หน่วยกู้ภัยกำลังเร่งค้นหาร่างผู้เสียชีวิตและผู้รอดชีวิตใต้ซากปรักหักพังจากเหตุระเบิดในมัสยิด ที่เมืองเปชวาร์ ประเทศปากีสถาน แรงระเบิดทำให้กำแพงและหลังคาของมัสยิดถล่มลงมาทับผู้คน
ทางการระบุว่ายังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ถูกฝังอยู่ใต้ซากอาคารเหล่านี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงต้องเร่งทำการค้นหาผู้รอดชีวิต ซึ่งขณะนี้ดำเนินมากว่า 18 ชั่วโมงแล้ว
จนถึงขณะนี้จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดมีมากถึง 92 ราย บาดเจ็บกว่า 80 คน
ระเบิดมัสยิดในปากีสถาน ดับอย่างน้อย 83 ศพ คาดอาจเป็นระเบิดพลีชีพ
ชาวปากีสถานว่างงาน 30,000 คน แห่สอบเข้าตำรวจแน่นสนามกีฬา
ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองเปชวาร์ได้กล่าวว่าในช่วงเวลาเกิดเหตุ มีตำรวจราว 300-400 คนอยู่ภายในโบสถ์
เหตุระเบิดดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เวลา 13.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของปากีสถาน ที่มัสยิดแห่งหนึ่งในเมืองเปชวาร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการทำพิธีละหมาด
เบื้องต้นมีรายงานว่า ผู้ก่อเหตุนั่งอยู่บริเวณแถวแรกภายในมัสยิด ก่อนจะระเบิดพลีชีพตนเอง อย่างไรก็ตามยังไม่มีการยืนยันเกี่ยวกับเรื่องนี้ และยังไม่มีกลุ่มใดออกมาระบุว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ทางตำรวจปากีสถานกำลังเร่งสืบสวนเพื่อหาเบาะแสเพิ่มเติม
พร้อมกับประกาศเตือนภัยสูงสุดและใช้มาตรการอย่างเข้มงวด รวมถึงเพิ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
ด้านเชห์บาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีของปากีสถานได้ออกมาประณามการก่อการร้ายครั้งนี้ โดยระบุว่าผู้ก่อการร้ายต้องการสร้างความหวาดกลัวให้แก่คนในประเทศ ด้วยการมุ่งเป้าโจมตีไปที่บุคคลที่ปกป้องประเทศ อย่างตำรวจ
และกล่าวว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม เพราะการโจมตีเกิดขึ้นในสถานที่ทางศาสนาระหว่างที่มีพิธีละหมาด
หลังเกิดเหตุ นายกรัฐมนตรีปากีสถานได้เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลในเมืองเปชวาร์และขอร้องให้สมาชิกพรรคการเมืองของเขาบริจาคเลือดเพื่อช่วยชีวิตผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ พื้นที่เกิดเหตุนั้น เป็นพื้นที่ที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองเปชวาร์ ในบริเวณดังกล่าวยังมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยข่าวกรอง และหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายปากีสถานตั้งอยู่ด้วย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนหลายคนรู้สึกหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและกังวลถึงความปลอดภัยของพวกเขา
แม้จะไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบในการก่อการร้ายครั้งนี้ แต่หลายคนพุ่งเป้าไปที่กลุ่มตาลีบันในปากีสถาน
เนื่องจากกลุ่มตาลีบันในปากีสถานเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ก่อความไม่สงบในประเทศมาหลายครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จึงทำให้กลุ่มนี้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง
กลุ่มตาลีบันในปากีสถานเป็นใครและมีความสัมพันธ์อย่างไรกับปากีสถาน
กลุ่มตาลีบันในปากีสถาน หรือ TTP เป็นกองกำลังติดอาวุธอิสลามที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ที่ชายแดนอัฟกานิสถาน-ปากีสถาน
อย่างไรก็ดี กลุ่มนี้ถือว่าเป็นคนละกลุ่มกับตาลีบันในอัฟกานิสถาน แต่ทั้งสองกลุ่มเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่น
