
“ไบเดน” เยือนเกาหลีใต้-ญี่ปุ่น กลยุทธ์คานอำนาจจีนที่อาจทำสถานการณ์คุกรุ่น
เผยแพร่
วิเคราะห์กลยุทธ์สหรัฐฯ หลัง โจ ไบเดน เยือนเกาหลีใต้และญี่ปุ่น พร้อมเจรจาหารือการคานอำนาจจีน ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์คุกรุ่นกว่าเดิม
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ โจ ไบเดน ได้มีโอกาสเดินทางมาเยือนและเข้าร่วมการประชุมในภูมิภาคเอเชีย โดยเยือนประเทศเกาหลีใต้ก่อน จากนั้นจึงไปเยือนญี่ปุ่น
การเดินทางครั้งนี้ของไบเดน ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่า เพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับประเทศพันธมิตรในเอเชีย และรวมถึงอาจเป็นการส่งสัญญาณต้องการคานอำนาจกับจีนที่มีอิทธิพลมากในเอเชีย
หนุ่ม 18 กราดยิงโรงเรียนประถมในเทกซัส เด็ก-ครูดับรวม 21 ราย
สหรัฐฯ เผยอาจแทรกแซงทางการทหาร หากจีนรุกรานไต้หวัน
ไบเดนเยือนญี่ปุ่น จับมือต้านจีน เศรษฐกิจ-ความมั่นคง
เซมิคอนดักเตอร์ชิปเกาหลีใต้ อนาคตของการพัฒนาเทคโนโลยี
เมื่อวันศุกร์ (20 พ.ค.) ไบเดนเดินทางเยือนเกาหลีใต้เป็นที่แรก และได้พบกับ ยุน ซ็อกยอล ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ และได้เดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชิป (Semiconductor Chip) ของซัมซุงอิเลคโทรนิกส์ร่วมกัน
เซมิคอนดักเตอร์ชิปเป็นส่วนสำคัญในเทคโนโลยีสมัยใหม่หลายอย่าง ตั้งแต่รถยนต์ ไปจนถึงเครื่องใช้ในบ้าน รวมถึงยุทโธปกรณ์ทางทหาร และจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีควอนตัมด้วย จึงถือเป็นสินค้าสำคัญที่มีความต้องการสูง แต่มีกำลังการผลิตต่ำ ซึ่งผู้ผลิตชิปเหล่านี้หลัก ๆ คือ จีน ไต้หวัน เกาหลีใต้
ไบเดนเห็นความสำคัญของชิปนี้ และแสดงความสนใจที่จะสนับสนุนการลงทุนการพัฒนาการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชิปเพื่อแข่งขันกับจีนและลดการพึ่งพาจากจีน
“ชิปเล็ก ๆ เหล่านี้ซึ่งมีความหนาเพียงไม่กี่นาโนเมตร เป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนเราไปสู่ยุคต่อไปของการพัฒนาเทคโนโลยีของมนุษยชาติ” ไบเดนกล่าว
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกว่า การรักษาห่วงโซ่อุปทานการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชิปเป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ และความมั่นคงของชาติไม่ต้องพึ่งพาประเทศที่ “ไม่เห็นด้วยกับค่านิยมของเรา”
“การที่เราจะทำเช่นนั้นได้ คือการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่ใกล้ชิดซึ่งมีค่านิยมเดียวกับเรา เช่น สาธารณรัฐเกาหลี” ไบเดนกล่าว และเสริมว่า ตอนนี้เป็นเวลาที่สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันจะลงทุนร่วมกัน
จึงเป็นไปได้ว่า หลังจากนี้ ความเคลื่อนไหวสำคัญของสหรัฐฯ คือการพัฒนาการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชิปร่วมกับประเทศพันธมิตร เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับการพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ของสหรัฐฯ รวมถึงสร้างอำนาจอิทธิพลของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชียแข่งกับจีนด้วย
นอกจากความร่วมมือด้านพัฒนาทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีแล้ว ไบเดนและยุนยังได้หารือกันเรื่องความร่วมมือทางการทหารด้วย โดยเสนอให้ขยายการซ้อมรบร่วมกัน รวมถึงอาจพิจารณานำยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯ มอบให้เกาหลีใต้เพื่อให้ป้องกันตนเอง
