"สีจิ้นผิง" ต่อสายหา "ปูติน"ประกาศความร่วมมือทางเศรษฐกิจ


โดย PPTV Online

เผยแพร่




การประกาศของสหรัฐฯ และชาตินาโตในการส่งอาวุธเพิ่มเติมให้กับยูเครนคือสัญญาณว่า สงครามจะถูกลากยาวต่อไป คำถามก็คือ ยูเครนและชาติตะวันตกจะยันได้อีกนานแค่ไหน เพราะขณะนี้รัสเซียมีจีนเปิดหน้าช่วย หลังจากเมื่อวานนี้ผู้นำทั้งสองชาติยกหูพูดคุยกัน

สำนักข่าว CCTV ของจีนรายงานว่าเมื่อช่วงบ่ายของวันพุธที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนยกหูคุยกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน

การพูดคุยของสองผู้นำเป็นการสนทนาทางโทรศัพท์เป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาติตะวันตกว่าจีนพยายามปกป้องรัสเซีย ในขณะที่ในคราวนั้นจีนโต้ว่า ชาติตะวันตกและนาโตนำตัวเองไปเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้เอง

“สีจิ้นผิง”ลั่นจีนพร้อมความแบ่งปันความรู้ด้าน 5G

ผู้นำจีน-รัสเซีย ร่วมทำแพนเค้กใส่ไข่ปลาคาเวียร์ หลังหารือกระชับสัมพันธ์

ทั้งคู่คุยอะไรกัน และหมายความว่าอย่างไรที่จีนทำแบบนี้?

CCTV รายงานอ้างถึงช่วงหนึ่งของบทสนทนาระหว่างประธานาธิบดีสีจิ้นผิงและประธานาธิบดีปูตินว่า รัสเซียถูกบีบให้ทำสงครามเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติที่กำลังถูกคุกคามจากภายนอก และระบุว่าจีนสนับสนุนอธิปไตยและความมั่นคงของรัสเซีย นี่คือการพูดกลายๆว่า สิ่งที่รัสเซียทำกับยูเครนมีความชอบธรรมแล้ว

CCTV ระบุว่า ผู้นำจีนกล่าวชื่นชมถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนและรัสเซียที่ยังคงแน่นแฟ้นแม้ต้องเผชิญกับความโกลาหลทั่วโลก

โดยจีนพร้อมทำงานร่วมกับรัสเซียเพื่อความร่วมมือทวิภาคีในระยะยาว และพร้อมสนับสนุนซึ่งกันและกันเพื่อผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ รวมถึงประเด็นเรื่องอธิปไตยและความมั่นคง

ผู้นำจีนยกตัวอย่างการสนับสนุนซึ่งกันและกันระหว่างจีนกับรัสเซียด้วย นั่นก็คือ โครงการสะพานที่เพิ่งเปิดล่าสุด เป็นสะพานที่เชื่อมเมืองเฮย์เหอทางภาคเหนือของจีนกับเมืองบลาโกเวชเชนสก์ ที่จะช่วยกระตุ้นการค้าและเปิดให้คนจากทั้งสองฝั่งไปมาหาสู่กัน

ด้านผู้นำรัสเซียว่าอย่างไร? วลาดิเมียร์ ปูติน ชี้ว่า ภายใต้การนำของสี จิ้นผิง จีนเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และและมีพัฒนาการที่แข็งแกร่งมากขึ้นอีกในปีนี้ซึ่งเป็นช่วงที่รัสเซียต้องต่อสู้เรื่องความมั่นคง

โดยผู้นำรัสเซียบอกประธานาธิบดีสีจิ้นผิงว่า รัสเซียเองก็สนับสนุนจีน และพร้อมที่จะสร้างระเบียบโลกร่วมกัน โดยจะเป็นระเบียบโลกที่มีความยุติธรรมและมีเหตุมีผลมากกว่าเดิม

นับเป็นการเปิดหน้าสนับสนุนรัสเซียอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่รัสเซียกำลังเผชิญกับการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก แล้วจีนจะช่วยอะไรได้บ้าง?

