
สงครามในยูเครนยังระอุ "นาโต"วางกำลังเพิ่มในรัฐบอลติก
เผยแพร่
วันนี้คือวันที่ 105 ของสงครามในยูเครน สถานการณ์การต่อสู้ในภาพรวมยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง กองทัพรัสเซียยังคงโจมตีพื้นที่ภูมิภาคดอนบาสอย่างหนักและเดินหน้ายึดพื้นที่อย่างต่อเนื่อง แม้จะยูเครนจะเสียเปรียบในแนวรบภาคะวันออก แต่ผู้นำยูเครนยังยืนยันว่าพร้อมที่จะสู้เพื่อปกป้องดินแดนต่อไป
ในขณะเดียวกัน ฝั่งชาติพันธมิตรนาโตก็มีการเคลื่อนไหวเช่นกัน โดยนาโตได้ซ้อมรบในประเทศแถบทะเลบอลติกท่ามกลางไฟสงครามที่ยังปะทุ และผู้นำเยอรมนีได้ออกมาประกาศว่าจะเพิ่มกำลังพลเพื่อปกป้องพื้นที่แถบบอลติกด้วย
เริ่มด้วยสถานการณ์การสู้รบในภาคตะวันออกของยูเครน มีรายงานจุดปะทะของทั้งสองฝ่ายในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาถึง 6 จุดในเมืองอีซุม ลีมาน สลาเวียนสก์ ลูบิชเนีย ซีเวโรโดเนตสก์ โปปาสนา และสวิตลาดาร์สก์
"เยอรมนี" เตรียมส่งขีปนาวุธประสิทธิภาพสูงให้ยูเครนเพิ่ม
นาโต สั่งระดมพล สนับสนุนชาติพันธมิตร และตอบโต้การรุกรานของรัสเซีย
อย่างไรก็ดี การต่อสู้หนัก ๆ ตอนนี้ยังคงอยู่ที่เมืองซีเวโรโดเนตสก์ ทั้งสองฝ่ายยังคงต่อสู้กัน เนื่องจากเป็นเมืองยุทธศาสตร์ที่จะกำหนดทิศทางของสงคราม
ยังไม่มีข้อมูลแน่นอนที่จะยืนยันได้ว่า ตอนนี้เมืองนี้อยู่ภายใต้การปกครองของใคร เพราะทั้งสองฝ่ายต่างออกมาอ้างว่ายึดครองเมืองซีเวโรโดเนตสก์ได้แล้ว
เมื่อวานนี้ ( 7 มิ.ย.) เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซียได้กล่าวในที่ประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงว่า รัสเซียสามารถปลดปล่อยเมืองซีเวโรโดเนตสก์ได้แล้ว
ขณะที่ผู้นำยูเครนก็ออกมาประกาศในช่วงสองถึงสามวันที่ผ่านมาว่า ยูเครนสามารถชิงพื้นที่เมืองซีเวโรโดเนตสก์บางส่วนกลับมาได้บ้างแล้ว
ส่วนในวันนี้ผู้นำยูเครนบอกว่า สถานการณ์ในภาคตะวันออกยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง การต่อสู้ยังคงอยู่ที่เมืองซีเวโรโดเนตสก์ ลิซีแชนสก์ และโปปาสนาเหมือนเดิม แต่รัสเซียได้นำอาวุธใหม่เข้าไปใช้เพื่อต่อสู้ในพื้นที่แนวรบนี้
ท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือด เมื่อวานนี้ บริษัทแมกซาร์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านดาวเทียมของสหรัฐฯ ได้ปล่อยภาพถ่ายมุมสูงจากดาวเทียมของเมืองซีเวโรโดเนตสก์ออกมา
ภาพถ่ายดังกล่าวแสดงให้เห็นอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ที่ได้รับความเสียหายจากการสู้รบ ตลอดจนกลุ่มควันซึ่งเป็นผลมาจากการต่อสู้ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
จากภาพรวมการรบในสมรภูมิดอนบาส ทำให้เราอนุมานได้ว่าสงครามยูเครนจะถูกลากยาวต่อไป แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อระบบความมั่นคงในภูมิภาคแน่นอน
ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวจากนาโต ที่ได้เพิ่มแนวป้องกันในประเทศที่อยู่ในแนวตะวันออกแถบทะเลบอลติกอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริเวณนี้เป็นจุดอ่อนที่สุด หากรัสเซียต้องการรุกคืบต่อ