เยือนญี่ปุ่น ประชุมจตุภาคีรับมือการขยายอำนาจของจีน
จากนั้นไบเดนได้เดินทางไปเยือนญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมการประชุมกลุ่ม Quad หรือการประชุมจตุภาคีร่วมกับผู้นำของ ญี่ปุ่น อินเดีย และออสเตรเลีย
กลุ่ม Quad เดิมเกิดขึ้นเพื่อรับมือเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในมหาสมุทรอินเดียเมื่อปี 2004 เมื่อทั้งสี่ประเทศได้จัดตั้ง “กลุ่มแกนกลางระดับภูมิภาค” ขึ้นเพื่อช่วยบรรเทาทุกข์
ต่อมาในปี 2008 กลุ่มดังกล่าวถูกยุบไปภายใต้แรงกดดันอย่างหนักจากจีน แต่ Quad ก็ฟื้นกลับมาอีกครั้งในปี 2017 จากความกังวลเกี่ยวกับการขยายอำนาจอย่างรวดเร็วของจีนที่ใช้นโยบายต่างประเทศที่แข็งกร้าว
Quad ไม่ใช่พันธมิตรทางการทหาร แต่เป็นเวทีการประชุมยุทธศาสตร์ ซึ่งมีการประชุม การแลกเปลี่ยนข้อมูล และการร่วมฝึกซ้อมทางทหาร แต่ไม่ได้มีข้อตกลงทางทหารแบบเดียวกับที่มีในกลุ่มนาโต (NATO)
ซึ่งในการประชุม Quad ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้าง “อินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง” โดยมีผู้นำสี่ประเทศเข้าร่วม ได้แก่ แอนโธนี อัลบานีส นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย คิชิดะ ฟุมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ในประเด็นสันติภาพและความมั่นคง ผู้นทั้งสี่ได้หารือเกี่ยวกับการตอบสนองต่อความขัดแย้งในยูเครน และประเมินผลกระทบที่มีต่ออินโดแปซิฟิก
จากกรณีรัสเซีย-ยูเครน ที่ประชุม Quad ได้เน้นย้ำถึงการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข้อพิพาททะเลจีนใต้ที่มีความพยายามอ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่โดยหลายประเทศ รวมถึงจีน
โดยผู้นำสี่ประเทศแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการกระทำที่บีบบังคับ ยั่วยุ หรือพยายามเปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่และเพิ่มความตึงเครียดในพื้นที่ เช่น การส่งทหารไปควบคุมพื้นที่ที่มีข้อพิพาท การใช้เรือและกองกำลังติดอาวุธทางทะเลล้ำน่านน้ำ และความพยายามที่จะก่อกวนยั่วยุประเทศอื่น ๆ
ซึ่งในประเด็นนี้ ไบเดนกล่าวเตือนว่า หากจีนหมายจะใช้กำลังในการยึดครองและผนวกรวมไต้หวัน สหรัฐฯ ก็จะไม่อยู่เฉย และจะดำเนินการตอบโต้ทางทหาร
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังแสดงความต้องการที่จะปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ในคาบสมุทรเกาหลี โดยประณามการพัฒนาและทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ซึ่งรวมถึงการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปหลายครั้ง
ไบเดนยังได้ประกาศเปิดตัว กรอบเศรษฐกิจอินโดแปซิฟิก (Indo-Pacific Economic Framework: IPEF) ซึ่งจะมีขึ้นเพื่อต้านทานอิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีน และมีหลายประเทศเข้าร่วม ได้แก่ ออสเตรเลีย บรูไน อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย
แม้ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน แต่ IPEF ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจในแถบอินโด-แปซิฟิกอีกครั้งของสหรัฐฯ หลังจากที่อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ถอนสหรัฐฯ ออกจากการเป็นสมาชิกข้อตกลงการค้าเสรี Trans-Pacific Partnership (TPP) เมื่อปี 2017
เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวว่า “กรอบเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของประธานาธิบดีไบเดนในการผลักดันให้ครอบครัวและแรงงานอเมริกันเป็นศูนย์กลางของนโยบายต่างประเทศและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ควบคู่ไปกับการกระชับความสัมพันธ์กับพันธมิตรและประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ”
นอกจากประเด็นเรื่องความมั่นคงทางเขตแดน การทหาร และเศรษฐกิจแล้ว ที่ประชุม Quad ยังตกลงที่จะร่วมกันเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพและความยืดหยุ่นด้านสิ่งแวดล้อม ปรับปรุงความมั่นคงทางทะเลและดำรงการประมง จัดหาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน เพื่อสนับสนุนโอกาสทางการศึกษา และเพื่อบรรเทาและปรับตัวให้เข้ากับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ท่าทีจีน-รัสเซีย-เกาหลีเหนือต่อการเยือนเอเชียของไบเดน
จีนวิพากษ์วิจารณ์การรวมกลุ่ม Quad ว่าเป็น “นาโตอินโดแปซิฟิก” โดยกล่าวหาว่า กลุ่ม Quad พยายามที่จะทำให้เกิดสงครามเย็น และกระตุ้นการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์
หลังมีข่าวว่าไบเดนจะเยือนเอเชีย กระทรวงการต่างประเทศของจีนได้ออกมาเตือนพันธมิตรสำคัญ ๆ ในภูมิภาคของสหรัฐไม่ให้เข้าร่วมในความพยายามใด ๆ ก็ตามของประธานาธิบดีไบเดน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนได้ติดต่อรัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีใต้และญี่ปุ่น
ยังมีรายงานว่า นักการทูตระดับสูงของจีน หยางเจี๋ยชือ ได้โทรศัพท์หาซัลลิแวน เพื่อตำหนิว่า “ฝ่ายสหรัฐฯ ใช้คำพูดและการกระทำที่ผิด ๆ หลายครั้งเพื่อแทรกแซงกิจการภายในของจีนและทำลายผลประโยชน์ของจีน”
และเมื่อไบเดนเตือนจีนไม่ให้ใช้กำลังต่อไต้หวัน จีนก็ได้แสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อความคิดเห็นของไบเดน โดยกล่าวว่า จะไม่ยอมให้กองกำลังภายนอกเข้ามายุ่งเกี่ยวกับ “กิจการภายใน” ของจีน
หวังเหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า “ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับอธิปไตยของจีน บูรณภาพแห่งดินแดน และผลประโยชน์หลักอื่น ๆ จะไม่มีการประนีประนอม ... เราขอเรียกร้องให้ฝ่ายสหรัฐฯ ระมัดระวังในคำพูดและการกระทำในประเด็นไต้หวัน และไม่ส่งสัญญาณที่ผิดใด ๆ ไปยังฝ่ายสนับสนุนไต้หวันและกองกำลังแบ่งแยกดินแดน เพื่อที่จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถานการณ์ในช่องแคบไต้หวันและความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ”
และในวันที่ 24 พ.ค. ซึ่งยังคงมีการประชุม Quad ระหว่างผู้นำสี่ประเทศอยู่ มีรายงานว่า จีนและรัสเซียก็ได้ดำเนินการซ้อมรบด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก การซ้อมรบแสดงให้เห็นว่า จีนยังคงร่วมมือทางทหารกับมอสโกในอินโดแปซิฟิกต่อไป
โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดเดินทางข้ามทะเลญี่ปุ่น ทะเลจีนตะวันออก และทะเลฟิลิปปินส์
กระทรวงกลาโหมของจีนยังยืนยันว่า การซ้อมรบครั้งนี้เกิดขึ้นจริง โดยเรียกว่าเป็น “การลาดตระเวนเชิงยุทธศาสตร์ร่วม” และเสริมว่า การซ้อมรบดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของ “แผนความร่วมมือทางทหารประจำปีของทั้งสองประเทศ”