ตาลีบัน ถือว่ามีรากฐานมาจากปากีสถาน เริ่มปรากฎตัวครั้งแรกในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ทางตอนเหนือของปากีสถาน หลังกองทัพโซเวียตถอนตัวออกจากอัฟกานิสถานไป
ตาลีบันอ้างว่าจะนำความสงบและความมั่นคงมาสู่อัฟกานิสถานและปากีสถาน ไม่นานตาลีบันเริ่มขยายอำนาจอย่างรวดเร็วและสามารถควบคุมอัฟกานิสถานได้สำเร็จ ก่อนจะตั้งรัฐอิสลามขึ้นภายใต้กฎหมายชารีอะห์
สำหรับปากีสถานในขณะนั้น ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ยอมรับรัฐบาลตาลีบันอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตามในปี 2001 หลังเหตุวินาศกรรม 9/11 ที่เครื่องบินพุ่งชนตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์
สหรัฐฯ และกองกำลัง NATO จึงบุกอัฟกานิสถานและเริ่มปฏิบัติการกำจัดกลุ่มก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน
รัฐบาลปากีสถานทนแรงกดดันจากสหรัฐฯ ไม่ไหว จึงร่วมมือกับสหรัฐฯ เข้าปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายที่หนีมาจากสงครามในอัฟกานิสถาน และกลุ่ม TTP ก็ก่อตั้งขึ้นในช่วงเวลานั้นเมื่อปี 2007
นักรบจีฮัดชาวปากีสถานหลายคน หันมาต่อต้านรัฐบาลปากีสถานและสนับสนุนกลุ่มตาลีบันในอัฟกานิสถาน รวมถึงกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ อย่างกลุ่มอัลกออิดะห์
แม้ TTP จะกล่าวว่าก่อตั้งเพื่อป้องกันตัวเองจากการรุกรานของสหรัฐฯ แต่ TTP ก็มีเป้าหมายที่จะสร้างระบอบการเมืองในปากีสถานขึ้นมาใหม่ ด้วยการบังคับใช้กฎหมายชารีอะห์อย่างเข้มงวดมากขึ้น ปล่อยตัวสมาชิกในการควบคุมตัวของรัฐบาล และลดการประจำการทางทหารของปากีสถานในแคว้นไคเบอร์ปัคตูนควา ซึ่งมีพรมแดนติดกับอัฟกานิสถาน
หลังจากนั้นความขัดแย้งระหว่างกลุ่ม TTP และปากีสถานก็ดำเนินเรื่อยมา ในช่วงเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ กลุ่ม TTP ได้โจมตีปากีสถานมานับครั้งไม่ถ้วน โดยในปี 2010 สหรัฐฯ ได้ประกาศให้กลุ่ม TTP เป็นกลุ่มก่อการร้ายอย่างเป็นทางการ
ปฏิบัติการของ TTP มุ่งเป้าไปที่กองกำลังและหน่วยข่าวกรองปากีสถานเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม หลายครั้งที่ TTP โจมตีเด็กและผู้บริสุทธิ์
อย่างในปี 2012 TTP ได้ยิงมาลาลา ยูซาฟไซ เด็กนักเรียนหญิงชาวปากีสถานในหุบเขาสวัต ด้วยเหตุผลว่าเธอสนับสนุนการศึกษาของเด็กผู้หญิง
มาลาลารอดชีวิตมาได้และกลายเป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีและเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 2014
หรือในปี 2014 กลุ่ม TTP ได้โจมตีโรงเรียนของกองทัพในเมืองเปชวาร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 141 คน ในจำนวนนั้นเป็นเด็ก 132 คน ซึ่งการโจมตีนี้ถือเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งของปากีสถาน
ในเดือนพฤศจิกายนปี 2021 รัฐบาลปากีสถานพยายามที่จะเจรจาสันติภาพกับกลุ่ม TTP เพื่อยุติสงครามที่ยาวนานกว่า 2 ทศวรรษนี้ โดยมีกลุ่มตาลีบันในอัฟกานิสถานเป็นตัวกลางในการเจรจาครั้งนี้ แต่การเจรจาก็ล้มเหลว โดย TTP อ้างว่ารัฐบาลปากีสถานไม่สามารถดำเนินการตามข้อตกลงได้
จากนั้นมีความพยายามอีกครั้งเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมปี 2022 การเจรจาจัดขึ้นในกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน และเป็นอีกครั้งที่รัฐบาลตาลีบันรับบทเป็นผู้ไกล่เกลี่ย แต่ก็ล้มเหลวอีกครั้ง
โดยกลุ่ม TTP ระบุว่ารัฐบาลปากีสถานไม่ได้ปล่อยตัวนักโทษจำนวน 100 คนตามสัญญา และไม่ได้ตั้งทีมเจรจาเพื่อเจรจาสันติภาพแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ทางโฆษกของกลุ่ม TTP ได้ออกแถลงการณ์ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุก่อการร้ายครั้งนี้ โดยระบุว่ากลุ่มตาลีบันในปากีสถานมีกฎว่าจะไม่ทำลายมัสยิด พิธีศพ และสถานที่ทางศาสนาอื่นๆ และหากใครละเมิดก็จะถูกลงโทษ
