เมื่อวันอาทิตย์ (7 ส.ค.) ที่ผ่านมา มีเรือสินค้าอีก 4 ลำที่บรรทุกธัญพืชและน้ำมันดอกทานตะวันของยูเครน ได้เดินทางออกจากท่าเรือโอเดสซาและชอร์โนมอร์สก์ เพื่อส่งออกสินค้าอาหารและการเกษตรไปยังจุดหมายปลายทาง
นี่นับเป็นชบวนเรือสินค้าชุดที่ 3 แล้ว ที่เดินทางออกจากท่าเรือยูเครนภายใต้ข้อตกลง 4 ฝ่ายในการเปิดเส้นทางส่งออกธัญพืชยูเครน เพื่อป้องกันวิกฤตอาหารและความอดอยากโลก
หวั่นเกิดหายนะนิวเคลียร์ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียถูกโจมตีอีกครั้ง
รัสเซียจับกุมนักวิจัยขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก ในข้อหากบฏต่อแผ่นดิน
เรือบรรทุกธัญพืชยูเครนออกจากท่าเพิ่มอีก 3 ลำ
เรือทั้งหมดจะมุ่งหน้าไปยังตุรกี เพื่อเข้ารับกระบวนการตรวจสอบสินค้า ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ทำกับรัสเซียและสหประชาชาติ จากนั้นจะเดินทางผ่านช่องแคบบอสฟอรัส เพื่อมุ่งหน้าไปยังปลายทางต่อไป โดย 2 ลำเทียบท่าในตุรกี ขณะที่อีกลำจะมุ่งหน้าไปยังอิตาลี และลำสุดท้ายมีปลายทางอยู่ที่จีน
ภายใต้ข้อตกลงระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีตุรกีและสหประชาชาติเป้นคนกลางเจรจา รัสเซียได้ยินยอมที่จะไม่โจมตีเรือสินค้าที่อยู่ในเส้นทางปลอดภัยที่มีการตกลงกันไว้ แต่จะต้องทำให้แน่ใจว่า ไม่มีการขนส่งอาวุธ
ข้อตกลงเปิดเส้นทางส่งออกสินค้าอาหารและการเกษตรนี้มีอายุ 120 วัน แต่สามารถขยายระยะเวลาข้อตกลงออกไปได้หากทั้งสองฝ่ายเห็นชอบ ความสำเร็จของข้อตกลงนี้ นับเป็นความก้าวหน้าทางการทูตที่หาได้ยากในความขัดแย้งที่ดำเนินมากว่า 5 เดือนนี้ และมีความสำคัญต่อทั้งยูเครนและประเทศอื่น ๆ ในโลก
ยูเครนรายงานว่า มีธัญพืชกว่า 20 ล้านตันติดค้างอยู่ในประเทศ อันเป็นผลมาจากการปิดล้อมของรัสเซีย แต่หากข้อตกลงเปิดเส้นทางดังกล่าวดำเนินต่อไปได้เรื่อย ๆ ยูเครนคาดว่าจะส่งออกธัญพืชได้มากถึง 3 ล้านตันต่อเดือน
เรียบเรียงจาก BBC
ภาพจาก AFP
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซียถูกโจมตี สายไฟเสียหาย-ไม่มีรังสีรั่วไหล
“แอมเนสตี้ฯ” ตำหนิยูเครน ตั้งฐานทัพในเมือง ทำพลเรือนอยู่ในอันตราย