เริ่มจากการค้า จีนคือคู่ค้าหลักของรัสเซีย ปี 2021 รัสเซียทำการค้ากับจีนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18 หรือราว 147,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 5 ล้านล้านบาท

และระหว่างการเยือนปักกิ่งของประธานาธิบดีปูตินเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในช่วงการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ทั้งสองประเทศตั้งเป้าที่จะเพิ่มมูลค่าการค้ารายปีให้ขึ้นเป็น 250,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2024

ท่ามกลางสงครามและการคว่ำบาตร มีรายงานระบุว่า ช่วงไตรมาสแรกของปี การค้าระหว่างจีนกับรัสเซียเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกของปีก่อน

นอกจากการค้าและเศรษฐกิจ สิ่งที่จีนสามารถให้รัสเซียได้คือการทหาร จีนเป็นประเทศที่มีการพัฒนาอาวุธมากและรวดเร็วที่สุดของโลก ปัจจุบันอันดับการส่งออกอาวุธของจีนอยู่ที่อันดับ 4 ของโลก มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่น่าสนใจ อย่าง โดรน แต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่า รัสเซียซื้อโดรนจากจีน

ความน่าสนใจคือ อาวุธที่จีนพัฒนามาถึงทุกวันนี้ได้รับมาจากรัสเซีย เพราะหลังเหตุปราบปรามเทียนอันเหมินในปี 1989 จีนถูกชาติอื่นๆ คว่ำบาตรด้านอาวุธ ส่งผลให้ต้องพึ่งพาการพัฒนาจากสหภาพโซเวียต หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต จีนเป็นลูกค้าซื้ออาวุธจากรัสเซียต่อ

ข้อมูลจากสถาบันวิจัยสันติภาพสต็อกโฮล์ม หรือ SIPRI ชี้ว่า ร้อยละ 80 ของอาวุธที่ใช้ในจีนช่วงปี 2017 - 2021 มาจากรัสเซีย นับว่าจีนเป็นลูกค้ารายใหญ่

อย่างไรก็ตาม คาดการณ์กันว่าจีนไม่น่าจะยุ่งเกี่ยวทางการทหาร ในขั้นต่ำสิ่งที่จีนทำได้คือ เป็นคู่ค้าในวันที่รัสเซียถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตร โดยเฉพาะการช่วยซื้อน้ำมันจากรัสเซีย

แม้ถูกคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก แต่รัสเซียยังสามารถขายน้ำมันซึ่งเป็นสินค้าหลักได้ และขายได้มากขึ้นด้วย

ข้อมูลจาก Center for Research on Energy and Clean Air ของประเทศฟินแลนด์ ที่เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาชี้ว่า รายได้ของรัสเซียจากการขายน้ำมันไม่ลดลงเลย โดยในช่วง 100 วันแรกของสงครามในยูเครน รัสเซียมีรายได้ถึง 93,000 ล้านยูโร หรือ 3.4 ล้านล้านบาทจากการส่งออกน้ำมัน

The Moscow Times ของรัสเซียรายงานในทิศทางเดียวกันว่า รายได้จากการขายน้ำมันของรัสเซียเพิ่มขึ้น รวมถึงปริมาณการผลิตก็เพิ่มขึ้น

โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รัสเซียผลิตน้ำมันดิบ 43.1 ล้านตัน หรือ 10.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน และเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 3.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ายังมีคนซื้อน้ำมันจากรัสเซีย และรายใหญ่ในณะนี้คือ จีนและอินเดีย

จากกราฟจะเห็นได้ว่า หลังจากที่รัสเซียเข้ารุกรานยูเครน อัตราการนำเข้าน้ำมันจากจีนและอินเดียเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

เงินจากการค้าน้ำมันทำให้รัสเซียยังมีเงินทำสงครามต่อได้ โดยคาดว่ารัสเซียใช้เงินทำสงครามประมาณ 900 ล้านดอลล่าร์สหรัฐหรือ สองหมื่น แปดพันล้านบาท ต่อวัน

เกือบ 4 เดือนของสงคราม รัสเซียใช้เงินไปแล้วกว่า 3.3 ล้านล้านบาท หรือเท่ากับงบประมาณทั้งปีของไทย

 การขายน้ำมันได้ต่อเนื่องทำให้รัสเซียมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะยูเครนได้ และจะไม่ใช่แค่เพียงเอาชนะในสมรภูมิดอนบาสหรือภาคใต้เท่านั้น แต่คือทั้งหมดของยูเครน

คนที่สะท้อนเรื่องนี้คือ อดีตประธานาธิบดีดิมิทรี เมดเวเดฟซึ่งขณะนี้นั่งเป็นรองประธานคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติรัสเซียบอกว่า อีก 2-3 ปีข้างหน้าจะไม่มีชื่อของยูเครนอยู่บนแผนที่โลกอีกต่อไป

อีกชาติที่เพิ่งจะประกาศความร่วมมือกับรัสเซียคือ อัฟกานิสถาน ประเทศที่เคยทำสงครามกับสหภาพโซเวียตยาวนานถึง 10 ปี

ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา คณะผู้แทนจากอัฟกานิสถานเดินทางถึงนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เพื่อเจรจาและร่วมประชุมในงาน ดาวอสรัสเซีย ที่รายงานข่าวระบุว่า บรรยากาศของปีนี้ค่อนข้างเงียบเหงา เพราะหลายชาติคว่ำบาตรไม่เดินทางมาร่วมงาน

เมื่อปราศจากชาติใหญ่ๆ ผู้เล่นรองอย่างอัฟกานิสถานจึงถูกจับตามอง ในงานดาวอสรัสเซีย โมฮัมหมัด ยูนูส รองประธานหอการค้าอัฟกานิสถานเดินทางมาร่วมประชุม ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ต้องการพัฒนาความร่วมมือกับรัสเซีย รวมถึงย้ำกับทุกฝ่ายว่า อัฟกานิสถานวันนี้สงบดีแล้ว ไม่มีปัญหาความมั่นคงใดๆ

ช่วงปลายสงครามเย็น ปี 1978 พรรคคอมมิวนิสต์อัฟกานิสถานก่อรัฐประหารยึดอำนาจ ต่อมาเกิดการแย่งชิงอำนาจภายในกลุ่มผู้ปกครอง จนโซเวียตหวั่นเกรงว่าผู้นำคนใหม่จะไปเข้ากับอเมริกา จึงส่งรถถังและทหารมาประชิด เตรียมบุกอัฟกานิสถาน

ด้านซีไอเอที่ไม่ต้องการให้อัฟกานิสถานกลายเป็นคอมมิวนิสต์อย่างสมบูรณ์ก็ฝึกนักรบลับๆ ในปากีสถาน เรียกกันว่า กลุ่มมูจาฮิดีน

เมื่อโซเวียตบุกเข้ามา การต่อสู้ก็ปะทุขึ้น โซเวียตระดมกำลังและยุทโธปกรณ์ถาโถมเข้าใส่ ในขณะที่มูจาฮิดีนใช้การรบแบบกองโจร ส่งผลให้ไม่มีฝ่ายใดชนะ การสู้รบกินระยะเวลาตั้งแต่ปี 1979 - 1989 ก่อนที่โซเวียตจะยอมถอนกำลังออกไป

วันนี้เมื่อระเบียบโลกกำลังถูกเขียนขึ้นใหม่ อัฟกานิสถานภายใต้การนำของตาลีบันกลับมาจับมือกับรัสเซีย การเปิดหน้าสนับสนุนของประเทศเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา

เมื่อคืนโฆษกกระทรวงต่างประเทศของรัสเซียออกมาประกาศว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ใช่รัสเซียที่จะถูกโดดเดี่ยว แต่คือชาติตะวันตก

มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียชี้ว่า ทัศนคติที่รัสเซียมีต่อชาติตะวันตกนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่เป็นชาติตะวันตกต่างหากที่เลือกโดดเดี่ยวตนเอง

ส่วนความพยายามใดๆ ก็ตามที่ต้องการให้รัสเซียโดดเดี่ยวนั้น จากที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เป็นไปไม่ได้

ปิดท้ายด้วยความคิดเห็นต่อสถานการณ์ยูเครนจากบุคคลสำคัญอย่าง สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส ที่ทรงแสดงความคิดเห็นไว้ว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 ได้เริ่มขึ้นแล้ว และมูลเหตุครั้งนี้มาจากการยั่วยุของนาโต ที่ไม่เข้าใจว่ารัสเซียมองตนเองและยูเครนเป็นจักรวรรดินิยม

ความคิดเห็นดังกล่าวถูกเผยแพร่ลงในวารสารของวาติกันฉบับล่าสุด

นอกจากนั้นระหว่างการแถลงล่าสุดในนครวาติกันเมื่อวานนี้ พระองค์ทรงตรัสว่า เราทุกคนต้องไม่ลืมผู้คนที่เสียสละชีวิต และต้องไม่เคยชินกับกับสงคราม

เนื่องจากเวลานี้เกิน 100 วันแล้ว ความสนใจของผู้คนตลอดจนพื้นที่สื่อมีน้อยลง แม้ว่าการต่อสู้จะยังคงเกิดขึ้น และมีผู้เสียชีวิตทุกวันก็ตาม

 

PR - ตารางคะแนน-2_B PR - ตารางคะแนน-2_B
TOP ต่างประเทศ
วิดีโอยอดนิยม
เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์

เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