เป็นที่คาดกันว่า สี จิ้นผิง ในวัย 69 ปีจะได้รับเลือกให้เป็นสมัยที่ 3 ภายหลังการประชุมใหญ่ที่จะดำเนินไปเป็นเวลา 7 วัน นับจากนี้ เสริมความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำที่ทรงอำนาจที่สุดของจีนนับตั้งแต่เหมา เจ๋อตุง
ในสุนทรพจน์เปิดการประชุม ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง สี ได้กล่าวถึงช่วงห้าปีที่ผ่านมาว่า เป็นช่วงเวลาที่ไม่ธรรมดาและไม่ปกติอย่างยิ่ง โดยเรียกร้องให้เพิ่มความสามารถที่จะรักษาความมั่นคงของชาติ สร้างความมั่นคงด้านอาหาร พลังงาน และซัพพลายเชน รวมถึงปรับปรุงการรับมือภัยพิบัติ และปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
เปิดเบื้องลึก เบื้องหลัง ของ "ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง" กับการเปลี่ยนตัวผู้นำจีน
ประท้วงต้าน"สี จิ้นผิง"ก่อนประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์
ขณะเดียวกัน สี ได้รับเสียงปรบมือกึกก้องมากที่สุด เมื่อย้ำถึงการคัดค้านการแยกตัวเป็นอิสระของไต้หวัน
ตลอดช่วงเวลาสิบปีที่อยู่ในอำนาจ สี กำหนดให้จีนอยู่บนเส้นทางของการรวมอำนาจเบ็ดเสร็จมากขึ้น โดยให้ความสำคัญกับความมั่นคง การควบคุมเศรษฐกิจโดยภาครัฐ ที่เรียกว่า “ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” การดำเนินนโยบายแข็งกร้าวมากขึ้น รวมถึงการเสริมสร้างกองทัพ และเพิ่มแรงกดดันที่จะยึดไต้หวัน
ในประเด็นโควิด-19 สี ได้ย้ำถึงความถูกต้องเหมาะสมของยุทธศาสตร์ “ทำโควิดให้เป็นศูนย์” ซึ่งสวนทางกับประเทศส่วนใหญ่ในโลก ที่พยายามหาทางอยู่ร่วมกับโควิด
ในด้านเศรษฐกิจ สี ได้ย้ำถึงการสนับสนุนภาคเอกชน และการปล่อยให้ตลาดดำเนินบทบาทสำคัญ แม้ว่าจีนกำลังปรับปรุงระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม และส่งเสริม “ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน”
อำนาจของสี จิ้นผิง ดูเหมือนจะไม่ได้ลดลงเลย แม้จะผ่านช่วงเวลาหนึ่งปีที่วุ่นวาย ทั้งเศรษฐกิจที่ชะลอตัวรุนแรง โดยได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์บ่อยครั้ง วิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์ และผลกระทบจากการควบคุมเศรษฐกิจแพลตฟอร์มที่เคยมีอิสระเต็มที่ รวมถึงแรงต้านจากเศรษฐกิจโลก
สี ผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญในปี 2018 ที่ยกเลิกการจำกัดวาระตำแหน่งประธานาธิบดีไม่เกิน 2 สมัยได้สำเร็จ ซึ่งเปิดทางให้เขาดำรงตำแหน่งสมัยที่ 3 หรือนานกว่านั้นได้
โดยคาดว่าที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะเลือก สี จิ้นผิง เป็นเลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของประเทศ รวมถึงประธานคณะกรรมาธิการทหารกลาง
และหลังจากการประชุมปิดฉากลงในวันเสาร์ คาดว่าสีจะประกาศคณะกรรมการถาวรของกรมการเมืองชุดใหม่ ที่ประกอบด้วยสมาชิก 7 คน ในจำนวนนี้ จะมีคนที่มาแทนที่นายหลี่ เค่อเฉียง ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่จะลงจากตำแหน่งในเดือนมีนาคมปีหน้า หลังทำหน้าที่ครบวาระ 2 สมัย