ทางด้านเกาหลีเหนือ ก่อนหน้านี้หลายฝ่านคาดการณ์ว่า เกาหลีเหนือน่าจะมีการซ้อมยิงขีปนาวุธในขณะที่ไบเดนเดินทางมาเยือนเอเชียอย่างแน่นอน แต่ในช่วงที่มีการประชุม Quad กลับไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จากเกาหลีเหนือเลย
กระทั่งเช้าวันนี้ (25 พ.ค.) มีรายงานว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ 3 ลูก หนึ่งในนั้นเป็นขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ลงสู่ทะเลนอกชายฝั่งตะวันออก โดยเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ไบเดนยุติภารกิจในเอเชีย
เสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้กล่าวในแถลงการณ์ว่าขีปนาวุธดังกล่าวถูกยิงจากเขตซูนันของเมืองหลวงเปียงยาง และขีปนาวุธพุ่งไปยังน่านน้ำนอกชายฝั่งตะวันออกของเกาหลีเหนือ
เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้กล่าวว่า ขีปนาวุธลำหนึ่งในนั้นน่าจะเป็นขีปนาวุธข้ามทวีป โดยสามารถบินได้ไกลถึง 360 กม. ด้านเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นกล่าวว่า ขีปนาวุธดูเหมือนจะตกลงนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศ ขณะนี้ยังไม่มีรายงานความเสียหายต่อเรือหรือเครื่องบินใด
ประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้ ยุน ซ็อกยอล ประณามการทดสอบขีปนาวุธดังกล่าว โดยบอกว่า “เป็นการยั่วยุร้ายแรงที่ละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ทำให้เกิดความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีและในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ และคุกคามสันติภาพระหว่างประเทศ”
คิชิดะ ฟุมิโอะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น กล่าวว่า การกระทำล่าสุดของเกาหลีเหนือ “คุกคามสันติภาพ เสถียรภาพ และความปลอดภัยของญี่ปุ่นและประชาคมระหว่างประเทศ ไม่อาจยอมรับได้”
การทดสอบขีปนาวุธครั้งนี้อาจเป็นการตอบสนองต่อข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ที่มีการหารือเกี่ยวกับการขยายการซ้อมรบทางทหารระหว่างทั้งสองประเทศ ไบเดนและยุนยังได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการนำยุทโธปกรณ์ทางการทหารของสหรัฐฯ มาใช้ในเกาหลีใต้เพื่อตอบโต้ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือด้วย
ซึ่งการเพิ่มกำลังอาวุธหรือการขยายการซ้อมรบร่วมใด ๆ อาจทำให้เกาหลีเหนือไม่พอใจและทำให้สถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีคุกรุ่นได้
กลยุทธ์คานอำนาจจีนที่อาจทำบรรยากาศคุกรุ่น
การเดินทางเยือนภูมิภาคเอเชียของไบเดนในครั้งนี้ กล่าวได้ว่า มีวัตถุประสงค์เชื่อมสัมพันธ์กับประเทศในเอเชีย เสริมความแข็งแกร่งให้กับชาติพันธมิตรในทุก ๆ ด้าน และในขณะเดียวกัน ก็เพื่อคานอำนาจกับจีนไม่ให้ขยายอิทธิพลมากไปกว่านี้
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้ในอีกทางหนึ่งก็คล้ายเป็นการเดินมาถ่มน้ำลายรดหน้าบ้านจีน (และอาจรวมถึงเกาหลีเหนือ) ที่อาจทำให้สถานการณ์ทางการเมืองระหว่างมหาอำนาจคุกรุ่นขึ้นไปอีกระดับ
จึงเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองต่อไปว่า กลยุทธ์รับมือจีนของไบเดนในครั้งนี้ จะนำไปสู๋ผลลัพธ์อย่างไรบ้างในอนาคต และจะส่งผลกระทบถึงไทยหรือไม่อย่างไร
เรียบเรียงจาก CNBC / CNN / MOFA Japan / The Guardian / White House
ภาพจาก AFP
ที่ปรึกษาอนามัยโลกคาด “ฝีดาษลิง” อาจระบาดหนักเพราะ “เพศสัมพันธ์”
โควิดไทย 10 จังหวัดสูงสุด ยอดพุ่งหลายแห่ง กทม. 2,001 ราย
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline