ชาวฟิลิปปินส์ประท้วง ขณะปธน.แถลงนโยบายต่อสภาครั้งแรก

วันนี้ 25 ก.ค. ประธานาธิบดี เฟอร์ดินาน มาร์กอส จูเนียร์ ได้แถลงนโยบายครั้งแรกต่อรัฐสภาฟิลิปปินส์ โดยเขาระบุว่า ในด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลจะปฏิรูปเรื่องการใช้จ่ายของภาครัฐและปฏิรูประบบการเก็บภาษีใหม่

นอกจากนี้ รัฐบาลจะทำให้ฟิลิปปินส์เป็นจุดหมายใหม่ในการลงทุน โดยจะปรับข้อกฎหมายต่างๆ  เพื่อให้สอดรับกับการลงทุนจากต่งชาติ อีกทั้งสนับสนุนการสร้างพื้นที่เศรษฐกิจหรือ Economic zone ด้วย

“บองบอง มาร์กอส” ว่าที่ผู้นำฟิลิปปินส์ ผู้นำพาความรุ่งโรจน์หรือยุคมืด?

"มาร์กอส จูเนียร์" สาบานตนรับตำแหน่ง ปธน.คนใหม่ของฟิลิปปินส์

ส่วนด้านการศึกษา ผู้นำฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ในระยะสั้นรัฐบาลจะพยายามทำให้นักเรียนสามารถกลับไปเรียนที่โรงเรียนได้ตามปกติในปีนี้ ส่วนในระยะยาวจะมีการปฏิรูปและเสริมสร้างหลักสูตรครูเพื่อให้มีองค์ความรู้ที่เท่าทันโลก

การแถลงนโยบายต่อรัฐสภาครั้งนี้เป็นหนึ่งในหน้าที่ของประธานาธิบดีที่ถูกระบุไว้ตามรัฐธรรมนูญของฟิลิปปินส์ ทั้งนี้เพื่อให้รัฐสภาและประชาชนรับทราบนโยบายในปีแรกของประธานาธิบดีหลังจากที่ขึ้นดำรงตำแหน่ง

หลังจากนั้นในทุกๆ ปีประธานาธิบดีจะต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาจนกว่าจะครบวาระ เพื่อให้ประชาชนและรัฐสภารับทราบทิศทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาล

โดยผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีหนึ่งสมัย จะต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาประมาณ 6 ครั้ง เนื่องจากกหมายฟิลิปปินส์ระบุไว้ว่าวาระของประธานานธิบดีคือ 6 ปี

อย่างไรก็ดี ระหว่างที่ประธานาธิบดีมาร์กอสจูเนียร์กำลังแถลงนโยบายอยู่ในรัฐสภานั้น ประชาชนหลายพันคนได้ออกมาประท้วงต่อต้านผู้นำคนใหม่บนถนนใจกลางกรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์

โดยประชาชนที่มาประท้วงได้เดินถือป้ายประท้วงที่มีเนื้อหาว่า ไม่เอาเผด็จการ ทวงคืนสิทธิในการแสดงความเห็นอย่างเสรี และปล่อยตัวนักโทษทางการเมือง เนื่องจากพวกเขากังวลว่าประธานาธิบดีมาร์กอสจูเนียร์จะปกครองประเทศแบบเผด็จการเหมือน เฟอร์ดินาน มาร์กอส ผู้เป็นพ่อ

นอกจากนี้กลุ่มผู้ประท้วงยังได้ทำหุ่นจำลองเพื่อเสียดสีตัวประธานาธิบดีและตระกูลมาร์กอส

ขณะที่ เรนาโต เรเยส จูเนียร์ ผู้นำองค์กรบายัน ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรขององค์กรฝ่ายซ้ายต่างๆ ของฟิลิปปินส์ระบุว่า พวกเขาไม่เคยลืมสิ่งที่อดีตประธานาธิบดีมาร์กอสผู้พ่อทำกับประชาชน และตระกูลมาร์กอสควรได้รับโทษจากสิ่งที่เคยก่อไว้กับประเทศ

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประชาชนออกมาประท้วงต่อต้านตัวประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์

ย้อนกลับไปช่วงก่อนการเลือกตั้ง ประชาชนออกมาประท้วงเขาตั้งแต่วันที่ตัดสินใจลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 17 ของฟิลิปปินส์

เมื่อต้นเดือนธันวาคมปีที่แล้ว บรรดานักเคลื่อนไหวหลายคนได้ออกมารวมตัวประท้วงขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งของฟิลิปปินส์ตัดสิทธิ์ผู้สมัครของมาร์กอส จูเนียร์ เนื่องจากเคยทำผิดคดีหลบเลี่ยงภาษีในปี 1982-1985

อย่างไรก็ตาม กกต.ในเวลานั้นไม่ได้ตัดสิทธิ์เขา และเมื่อการเลือกตั้งมาถึง มาร์กอส จูเนียร์ก็ได้รับชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ด้วยคะแนนเกือบ 32 ล้านคะแนน หรือราวร้อยละ 58.77 ของผู้ที่มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมด

หลังกกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ประชาชนหลายร้อยคนได้ออกมารวมตัวประท้วงผลการเลือกตั้งที่หน้าที่ทำการกกต.ของฟิลิปปินส์ โดยให้เหตุผลว่าการเลือกตั้งเป็นไปอย่างไม่โปร่งใส แต่ก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ข้อประท้วงนี้

หลังจากนั้นในวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา มาร์กอสจูเนียร์ได้เข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 17 ของฟิลิปปินส์

ในขณะที่เขาสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ประชาชนหลายร้อยคนได้รวมตัวประท้วงการเข้ารับตำแหน่งของเขา ประชาชนที่ออกมาต่อต้านระบุว่า การที่มาร์กอส จูเนียร์ได้เข้ารับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี เหมือนเป็นการเอามีดมากรีดซ้ำที่แผลของเหยื่อ ซึ่งได้รับผลกระทบจากกฎหมายเผด็จการของมาร์กอสผู้พ่อเมื่อหลายสิบปีก่อน