าเรือของอียูทั้งหมด และห้ามรถบรรทุกของรัสเซียและเบลารุสเข้าไปในอาณาเขตของอียู ยกเว้น รถขนส่งผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ อาหาร หรือความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม

PR-โปรแกรมผลบอล-2_B PR-โปรแกรมผลบอล-2_B
TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