คำพูดดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการสนทนากับผู้บริหารในภาคอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของรัสเซีย โดย ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ระบุว่าการที่ชาติตะวันตกเรียกร้องให้ลดการใช้พลังงานจากรัสเซีย ทำให้ตลาดโลกต้องเผชิญกับราคาน้ำมันและก๊าซที่ถีบตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมา ซึ่งเป็นอีกครั้งที่แสดงให้เห็นว่าคว่ำบาตรกลับส่งผลร้ายต่อประเทศที่ประกาศใช้มาตรการเหล่านี้กับรัสเซีย ซึ่งแทบไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลย โดยปูติน เตือนว่าการใช้มาตรตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซียจะยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ในตลาดพลังงานโลกให้เลวร้ายลงไปอีก
ผู้นำฝรั่งเศส - เยอรมนี ยกหูหา "ปูติน" จี้เจรจาหยุดยิงยูเครน
มือยิง “ชินโซ อาเบะ” เผยแรงจูงใจไม่เกี่ยวข้องกับความเห็นทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม ปูติน ได้เตือนบริษัทพลังงานของรัสเซียให้เตรียมความพร้อมรับมือกับมาตรการปิดล้อมการขนส่งน้ำมันจากรัสเซียในทวีปยุโรป ซึ่งสหภาพยุโรปจะเริ่มบังคับในช่วงปลายปีนี้
สำหรับสถานการณ์ราคาพลังงานในยุโรปเริ่มมีแนวโน้มถีบตัวสูงขึ้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เนื่องจากผู้ผลิตไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ทันหลังจากปรับลดลงไปในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะที่ความต้องการใช้พลังงานฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันราคาก๊าซในยุโรปได้ปรับเพิ่มขึ้นสูงมากกว่า 2 เท่าตัวนับตั้งแต่ที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ และในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รัสเซียยังได้หยุดส่งก๊าซให้กับหลายประเทศในยุโรป ทั้งบัลแกเรีย โปแลนด์ และฟินแลนด์ รวมทั้งบริษัทด้านพลังงานของเยอรมนี เดนมาร์ก และ เนเธอร์แลนด์ เนื่องจากปฏิเสธเงื่อนไขของรัสเซียที่กำหนดให้ชำระค่าก๊าซด้วยสกุลเงินรูเบิล
ส่วนสถานการณ์ในยูเครน เมื่อวานนี้ ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซลินสกี พร้อมด้วยทีมงาน ได้เดินทางไปเยี่ยมทหารที่ประจำการตามแนวรบเมืองดนีโปรเปตรอฟสก์ (Dnipropetrovsk) ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ
โดย เซลนสกี้ได้มอบเหรียญรางวัลให้แก่ทหารในพื้นที่เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการต่อสู้กับกองทัพรัสเซีย พร้อมรำลึกถึงทหารที่เสียชีวิตจากการต่อสู้เพื่อป้องกันประเทศจากการรุกรานของรัสเซีย
สำหรับการเดินทางเยือนแนวรบเมืองดนีโปรเปรตรอฟสก์ของเซลินสกีมีขึ้น 1 วันหลังจากที่กองทัพรัสเซียยิงถล่มเมืองคาร์คิฟ ซึ่งอยู่มกล้เคียงกัน โดยมีรายงานผู้เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บ 5 คน
โดยขณะนี้กองทัพรัสเซียกำลังกดดันทหารยูเครนที่ประจำการตามแนวป้องกันทางด้านทิศเหนือของภูมิภาคโดเน็ทสก์ ซึ่งรัสเซียประกาศอย่างขัดเจนว่าจะต้องยึดเมืองที่เหลือจากรัฐบาลยูเครนให้ได้ทั้งหมดหลังจากที่ควบคุมภูมิภาคลูฮานสก์ได้อย่างเบ็ดเสร็จแล้ว โดย ประธานาธิบดี ปูติน เตือนรัฐบาลยูเครนควรยอมรับเงื่อนไขของรัสเซียโดยเร็วก่อนที่ “จะเผชิญสถานการณ์อันเลวร้ายที่สุด”
ขณะที่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทหารยูเครนได้ปักธงชาติบนเกาะงู (Snake Island) ในทะเลดำ ที่ยึดคืนมาจากรัสเซียได้ เพื่อแสดงการขัดขืนต่อการรุกรานของกองทัพรัสเซีย โดยคณะเสนาธิการประจำทำเนียบประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า ภาพดังกล่าวจะเกิดขึ้นอีกทั่วแผ่นดินยูเครนในช่วงไม่กี่เดือนจากนี้
อย่างไรก็ตาม หลังภาพการปักธงยูเครนบนเกาะงูปรากฏออกมา กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่าได้ทำการตอบโต้ยูเครนด้วยการส่งเครื่องบินรบขึ้นโจมตีกองทหารของยูเครนบนเกาะแห่งนี้แล้ว
สำหรับเกาะงู เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญในการสู้รบ แต่ทหารรัสเซียได้ถอนกำลังออกไปตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว โดยให้เหตุผลว่าเป็นการแสดงความ “ประสงค์ดี” เและพิสูจน์ให้เห็นว่า รัสเซียไม่ต้องการขัดขวางความพยายามขององค์การสหประชาชาติในการจัดตั้งเส้นทางที่ปลอดภัยเพื่อการส่งออกเมล็ดธัญพืชของยูเครน