เมื่อวานนี้ (10 พ.ค.) อาวริล ไฮน์ส ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ เปิดเผยต่อคณะกรรมการวุฒิสภาสหรัฐฯ ว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงครามที่ยาวนานในยูเครน และแม้รัสเซียจะได้ชัยชนะในภูมิภาคตะวันออก ความขัดแย้งก็อาจไม่ยุติลง
ตั้งแต่กลางเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา กองทัพรัสเซียเบนเป้าหมายการโจมตีจากเมืองหลวงเคียฟไปยังดอนบาส หรือภูมิภาคยูเครนตะวันออก ซึ่งขณะนี้ยังคงมีการต่อสู้อย่างดุเดือด
หลายสัญญาณบ่งชี้ “เคอร์ซอน” อาจกำลังกลายเป็น “ไครเมียแห่งที่สอง”
เบลารุสเตรียมส่งหน่วยรบพิเศษไปประจำการใกล้ชายแดนยูเครน
ถอดรหัสคำพูด "ปูติน" ในวันแห่งชัยชนะ
แต่แม้หลายฝ่ายจะวิเคราะห์ว่ารัสเซียอาจจะยอมจบหากสามารถยึดยูเครนตะวันออกได้ หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ กลับบอกว่า ปูตินยังคง “มีเป้าหมายอื่นในใจนอกเหนือจากดอนบาส แต่เขาเผชิญกับความไม่สอดคล้องกันระหว่างความทะเยอทะยานกับความสามารถทางทหารของรัสเซียในปัจจุบัน”
เธอเสริมว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย “น่าจะ” หวังรอให้การสนับสนุนยูเครนของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปอ่อนลง จากอัตราเงินเฟ้อ การขาดแคลนอาหาร และราคาพลังงานที่วิกฤตลง
อย่างไรก็ตาม เธอบอกว่า ประธานาธิบดีรัสเซียอาจหันไปใช้ “วิธีการที่รุนแรงมากขึ้น” ในขณะที่สงครามยังคงดำเนินต่อไป โดยอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์ในสถานการณ์ที่ปูตินรู้สึกว่ามี “ภัยคุกคาม” ต่อรัสเซีย
ไฮน์สกล่าวว่า ปูตินจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อข่มขู่ขัดขวางไม่ให้สหรัฐฯ และพันธมิตรสนับสนุนยูเครน โดยผู้นำรัสเซียจะไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์จนกว่าเขาจะเห็นภัยคุกคามที่มีอยู่ต่อรัสเซียหรือระบอบการปกครองของเขา แต่เธอเสริมว่า มีโอกาสที่ปูตินจะมองความพ่ายแพ้ในยูเครนว่าเป็นภัยคุกคามดังกล่าวได้เช่นกัน
“เราคิดว่า ปูตินอาจรู้สึกว่า การที่เขากำลังแพ้สงครามในยูเครนเป็นหนึ่งในภัยคุกคาม และนาโตที่อาจแทรกแซงหรือกำลังจะเข้าไปแทรกแซงในบริบทนั้น อาจมีส่วนทำให้เขาเกิดความรู้สึกว่า เขากำลังจะแพ้สงครามในยูเครน” ไฮน์สบอก
เธอเสริมว่า โลกอาจได้รับคำเตือนก่อนหากจะมีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมาจริง ๆ โดยอาจมาในรูปแบบของการซ้อมรบขนาดใหญ่ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ขีปนาวุธข้ามทวีป เครื่องบินทิ้งระเบิดหนัก และเรือดำน้ำ
หัวหน้าหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ยังประเมินว่า ปูตินตั้งใจที่จะยึดครองภูมิภาคโดเนตสค์และลูฮันสค์ในดอนบาสให้ได้ รวมทั้งพื้นที่ทางใต้เพื่อเปิดเส้นทางไปยังไครเมีย
อย่างไรก็ตาม ไฮน์สบอกว่า ความทะเยอทะยานของปูตินไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เพราะมี “สัญญาณบ่งชี้” ว่า ปูตินต้องการขยายสะพานเชื่อมให้ไกลถึงทรานส์นิสเตรีย หรือภูมิภาคในมอลโดวาที่ควบคุมโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดน (ที่เชื่อกันว่ามีรัสเซียหนุนหลัง) ด้วยเหตุนี้จึงต้องการควบคุมชายฝั่งทะเลดำของยูเครนทั้งหมด
และจากการประเมินของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ได้ข้อสรุปว่า “ไม่เห็นเส้นทางว่าวิกฤตนี้จะจบลงได้ด้วยการเจรจา อย่างน้อยก็ในระยะสั้น”
ในขณะเดียวกัน ในขณะที่สงครามการขัดสียังคงดำเนินต่อไป ความขัดแย้งก็มีแนวโน้มที่จะเป็น
เธอเตือนว่า ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า อาจเกิดจุดเปลี่ยนอะไรบางอย่างที่จะทำให้รัสเซียพยายามข่มขู่ทางตะวันตกหนักข้อขึ้น เพื่อหยุดยั้งการส่งอาวุธเข้าสู่ยูเครน และอาจเป็นการตอบโต้ต่อการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของบรรดาชาติตะวันตก
เรียบเรียงจาก BBC / The Guardian
ภาพจาก AFP
อาการลองโควิด (Long Covid) มีวิธีรักษาอย่างไร? แล้วรักษาหายหรือไม่?
แนะอาหารผู้ป่วย "ลองโควิด" (Long COVID) เสริมวิตามินแร่ธาตุฟื้นฟูร่างกาย