ยูเครนล่าตัว “คนทรยศ” บอกข้อมูล-ชี้เป้าให้กองทัพรัสเซีย


โดย PPTV Online

เผยแพร่




ยูเครนตามล่าตัว “คนทรยศ” ที่ให้ข้อมูลรัสเซีย ชี้เป้าโจมตีให้รัสเซีย รวมถึงโพสต์เชียร์รัสเซีย ภายใต้กฎหมายฉบับใหม่

หลังจากที่รัสเซียเริ่มบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. รัฐสภายูเครนก็ได้ผ่าน “กฎหมายปราบปรามการร่วมมือกับรัสเซีย” ซึ่งตราโดยรัฐสภาของยูเครนและลงนามโดยประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี

โดยผู้ที่มีพฤติกรรมให้ความร่วมมือกับกองทัพรัสเซียในการโจมตียูเครน แสดงความเห็นด้วยกับการรุกรานของรัสเซีย อาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี และหากใครก็ตามที่มีส่วนทำให้มีผู้เสียชีวิตอาจต้องโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต

2 เดือนรัสเซียบุกยูเครน วิกฤตมนุษยธรรม-วิกฤตอาหารโลก

สภาสหรัฐฯโหวตท่วมท้น ผ่าน กม.สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ยูเครนยืมอาวุธ - รัสเซียลั่นพร้อมตอบโต้

ทหารอาสาอังกฤษ-สหรัฐฯ เสียชีวิต ช่วยยูเครนสู้จนตัวตาย

กฎหมายนี้ถูกตราขึ้นเนื่องจากว่า แม้รัฐบาลของเซเลนสกีจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างกว้างขวาง แม้แต่ในหมู่ผู้พูดภาษารัสเซียจำนวนมาก แต่ก็ไม่ใช่ชาวยูเครนทุกคนที่ต่อต้านการรุกราน และการสนับสนุนรัสเซียก็ยิ่งเป็นเรื่องปกติมากในหมู่ชาวดอนบาสทางตะวันออก

ที่ผ่านมา มีนักธุรกิจ ข้าราชการพลเรือน เจ้าหน้าที่รัฐ และสมาชิกกองทัพบางส่วน ได้เดินทางไปยังฝั่งรัสเซียเพื่อแปรพักตร์ ขณะที่สำนักงานสืบสวนสอบสวนแห่งรัฐยูเครนกล่าวว่า มีการแจ้งความคดีอาญามากกว่า 200 คดีเกี่ยวกับการให้ร่วมมือกับรัสเซีย

เจ้าหน้าที่ยูเครนรายงานว่า มีกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่สนับสนุนรัสเซียในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ทำหน้าที่เป็น “ผู้ชี้เป้า” เพื่อชี้นำการยิงอาวุธของรัสเซียให้โดนเป้าหมายอย่างแม่นยำ

ก่อนหน้านี้ เซเลนสกียังได้ปลดเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงยูเครน (SBU) ยศระดับนายพล 2 คนออกจากตำแหน่ง หลังมีข้อกล่าวหาว่าพวกเขาทรยศยูเครน

เคสหนึ่งที่มีรายคือ วิกเตอร์ (ไม่เปิดเผยนามสกุล) ในเมืองคาร์คิฟ ถูกหน่วยความมั่นคงยูเครนบุกเข้าจับกุม หลังเขาโพสต์ข้อความยกย่องประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ลงในโซเชียลมีเดีย โดยแสดงความชื่นชมที่รัสเซียต่อสู้กับนาซี

“ใช่ ผมสนับสนุนให้รัสเซียบุกยูเครนอย่างมาก แต่ผมเสียใจ. … ผมเปลี่ยนใจแล้ว” วิกเตอร์กล่าว

เฉพาะในภูมิภาคคาร์คิฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน ได้มีการจับกุมผู้ที่ทำผิดกฎหมายปราบปรามการร่วมมือกับรัสเซียไปแล้วถึง 400 กว่าราย

โรมัน ดูดิน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ SBU ประจำภูมิภาคคาร์คิฟกล่าวว่า “เป้าหมายหลักประการหนึ่งของเราคือ ต้องไม่มีใครแทงข้างหลังกองกำลังของเรา”

