กระทรวงการบริหารรัฐกิจของศรีลังกา ออกคำสั่งให้ทุกหน่วยงาน และสถาบันต่างๆของรัฐบาล และสภาท้องถิ่นปิดทำการ เนื่องจากระบบขนส่งสาธารณะขาดแคลนน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซลฉับพลัน และไม่สามารถจัดเตรียมยานพาหนะในการรับส่งได้ ทำให้ทางการต้องตัดสินใจลดจำนวนพนักงานราชการที่ต้องเข้ามารายงานตัวทำงานในสำนักงานลงและให้ Work from home เป็นเวลา 2 สัปดาห์
ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการของศรีลังกา ก็ออกมาเคลื่อนไหวออกมาเช่นเดียวกัน โดยสั่งการให้โรงเรียนทุกแห่งปิดการเรียนการสอนในห้องเรียนเป็นเวลาสองสัปดาห์
ศรีลังกาวิกฤต! ทั้งประเทศเหลือเชื้อเพลิงพอใช้แค่ 5 วัน
"ศรีลังกา"เตรียมขอความช่วยเหลือจากอินเดียเพิ่ม
โดยเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ เพื่อให้แน่ใจว่านักเรียนและคุณครูมีไฟฟ้าใช้ และเปลี่ยนไปทำการเรียนการสอนผ่านทางออนไลน์แทน
ทั้งนี้คำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวัน หลังองค์การสหประชาชาติ (UN) รายงานว่าหญิงตั้งครรภ์หลายพันคนในศรีลังกากำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนอาหาร โดยหญิงตั้งครรภ์ 4 ใน 5 คนเริ่มงดอาหาร เพราะพวกเธอไม่มีเงินซื้อข้าวกิน
นอกจากนี้องค์การสหประชาชาติยังได้เตือนถึงวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายในศรีลังกา และยังมีผู้คนหลายล้านคนต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
ขณะที่โครงการอาหารโลก (WFP) หน่วยงานด้านมนุษยธรรมภายใต้องค์การสหประชาชาติ ระบุว่า ได้เริ่มแจกจ่ายบัตรกำนัลอาหารให้กับหญิงตั้งครรภ์ประมาณ 2,000 คนในพื้นที่ด้อยโอกาสในกรุงโคลัมโบ เมืองหลวงของศรีลังกา และกำลังพยายามระดมเงินให้ได้ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อช่วยเหลือวิกฤตขาดแคลนอาหารให้กับชาวศรีลังการะหว่างเดือนมิถุนายน จนถึงธันวาคม
ทั้งนี้ศรีลังกากำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายสุดในรอบ 70 ปี นับตั้งแต่ได้รับเอกราช ซึ่งตรงนี้ส่งผลทำให้ศรีลังกาไม่สามารถจัดหาเงินทุนสำหรับการนำเข้าสิ่งจำเป็น เช่น อาหาร ยารักษาโรค และเชื้อเพลิงตั้งแต่ปีที่แล้ว
นอกจากปัญหาเรื่องขาดแคลนเงินตราต่างประเทศในการนำเข้าสินค้าจำเป็นแล้ว ศรีลังกายังถูกซ้ำเติมจากปัญหาเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ผู้คนประสบปัญหาไม่มีไฟฟ้าใช้นานหลายชั่วโมง ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้ชาวศรีลังกาลุกฮือประท้วงเพื่อขับไล่ประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ออกจากตำแหน่ง