หลังจากที่เมื่อวานนี้ (21 ก.ย.) ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศระดมกำลังทหาร 300,000 นายจากกองกำลังสำรอง เพื่อไปเสริมทัพใน “ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน” นับเป็นการประกาศระดมกำลังพลสำรองครั้งใหญ่ครั้งแรกของรัสเซียในรอบเกือบ 80 ปีนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง
การประกาศของปูตินทำให้เกิดกระแสความกังวล ตื่นตระหนก และไม่พอใจในสังคมรัสเซีย จนเกิดการประท้วงและความพยายามในการหลบหนีออกจากประเทศ
ปูตินประกาศระดมกำลังพลครั้งใหญ่ เสริมทัพปฏิบัติการพิเศษในยูเครน
เปิดใจนักโทษในรัสเซีย กับข้อเสนอไปรบในยูเครนแลกอิสรภาพ
ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย? 4 ภูมิภาคยูเครนจ่อลงประชามติขอผนวกเข้ารัสเซีย
เว็บไซต์เอเจนซีด้านการท่องเที่ยวในรัสเซียเปิดเผยว่า ความต้องการตั๋วหรือเที่ยวบินแบบวันเวย์ไปยังประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่าเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อวานนี้ และคาดว่าอย่างช้าที่สุด ตั๋วเหล่านั้นจะขายหมดภายในวันศุกร์นี้ (23 ก.ย.)
โดยขณะนี้ เที่ยวบินตรงจากมอสโกไปอิสตันบูลของตุรกี เยเรวานของอาร์เมเนีย และบากูในอาเซอร์ไบจาน เต็มแล้วทั้งหมด
นอกจากนี้ ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา คำว่า “ออกจากรัสเซีย” เป็นคีย์เวิร์ดที่ชาวรัสเซียใช้ค้นหาในกูเกิลมากที่สุด และชาวรัสเซียยังค้นหาคำว่า “Aviasales” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มค้นหาตั๋วเครื่องบินชั้นนำของรัสเซีย โดยการค้นหาเพิ่มขึ้น 4 เท่าใน 24 ชั่วโมง พื้นที่ที่มีการค้นหาส่วนใหญ่มาจากมอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
แต่การจะซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางออกจากรัสเซียก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้วเช่นกัน เพราะราคาตั๋วเครื่องบินไปต่างประเทศขณะนี้บางปลายทางราคาแพงขึ้นเกือบ 10 เท่าเลยทีเดียว เช่น ตั๋วเที่ยวเดียวไฟลต์วันศุกร์จากมอสโกไปอิสตันบูล ก่อนการประกาศระดมพลของรัสเซีย มีราคาอยู่ที่ 350 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 13,000 บาท) ต่อที่นั่ง แต่หลังการประกาศ ราคาก็พุ่งไปถึง 2,715 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1 แสนบาท)
ด้านเว็บไซต์ของสายการบินแอโรฟลอต (Aeroflot) ของรัสเซียระบุว่า ตั๋วชั้นประหยัดที่มีปลายทางไปยังอาร์เมเนียไฟลต์ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 28 ก.ย. ถูกขายไปหมดแล้ว
ในขณะเดียวกัน เกิดการประท้วงในหลายเมืองทั่วรัสเซีย โดยเฉพาะมอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยประชาชนชาวรัสเซียออกมาต่อต้านสงครามและประณามคำสั่งระดมกำลังพลสำรองของปูติน โดยมีเสียงตะโกนว่า “ห้ามระดมพล!”
ผู้ประท้วงรายหนึ่งบอกว่า “ชายชาวรัสเซียหลายพันคน พ่อ พี่น้อง และสามีของเรา จะถูกโยนเข้าไปในสงครามที่เป็นเหมือนเครื่องบดเนื้อ พวกเขาจะตายไปเพื่ออะไร?”
วาซิลี เฟโดรอฟ นักศึกษาที่ออกมาประท้วง กล่าวว่า “ทุกคนกลัว ผมมาที่นี่เพื่อเรียกร้องสันติภาพและไม่ต้องการที่จะไปยิงปืนใส่ใคร แต่การออกมาอย่างนี้มันอันตรายมาก ไม่อย่างนั้นคนประท้วงจะเยอะกว่านี้อีก”
อเล็กซี (ไม่เปิดเผยนามสกุล) ชาวรัสเซียวัย 60 ปีบอกว่า “ระบอบการปกครองนี้กำลังทำลายเยาวชนของชาติ”
ผู้ประท้วงหนุ่มอีกรายตะโกนด่าทอตำรวจว่า “ทำไมคุณถึงรับใช้ปูติน ชายผู้ครองอำนาจมา 20 ปี!”
อ็อกซานา ซิโดเรนโก นักศึกษาอีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ฉันมาเพื่อบอกว่าฉันต่อต้านสงครามและการระดมกำลังพล ... ทำไมพวกเขาถึงตัดสินใจอนาคตของพวกเรา? ฉันกลัว กลัวแทนพี่ชายของฉันด้วย”
ในเมืองเอคาเตรินเบิร์ก ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งนั่งรถเข็นตะโกนด่าประธานาธิบดีรัสเซียว่า “ไอ้หัวล้านบ้าบอคอแตก เขาจะวางระเบิดใส่เรา และเราทุกคนยังคงปกป้องเขาอยู่ มันต้องพอได้แล้ว”
อย่างไรก็ตาม การชุมนุมที่ไม่ได้รับอนุมัตินั้นเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายภายใต้กฎหมายต่อต้านการประท้วงของรัสเซีย อิรินา โวลค์ เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยของรัสเซีย แถลงว่า เจ้าหน้าที่ได้ขจัดความพยายามในการการประท้วงแล้ว
“ในหลายภูมิภาค มีความพยายามที่จะจัดการประท้วงที่ไม่ได้รับอนุญาต สิ่งเหล่านี้ถูกหยุดทั้งหมด และบุคคลที่ฝ่าฝืนกฎหมายก็ถูกควบคุมตัวและนำตัวส่งโรงพักเพื่อสอบสวนและเอาผิด” โวลค์กล่าว
กลุ่มสิทธิมนุษยชน OVD-Info รายงานว่า เมื่อวานนี้ กองกำลังความมั่นคงรัสเซียจับกุมผู้ประท้วงไปมากกว่า 1,300 คนใน 38 เมือง โดยอยู่ในมอสโกและเซนต์ปีเตอร์เบิร์กมากที่สุด
สำนักงานอัยการของมอสโกเตือนว่าการจัดระเบียบหรือมีส่วนร่วมในการประท้วงอาจถูกตัดสินโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี
เรียบเรียงจาก CNN / The Guardian
ภาพจาก AFP