ที่เมืองบูชา นายกเทศมนตรี อนาโตลี เฟโดรุก กล่าวว่า มีคนในเมืองที่ให้ความช่วยเหลือกองทัพรัสเซีย โดยมอบรายชื่อและที่อยู่ของนักเคลื่อนไหวที่สนับสนุนยูเครนและเจ้าหน้าที่ยูเครนให้กับกองทัพรัสเซีย ส่งผลให้คนในรายชื่อหลายร้อยคนถูกจับมัดมือไว้ข้างหลังแล้วยิงทิ้ง หรือบางคนก็ถูกกองกำลังรัสเซียจุดไฟเผา

“ผมเห็นรายชื่อสั่งตายเหล่านี้ ซึ่งเขียนโดยคนทรยศ กองทัพรัสเซียรู้ล่วงหน้าว่าพวกเขากำลังจะไปหาใคร ที่อยู่ที่ไหน และใครอยู่ที่นั่น ... แน่นอนว่าทางการยูเครนจะตามหาและลงโทษคนทรยศเหล่านี้ให้ได้” เฟโดรุกกล่าว และเสริมว่า เขาพบชื่อของตัวเองอยู่ในรายชื่อที่คนทรยศเขียนให้กองทัพรัสเซียด้วย

ส่วนที่เมืองท่ามาริอูปอล เจ้าหน้าที่ยูเครนกล่าวหาว่า มีผู้ที่ร่วมมือช่วยรัสเซียตัดกระแสไฟฟ้า น้ำประปา ก๊าซ และการสื่อสารในพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมือง

วาดิม บอยเชนโก นายกเทศมนตรีเมืองมาริอูปอล กล่าวว่า “ตอนนี้ผมเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่า ทำไมรัสเซียจึงโจมตีได้อย่างแม่นยำ ทำไมโจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญได้ ทำไมรู้ที่ตั้งสถานที่ทั้งหมด และแม้กระทั่งเวลาที่รถบัสอพยพผู้ลี้ภัยจะออกเดินทางพวกเขาก็รู้”

อย่างไรก็ตาม กฎหมาย “ล่าคนทรยศ” ของยูเครนนี้ ถือเป็นเรื่องที่ผิดในสายตานักสิทธิมนุษยชน

โวโลดิเมียร์ ยาวอร์สกี ผู้ประสานงานศูนย์เสรีภาพพลเมือง หนึ่งในกลุ่มสิทธิมนุษยชนที่ใหญ่ที่สุดในยูเครน กล่าวว่า กลุ่มสิทธิมนุษยชนทราบดีว่ามีการจับกุมกักขังนักเคลื่อนไหวที่สนับสนุนรัสเซีย แต่ยังไม่ทราบจำนวนผู้ที่ถูกจับกุมที่ชัดเจน

“เราไม่มีข้อมูลที่สมบูรณ์ของทั้งประเทศ เนื่องจากข้อมูลทั้งหมดถูกจัดการโดย SBU” ยาวอร์สกีกล่าว

เขาเสริมว่า ภายใต้กฎหมายใหม่และกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายภายใต้กฎอัยการศึก ทำให้บุคคลในยูเครนสามารถถูกควบคุมตัวได้นานถึง 30 วันโดยไม่ต้องมีคำสั่งศาล และทางการสามารถที่จะไม่แจ้งทนายฝ่ายจำเลยได้

“ผลคือ คนเหล่านี้หายตัวไป และตามหาตัวไม่เจอเป็นเวลา 30 วัน” ยาวอร์สกีกล่าว

ด้าน ราวินา ชัมดาซานี โฆษกสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่าหน่วยงานของเธอได้บันทึก “กรณีการจับกุมและกักขังผู้ที่ถูกกล่าวหาโดยเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของยูเครน ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบของการละเมิดสิทธิมนุษยชน” และกำลังสืบสวนข้อมูลจากรัฐบาลยูเครน

เธอกล่าวว่า หน่วยงานของเธอกำลังตรวจสอบ 8 คดีที่ “ดูเหมือนจะเป็นการหายตัวไปของผู้ที่ถูกมองว่าเป็น 'ผู้สนับสนุนรัสเซีย' และเราพบว่ามี 2 คดีที่มีการสังหาร 'ผู้สนับสนุนรัสเซีย' โดยมิชอบด้วยกฎหมาย”

รัฐบาลยูเครนทราบดีถึงความเสี่ยงในการบังคับใช้กฎหมายที่สุดโต่งนี้ แต่ก็อ้างว่าเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ในสถานการณ์สงคราม

 

เรียบเรียงจาก AP

ภาพจาก AP

PR-โปรแกรมผลบอล-2_B PR-โปรแกรมผลบอล-2_B
TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