โดยประเทศที่อยู่ในแนวนี้คือ ลัตเวีย เอสโตเนีย ลิทัวเนียและโปแลนด์ บริเวณนี้มีการซ้อมรบทางการทหารต่อเนื่อง และนาโตได้เพิ่ม กำลังทหารมาประจำการในพื้นที่บริเวณนี้มากขึ้น เนื่องจากบริเวณนี้มีจุดอ่อนที่เรียกว่าช่องแคบสุวาลกิ (Suwalki Gap)
และเมื่อวานนี้ โอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้เดินทางไปเยือนประเทศลิทัวเนีย และแถลงข่าวร่วมกับผู้นำกลุ่มประเทศบอลติกว่า เยอรมนีจะเพิ่มกำลังและทรัพยากรทางการทหารเพื่อปกป้องบริเวณนี้
หลังจากนั้น กิตานัส เนาเซดา ประธานาธิบดีลิทัวเนียได้แถลงร่วมกับผู้นำเยอรมนีว่า การเพิ่มกำลังทหารในแถบบอลติกเป็นเรื่องที่จำเป็น และลิทัวเนียพร้อมที่จะรับกองกำลังประจำการเข้ามาเพิ่ม
นอกจากลิทัวเนียแล้ว โปแลนด์เป็นอีกประเทศหนึ่งที่อยู่ในจุดเสี่ยงใกล้กับช่องแคบ สุวาลกิ ทำให้นาโตตัดสินใจเพิ่มการสนับสนุนกองกำลังและการลาดตระเวนให้แก่โปแลนด์ด้วย
เมื่อวานนี้ เรือยูเอสเอส เกรฟลี่ (USS Gravely) ของสหรัฐฯ ได้เทียบท่าที่เมืองกดิเนียของโปแลนด์
เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำโปแลนด์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า การมาถึงของเรือลำนี้ เป็นสัญลักษณ์เพื่อประกาศกับชาวโปแลนด์ว่า สหรัฐฯ พร้อมสนับสนุนความปลอดภัยให้แก่โปแลนด์
อย่างไรก็ดี การเพิ่มประสิทธิภาพทางการทหารไม่ใช่ประเด็นใหม่ในประเทศแถบทะเลบอลติกแต่อย่างใด เพราะที่นี่มีการซ้อมรบต่อเนื่องมาตลอด
อย่าง ปฏิบัติการเฮดจ์ฮ็อก-22 ซึ่งเป็นการซ้อมรบใหญ่ที่สุดของกองกำลังนาโตในประเทศแถบทะเลบอลติก
การซ้อมรบดังกล่าว เริ่มต้นมาตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม และเพิ่งจะเสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากจะมีกำลังพลประจำการเข้ามาร่วมแล้ว ยังได้ระดมกำลังพลสำรองเข้าร่วมซ้อมรบด้วย
อีกจุดหนึ่งที่นาโตเพิ่มกิจกรรมทางการทหารคือ ประเทศเดนมาร์ก โดยมีการซ้อมรบเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่เกาะบอร์นโฮล์มในทะเลบอลติก
การซ้อมรบดังกล่าวเป็นการซ้อมรบประจำปีระหว่างสหรัฐฯ และเดนมาร์ก ภายใต้ชื่อโครงการ Defender-Europe 22
ซึ่งมีการขนขีปนาวุธพิสัยไกลอย่างไฮมาร์สไปด้วยเครื่องบินขนส่ง C17 โกลบอลมาสเตอร์ และมีการซ้อมยิงขีปนาวุธดังกล่าวด้วย
ก่อนหน้านี้ ประเทศแถบทะเลบอลติกเป็นกลุ่มประเทศนาโตที่พยายามไม่แสดงบทบาททางการทหารมากนัก เพื่อป้องกันการเผชิญหน้าโดยตรงกับรัสเซีย
อย่างไรก็ดี หลังจากที่รัสเซียรุกรานยูเครน ทำให้ประเด็นความมั่นคงในภูมิภาคนี้เปลี่ยนไป
ประเทศแถบบอลติกต่างเพิ่มกองกำลังของตนเอง ทำให้ตอนนี้อาจพูดได้ว่า รัสเซียกำลังสูญเสียความสำคัญทางการทหารในบอลติกไป
นอกจากนี้ สงครามในยูเครนยังทำให้อีก 2 ประเทศในที่เคยเป็นกลางทางการทหารอย่าง ฟินแลนด์และสวีเดนตัดสินใจยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกนาโต
ตอนนี้ รัสเซียเหลือเพียงแคว้นคาลินินกราด ซึ่งเป็นแผ่นดินเล็กๆ บนคาบสมุทรบอลติกเท่านั้น แต่นาโตก็เฝ้าระวังพื้นที่บริเวณนี้มากเป็นพิเศษ เพราะที่คาลินินกราดมีฐานทัพของรัสเซียอยู่ และรัสเซียอาจใช้พื้นที่ตรงนี้ยิงขีปนาวุธโจมตีเพื่อนบ้านในเขตทะเลบอลติก หรือเปิดฉากการรุกรานประเทศในแถบนี้ได้
อัปเดตข่าวเศรษฐกิจ และการลงทุน ได้ที่ @PPTVOnline