นาย สเตฟาน ดูจาริค โฆษกเลขาธิการสหประชาชาติ เปิดเผยว่า นาย อันโตนิโอ กูร์เตียเรซ เลขาธิการสหประชาชาติจะเดินทางถึงเมืองลวิฟ ของยูเครนในวันพรุ่งนี้ โดยจะมีการร่วมประชุมกับ ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซลินสกี ผู้นำยูเครน และ ประธานาธิบดี เรย์ซิป เทย์ยิป เออร์โดอาน ผู้นำตุรกี
โดย ดูจาริค เปิดเผยว่า ทั้ง 3 คน จะหารือกันในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการสู้รบในยูเครน ทั้งการวิธีแก้ไขความขัดแย้งกัยรัสเซีย การตรวจสอบเหตุอาชญกรรมต่างๆ
เลขาฯ ยูเอ็น เตือนสถานการณ์โลก ตกอยู่ในความเสี่ยงเกิดสงครามนิวเคลียร์
จรวดถล่มเคียฟสองลูก ระหว่างเลขาฯยูเอ็นเดินทางเยือนยูเครน
ที่อาจเกี่ยวข้องกับการสู้รบ และ การยิงโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปห์ริสเซีย ที่กำลังสร้างความกังวลว่าอาจก่อให้เกิดวิกฤตครั้งใหญ่ในระดับเดียวกับการระเบิดของโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล
ขณะที่ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ระบุว่าการที่สหรัฐฯให้ความช่วยเหลือด้านอาวุธอย่างต่อเนื่องให้กับยูเครน เป็นเพราะต้องการให้สงครามยืดเยื้อออกไปเพื่อรักษาสถานะการเป็นประเทศมหาอำนาจที่มีอิทธิพลครอบงำโลก
นอกจากนนี้ ปูตินยังเชื่อว่าโลกตะวันตกมีความต้องการขยายครือข่ายทางทหารเข้าไปในทวีปเอเชีย ด้วยการจัดตั้งองค์กรที่มีลักษณะคล้ายๆกับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต
โดย ปูติน ได้วิจารณ์ว่าความเคลื่อนไหวสนับสนุนยูเครนของสหรัฐฯ และการเดินทางเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯเมื่อเร็วๆนี้ ต่างเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของอเมริกา ที่ต้องการสร้างความปั่นป่วนแลัทำให้ทั่วโลกไร้เสถียรภาพ
ขณะที่ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยรัตเกอส์ (Rutgers University) ในรัฐนิวเจอร์ซีของสหรัฐได้เผยแพร่ผลการศึกษาที่ประเมินว่าหากเกิดสงครามนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ ลและ รัสเซีย จะทำให้ประชากรโลกเสียชีวิตจากความอดอยากมากถึง 5 พันล้านคน หรือ 75 เปอร์เซนต์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 3 ใน 4 จากจำนวนประชากรโลกทั้งหมด 7 พันล้านคน
โดยทีมวิจัยให้เหตุผลว่าการระเบิดของอาวุธนิวเคลียร์จะทำให้เกิดไฟไหม้ขนาดใหญ่และพ่นเขม่าสู่ชั้นบรรยากาศ เขม่าเหล่านั้นจะปิดกั้นแสงแดดไม่ให้ส่องลงมาบนพื้นผิวโลก ส่งผลกระทบต่อการการผลิตพืชพันธุ์ธัญญาหาร
ขณะที่ในสถานการณ์จำลอง ทีมวิจัยพบว่า ภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังสงครามนิวเคลียร์เกิดขึ้น จะมีผู้เสียชีวิตทันทีอย่างน้อย 34 ล้านคน และบาดเจ็บอีกกว่า 57 ล้านคน หลัก ๆ ความสูญเสียจะเกิดขึ้นในยุโรปและรัสเซียก่อน เพราะในยุโรปมีฐานทัพของนาโต ซึ่งน่าจะเป็นเป้าหมายการโจมตีหลักของรัสเซีย